
Megamind
หนัง ซูเปอร์ฮีโร่ มักจะมีสูตรสำเร็จอยู่ไม่กี่อย่าง ที่เห็นก็เช่น การสร้างคาแรกเตอร์ตัวละคร ที่เกิดอิทธิฤทธิ์หรือพลังบางอย่างจากความผิดพลาดในการทดลองทางวิทยาศาสตร์ (Hulk, Spider Man, Fantastic Four, Iron Man) เดินทางมาจากดวงดาวอันไกลโพ้น ที่มีวิวัฒนาการล
แต่การฝึกฝนตนเองให้แข็งแกร่ง หรือไม่ก็ได้รับพรสวรรค์บางอย่าง(Batman, Dare Devil) แต่ทุกคนล้วนแล้วใช้มันเพื่อขจัดคนพาล อภิบาลคนดี พิทักษ์โลกให้มีแต่ความสงบสุข บางคนอาจเริ่มต้นจากแค่เพื่อการแก้แค้น บางคนอาจแค่หาทางปลดเปลื้องปมบางอย่างที่ฝังแน่นในใจมาแต่เยาว์วัย หรือไม่ก็ปกป้องคนที่รัก แต่ทั้งหมดนั้น ล้วนแล้วแต่ใช้พลังอำนาจที่มีไปในทางที่ดี พล็อตและตัวละครในหนัง ‘ซูเปอร์ฮีโร่’ วนเวียนอยู่แต่กับวิถีทางแบบนี้ไม่เปลี่ยนแปลง จะมีบ้างเมื่อบางครั้งต้องต่อสู้กับตัวเองจากพลังของอำนาจมืดที่แฝงเร้นในเบื้องลึกจิตใจ ทั้งความโลภโมโทสัน ความเกลียดชัง กิเลสความใคร่อยากมีอยากได้
แต่สำหรับหนังแอนิเมชั่นอย่าง “Megamind” กลับเล่าเรื่องของ ‘ซูเปอร์ฮีโร่’ ในมุมที่เปลี่ยนไป เมื่อตัวละครเอกอย่าง “Megamind” ถูกนำเสนอในแบบกลับด้าน เพราะเขาคือเจ้าวายร้ายที่สร้างความวุ่นวายปั่นป่วนให้แก่โลกใบนี้อยู่เสมอ แต่เมื่อเรื่องราวดำเนินไป เจ้า ‘เมก้ามายด์’ ตัวร้าย ก็ได้คิด และหันมาปกปักพิทักษ์โลกในที่สุด (ซึ่งเป็นการพลิกขั้วที่สนุกมาก) กระนั้นก็ตามหนังยังไม่อาจละทิ้งวิธีสร้างคาแรกเตอร์แบบเดิมๆ ให้แก่ตัวละคร ที่ดูเหมือนจะจำลอง (หรือไม่ก็ล้อเลียน) มาจากบุรุษเหล็กในชุดสีฟ้าอย่าง ‘ซูเปอร์แมน’ ตั้งแต่การเดินทางลี้ภัยมาจากดาว ‘คริปตัน’ (ชื่อเดียวกันซะด้วย) โดยผู้เป็นบิดา ส่งมาในกระสวยอวกาศ พร้อมกับเด็กอีกคน เนื่องจากดวงดาวของพวกเขากำลังจะแตกสลาย เมื่อเข้าสู่วงโคจรโลก ยานเด็กคนหนึ่งตกลงไปในบ้านมหาเศรษฐี หลังใหญ่โตโอ่อ่า ได้รับการเลี้ยงดูเป็นอย่างดี ส่วนอีกหนึ่งตกลงไปในคุกประจำเมืองเมโทรซิตี้ ได้รับการดูแลจากเหล่านักโทษตามมีตามเกิด
ในวัยเยาว์ เด็กชายทั้งสอง มีพลังพิเศษเหมือนๆ กัน เข้าเรียนในที่เดียวกัน และต่างก็พยายามใช้พลังที่ว่านั้นไปในทางที่สร้างสรรค์ แต่สำหรับเด็กที่โตมาในคุก ทุกครั้งที่เขาพยายามแสดงพลังให้เพื่อนๆมีความสุขและสนุกกับการแสดงความสามารถของเขา กลับต้องเกิดอุบัติเหตุผิดพลาด เกิดความเสียหายบ่อยๆ จนถูกส่งตัวกลับเข้าไปอยู่ในคุก และฝังตัวอยู่ในนั้นกลายเป็นวายร้ายในที่สุด ขณะที่เด็กอีกคนดูเหมือนพลังพิเศษของเขาจะเข้าตาผู้คน และใช้มันในทางที่ถูกที่ควร กลายเป็นซูเปอร์ฮีโร่พิทักษ์เมืองในนาม ‘เมโทรแมน’ ส่วนอีกคนกลายเป็นสิงห์ขี้คุก เข้าๆออกๆเรือนจำเป็นว่าเล่น สร้างความปั่นป่วนวุ่นวายให้เมโทรซิตี้เสมอๆ สำหรับเจ้าหนูที่โตมาพร้อมกับเรียกตัวเองว่า ‘เมก้ามายด์’
