
พลิกชีวิต"ป้าหนู"สู่ของดีเกาะยอ
"ป้าหนู" หรือ "นางส่อง โชติรัตน์" วัย 72 ปี ต้องต่อสู้ชีวิตด้วยการยึดอาชีพขายข้าวยำเลี้ยงชีพ โดยสูตรที่ใช้เป็นความรู้ที่ได้รับมาจากบรรพชนคนรุ่นก่อนที่ถ่ายทอดกันมาจากรุ่นสู่รุ่น ซึ่งในอดีตจะใช้วิธีตระเวนหาบขายเดินไปทั่วเกาะยอ และเดินไปไกลถึงตัวเมืองสงขลา
กระทั่งปี 2535 "ป้าหนู" ได้ตัดสินใจปักฐานเปิดร้านเล็กๆ ตรงปากทางเข้าเกาะยอ ทำให้นักท่องเที่ยวที่แวะเวียนเดินทางมาที่นี่มีโอกาสได้แวะฝากท้องกับความอร่อยของ "ข้าวยำ" จนเกิดปรากฏการณ์ปากต่อปาก ทำให้ "ข้าวยำใบยอ" เจ้านี้เป็นที่เสาะแสวงหาของผู้มาเยือนอย่างมาก และวันนี้จึงไม่น่าแปลกใจที่วันนี้ข้าวยำได้กลายเป็นจานเด็ดของนักชิมทั่วทุกภูมิภาค โดยมิได้จำกัดความอร่อย หรือเป็นเมนูยอดนิยมของชาวปักษ์ใต้อีกต่อไป
"หากนับรวมตั้งแต่รุ่นยาย มาถึงรุ่นแม่ ก่อนป้าจะรับมรดกข้าวยำใบยอ ก็คงมีอายุร่วมๆ ร้อยปีเเล้ว เพราะลำพังยุคป้าขายเฉพาะข้าวยำก็ค่อนชีวิตแล้ว จึงไม่แปลกที่ใครต่อใครต่างยกให้เป็นของดีคู่เกาะยอไปเสียแล้ว" ป้าหนูกล่าว
จุดเด่นสำหรับข้าวยำป้าหนู ที่มีเอกลักษณ์กว่าร้านอื่นคือการใช้ข้าวทอด และเส้นหมี่ผัดกะทิเติมความอร่อยลงในจานข้าวยำใบยอ ควบคู่กับผักหั่นนานาชนิด ถั่วงอก มะม่วงหั่นฝอย หรือมะขามสดซอย กุ้งป่น มะพร้าวคั่ว ตะไคร้ซอย พริกป่น และที่ขาดไม่ได้คือ น้ำบูดูเคี่ยวน้ำตาล ซึ่งจะเป็นตัวชูโรงของความอร่อย สนนราคาเพียงจานละ 20 บาทเท่านั้น
ป้าหนูกล่าวอีกว่า นอกจากจะหุงข้าวด้วยน้ำใบยอ และน้ำบูดูที่ใช้ราดข้าวยำจะลงมือปรุงเองทุกขั้นตอนแล้ว ยังเน้นใช้ "ผักพื้นบ้านตามฤดูกาล" ที่มีอยู่ในเกาะยอ เช่น มะขาม มะม่วง ดอกดาหลา ดอกมะเมียว เพื่อสร้างสีสันให้น่ารับประทานยิ่งขึ้น อีกทั้งเป็นการส่งเสริมให้เกิดการอนุรักษ์วัฒนธรรมการรับประทานของในท้องถิ่นอีกด้วย
"หัวใจสำคัญที่ลืมไม่ได้ คือการเน้นการใช้พืชสมุนไพรพื้นบ้าน โดยเฉพาะองค์ประกอบหลักข้าวยำป้าหนูต้องมีใบชะพรู มะกรูด ตะไคร้ เป็นหลัก ส่วนพืชชนิดอื่นหมุนเวียนตามฤดูกาล" ป้าหนูกล่าว
วันนี้นอกจากจะป้าหนูจะควบคุมการผลิตเครื่องปรุงด้วยตัวเองทุกขั้นตอนแล้ว ยังถ่ายทอดสูตรความอร่อยของข้าวยำประจำตระกูลให้แก่ทายาทและลูกหลาน เพื่อช่วยกันสืบสานให้เมนูของชาวใต้ยังคงอยู่คู่เกาะยอตลอดไป
แม้จะเป็นเพียงร้านเล็กๆ แต่การปรับตัวและหยิบยกเอาวัตถุดิบที่มีอยู่ในท้องถิ่นมาเป็นจุดขาย ทำให้ "ข้าวยำป้าหนู" กลายเป็นสินค้าที่มีเอกลักษณ์ และความโดดเด่นที่สามารถครองใจลูกค้ามายาวนานหลายทศวรรษ จนถูกยกย่องให้กลายเป็นอีกหนึ่งของดีคู่เมืองเกาะยอในที่สุด
"สุพิชฌาย์ รัตนะ"