ไลฟ์สไตล์

สารพันน้ำพริกเจ"แม่กานดา"
การันตีคุณภาพ-โอท็อป3ปีซ้อน

สารพันน้ำพริกเจ"แม่กานดา" การันตีคุณภาพ-โอท็อป3ปีซ้อน

25 ธ.ค. 2553

ชีวิตที่ผกผันของ กานดา ภาษิตานนท์ ในวัย 68 ปี จากที่เคยมีอันจะกิน พิษต้มยำกุ้งปี 2540 ทำให้ชีวิตของเธอและครอบครัวถอยหลังจนต้องเก็บของเหลือใช้ในบ้านเปิดท้ายขายของเพื่อความอยู่รอด แต่ด้วยมีฝีมือด้านการทำอาหาร บวกกับความเข้าใจในธรรมะที่ยึดหลักไม่เบียดเบียนชี

  ป้ากานดา ในวัย 68 ปี ผู้ผลิตน้ำพริกเจ ย้อนอดีตให้ฟังว่าเป็นชาวเยาวราชแต่กำเนิด ฐานะทางบ้านค่อนข้างมีอันจะกิน โดยส่วนตัวหลังออกเรือนมีครอบครัวก็เปิดร้านอาหารตามสั่ง ด้วยเชี่ยวชาญด้านการทำอาหาร อีกทั้งทุกเมนูรสชาติดี จึงทำรายได้เข้ากระเป๋าได้ไม่น้อยในแต่ละวัน จนมีโอกาสเดินทางไปพักผ่อนต่างประเทศในทุกปี กระทั่งก้าวสู่ปี 2540 ช่วงวิกฤติเศรษฐกิจฟองสบู่แตก ธุรกิจร้านอาหารของป้ากานดาก็พลอยโดนหางเลขไปด้วย จากลูกค้าที่เคยมาฝากท้องที่ร้านเป็นประจำ เริ่มหดหาย ชีวิตเริ่มมีหนี้สินเข้ามาพัวพันส่งผลให้ในที่สุดกิจการร้านอาหารก็ล้มไป

 "ช่วงนั้นคิดไม่ออกเหมือนกันว่าจะทำอาชีพอะไรดี มืดไปหมด เห็นคนอื่นเขานิยมเปิดท้ายขายของ ป้าจึงเก็บของใช้ภายในบ้านไปเปิดท้ายขายตามตลาดนัดแถวเยาวราช ก็พอมีรายได้ประทังชีวิตไปวันๆ แต่ไม่วายมีปัญหา โดยเฉพาะเรื่องฟ้าฝนที่สร้างปัญหาตลอดขายของไม่ได้ ทำให้ท้อเหมือนกัน" ป้ากานดา เล่า

 ทว่าเหมือนปลายทางชีวิตยังมีแสงสว่าง เมื่อป้ากานดาถูกชักชวนจากเพื่อนสนิทให้หันมาเดินบนถนนสายธรรมะ ที่ยึดหลักไม่เบียดเบียนสัตว์โลก แม้กระทั่งการรับประทานอาหาร ซึ่งป้ากานดาได้ปฏิเสธการรับประทานเนื้อสัตว์ทั้งปวง ซึ่งนั่นเปรียบเสมือนจุดเปลี่ยนให้วิถีชีวิตของเธอและครอบครัวก้าวเข้าสู่กิจการทำน้ำพริกเจขาย หลังป้ากานดากลับมาใช้ชีวิตอย่างปกติชนและคิดหาอาชีพใหม่

 "ก็พอจะมีความรู้เรื่องน้ำพริกอยู่บ้าง จึงคิดทำขาย แรกเริ่มทำรสชาติตามแบบที่ใจเราชอบ เห็นว่าอร่อยพอใช้ได้ จึงนำไปแจกจ่ายให้เพื่อนบ้านลองชิมกัน ซึ่งผลตอบรับกลับมาดีมากว่ารสชาติอร่อย และยังมีคำแนะนำว่าให้ลองทำขายเพื่อลูกค้าที่รักสุขภาพ ป้าก็เลยทดลองทำ โดยทำสูตรน้ำพริกเผาเจเห็ดหอมเป็นเมนูแรก" ป้ากานดา แจงหลังจากนำผลิตภัณฑ์น้ำพริกเจสูตรแรกทดลองวางขายตามร้านชำ เปิดบูธขายในงานเทศกาลต่างๆ ทั้งในเมืองกรุง และต่างจังหวัด

 ด้วยคุณภาพวัตถุดิบที่สรรหามาผลิตต้องระดับเกรดเอทั้งหมด บวกกับรสชาติที่อร่อยถูกปากลูกค้า วิธีการผลิตที่พิถีพิถัน ผลิตภัณฑ์น้ำพริกเผาเห็ดหอมเจเมนูแรกของป้ากานดาภายใต้แบรนด์ "น้ำพริกเจแม่กานดา" จากเขตสายไหม กรุงเทพฯ จึงได้รับรางวัลโอท็อป 4 ดาว เมื่อปี 2543 ซึ่งเป็นปีแรกของการส่งเข้าประกวด และรับรางวัลโอท็อป 4 ดาว เมื่อปี 2552 ด้วย