จากเด็กที่มีต้นทุนทางชีวิตเท่าๆกัน แต่เติบโตขึ้นจากพื้นฐานการเลี้ยงดูต่างกัน ได้การยอมรับจากสังคมแตกต่างกัน ‘เมโทร แมน’ กลายเป็นขวัญใจคนทั่วเมือง ส่วน ‘เมก้ามายด์’ มีคนจงเกลียดจงชังกันทั้งเมือง สุดท้าย ‘เมโทร แมน’ และ ‘เมก้ามายด์’ จึงกลายมาเป็นคู่ปรับกันเสียเอง ก่อนฝ่ายแรกจะเพลี่ยงพล้ำพ่ายแพ้ต่อฝ่ายหลัง หายตัวจากเมืองไปอย่างลึกลับในเวลาต่อมา
อย่างที่บอกว่าหนังเหมือนจะจำลอง และล้อเลียน “ซูเปอร์แมน” มหากาพย์ซูเปอร์ฮีโร่ที่คนทั้งโลกรู้จัก ตั้งแต่ที่มาของตัวละคร (จากดาวดวงเดียวกัน) สีสันและรูปร่าง (ตัวสีฟ้า อยู่ใต้ผ้าคลุมเหมือนกัน) มีตัวละครที่เป็นตัวแปรสำคัญทำให้สถานการณ์พลิกผัน คือนักข่าวสาวที่มีนามว่า ‘ร็อกซานน์’ และช่างภาพคู่ใจของเธอ (ใน “ซูเปอร์แมน” นางเอกก็มีอาชีพเป็นนักข่าว ที่มีชื่อว่า ‘หลุยส์ เลน’) แต่สิ่งที่หนัง “Megamind” แตกต่างออกไป รวมทั้งพล็อตเรื่องและวิธีการเล่าที่ผิดแผก หากแต่สนุกไม่แพ้กันก็คือ การกลับขั้วสลับข้างจากตัวร้ายกลายเป็นดี ส่งผลให้เราเอาใจเชียร์ตัวละครฝ่ายอธรรม ที่ข้ามฟากมาสู่ฝ่ายธรรมะได้ในที่สุด
ถ้า ‘ดิสนีย์’ และ ‘พิกซาร์’ ถนัดถนี่ กับการสร้างโลกแอนิเมชั่นในอุดมคติ ที่ผู้คนรักใคร่ไยดีต่อกันตัวละครของพวกเขาเต็มไปด้วยความดีงามในจิตใจเปรียบได้กับผ้าขาวไร้มลทินเอาชนะอุปสรรคทั้งมวลไปได้(เช่นในหนังชุด “Toy Story” “Up” “The Incredibles”) ขณะที่โลกแอนิเมชั่นของค่าย ‘ดรีมเวิร์คส’ เต็มไปด้วยความวุ่นวาย ตัวละครขาดไร้มิตรไมตรี มุ่งชิงดีชิงเด่น เอาชนะคะคานกัน แต่สุดท้ายความมุมานะพยายามเหล่านั้น กลับมาสอนให้พวกเขารู้จักการแบ่งปัน การให้อภัย และค้นพบสิ่งดีงามกับชีวิตในที่สุด เช่นที่เกิดขึ้นในหนังอย่าง ‘Shrek’ ‘Madagascar’ ‘Kung Fu Panda’ ซึ่งแม้ดูจะเป็นการหาวิธีเล่าเรื่องแปลกใหม่ ที่อยู่ภายใต้แนวคิดแบบเดิมๆ ก็ตาม แต่หนังเหล่านี้ยังมีดีอยู่ที่การแทรกสอดเรื่องของคุณธรรมน้ำมิตร ความคิดใฝ่ดี และ การใช้ความดีเอาชนะความชั่วร้ายทั้งมวล
ท่ามกลางการแข่งขันอย่างหนักหน่วงของธุรกิจหนังในบ้านเรา ช่วงปลายปี มีทั้งหนังฟอร์มยักษ์จากฮอลลีวู้ดอย่าง ‘นาร์เนีย ภาคที่สาม’ ‘Tron’ หรือกระทั่งหนังไทยอย่าง “สาระแนเห็นผี” “สุดเขตสเลดเป็ด” แม้ “Megamind” จะเข้าฉายในสหรัฐอเมริกาตั้งแต่ช่วงปลายเดือนพฤศจิกายนที่ผ่านมา และมีกระแสตอบรับที่ดีในระดับหนึ่ง แต่สำหรับบ้านเรา หนังมีกำหนดเข้าฉายวันที่ 6 มกราคมปีหน้า นัยว่าเพื่อหลบโปรแกรมให้แก่ว่าที่หนังบล็อกบัสเตอร์ทำเงินถล่มทลายส่งท้ายปี น่าเสียดายที่หนังแอนิเมชั่นในบ้านเรา ยังคงถูกจำกัดที่ทางหรือไม่ก็ถูกมองเป็นมวยรองอยู่เหมือนเดิม
ชื่อเรื่อง : Megamind
ผู้เขียนบท : อลัน สคูลคราฟท์, เบรนท์ ไซมอนส์
ผู้กำกับ : ทอม แม็คกราธ
ให้เสียงพากษ์โดย : วิลล์ เฟอร์เรล, แบรด พิตต์, ทีนา เฟย์, โจนาห์ ฮิล, เดวิด ครอส
วันที่เข้าฉาย : 6 มกราคม 2554
"ณัฐพงษ์ โอฆะพนม"