 "จากนั้นป้าก็พัฒนาเมนูใหม่ๆ ออกมาอย่างต่อเนื่อง แรกๆ ก็มีลูกๆ สามี เป็นลูกมือคอยช่วย แต่เมื่อออเดอร์มากขึ้น โดยเฉพาะช่วงเทศกาลก็จะจ้างคนอื่นมาช่วยด้วย เพราะน้ำพริกของเราทั้งหมดล้วนทำมือแทบจะทุกขั้นตอน ยกเว้นขั้นตอนการปั่นหรือตำจะมีเครื่องมือช่วย ส่วนเรื่องวัตถุดิบอย่างเห็ดหอม ป้าก็นำเข้าจากต่างประเทศ รวมถึงพริก น้ำมั่นถั่วเหลืองด้วย เพื่อเลือกของที่ดีที่สุดให้แก่ลูกค้า" ป้ากานดา บอกด้วยความภาคภูมิใจ

 ถึงขณะนี้น้ำพริกเจแบรนด์ "แม่กานดา" ออกวางขายรวม 10 รายการ ด้วยทุกเมนูรสชาติจัดจ้าน ถูกปากผู้บริโภค ฉีกกรอบจากอาหารเจในความนึกคิดของผู้บริโภคทั่วไปที่มองว่ารสชาติจืดและเลี่ยนมาเป็นของรับประทานที่รสชาติอร่อย ผลที่ตามมาคือทำให้มียอดขายเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องในทุกรายการ ซึ่งประกอบด้วย น้ำพริกนรก น้ำพริกตาแดง น้ำพริกปลาป่น น้ำพริกงาดำ น้ำพริกมะขาม น้ำพริกปลาร้า น้ำพริกนรกแมงดา น้ำพริกแมงดา น้ำพริกเผาเห็ดหอม และ กะปิสำเร็จรูปปรุงรส เมนูน้องใหม่สำหรับนำไปทำเป็นข้าวคลุกกะปิ ที่ล่าสุดได้รับรางวัลโอท็อป 5 ดาว ประจำปี 2553 ของเขตสายไหมด้วย

 ส่วนสนนราคาขายปลีกในทุกรายการอยู่ที่กระปุกละ 28 บาท แต่ในมหกรรมเทศกาลงานผลิตภัณฑ์โอท็อป ประจำปี 2553 ที่อาคารชาเลนเจอร์ เมืองทองธานี ที่ภาครัฐจัดขึ้นเป็นเวลา 10 วัน ระหว่างวันที่ 18-28 ธันวาคมนี้ ป้ากานดาบอกว่า มีโปรโมชั่นพิเศษ คือ 2 กระปุก 55 บาท และปีนี้ได้ทดลองนำเมนู "คั่วกลิ้งไก่เจ" วางตลาดให้ได้ชิมกันด้วย

 หากท่านใดไม่มีโอกาสแวะไปที่งานนี้ ก็สามารถไปหาชิมความอร่อยสารพันน้ำพริกเจแบรนด์ "แม่กานดา" ได้ที่ห้างสรรพสินค้าเดอะมอลล์ ร้านท็อปส์ซูเปอร์มาร์เก็ต ร้านเลมอนฟาร์ม ร้านโกลเด้น เพลส ทุกสาขาทั่วประเทศ และร้านจำหน่ายสินค้าเพื่อสุขภาพทั่วไป หรือโทรไปสอบถามได้ที่ 08-1438-2369, 08-6310-8417 และ 0-2998-3251
         
ทำกะปิเจปรุงรสด้วยตัวเอง!
 ทำกะปิเจปรุงรสรับประทานเอง ไม่ยาก เริ่มจากเตรียมวัตถุดิบต่างๆ
 ส่วนผสม ซึ่งประกอบด้วย ถั่วเหลือง เครื่องปรุง อาทิ พริกไทย เกลือ ข้าวคั่ว น้ำซอส ซีอิ๊ว น้ำตาล น้ำมันถั่วเหลือง

 ขั้นตอนการทำ
 1.คัดเม็ดถั่วเหลืองแช่น้ำ 1 คืนล้างให้สะอาดต้มให้นิ่ม
 2.เทใส่ตะแกรงให้สะเด็ดน้ำ หมักทิ้งไว้ 3 คืน

 3.นำมาโขลกหรือบดให้ละเอียดโดยใส่เกลือลงไปคลุกเคล้าให้เข้ากัน
 4.จากนั้นใส่เครื่องปรุงที่เหลือ อาทิ พริกไทย ซอส ซีอิ๊ว น้ำตาล ตามสัดส่วนที่เราต้องการ เพื่อเป็นการปรุงรส

 5.ก่อนนำขึ้นตั้งไฟผัดเป็นขั้นตอนสุดท้าย รับประทานกับข้าวสวยร้อนๆ หรือไม่ทำเป็นเข้าคลุกกะปิรับประทานก็ให้รสชาติอร่อยได้อย่างลงตัว

"ธานี กุลแพทย์"