
มโนราห์ดังพัทลุงพร้อมรำถวายในหลวง
ลูกสาว"ขุนอุปถัมภ์นรากร" มโนราห์จากพัทลุง 1 ใน 9 คน ที่กระทรวงวัฒนธรรมตามหา เผยภาคภูมิใจที่ครั้งหนึ่งบิดาได้รำถวาย "ในหลวง" ถึง 2 ครั้ง พร้อมร่วมงานกับ วธ.
(2ธ.ค.) นางละม่อม ชัยฤกษ์ อายุ 72 ปี บ้านเลขที่ 1 ม. 10 ต.ชะมวง อ.ควนขนุน จ. พัทลุง ลูกสาวคนสุดท้อง จากพี่น้องทั้ง 5 คน ของขุนอุปถัมภ์นรากร 1 ใน 9 ศิลปินพื้นบ้านที่กระทรวงวัฒนธรรมตามหา ได้กล่าวแสดงความรู้สึกว่า ภาคภูมิใจและเป็นเกียรติแก่วงค์ตระกูลสู่รุ่นลูกหลาน ที่บิดาของตนได้รำมโนราห์ถวายหน้าพระพักตร์พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวถึง 2 ครั้งด้วยกัน โดยครั้งแรกรำถวายที่สวนจิตรดาและครั้งที่ 2 รำมโนราห์ถวายครั้งเสด็จเยี่ยมเยียนราษฏรในพื้นที่จังหวัดพัทลุง
โดยทุกครั้งที่ได้รำถวาย คุณพ่อกลับมาเล่าว่าตื้นเต้น และดีใจจนหาที่สุดไม่ได้ เพราะน้อยคนนักที่จะมีโอกาสได้รำถวาย ทำให้ความภาคภูมิใจที่ว่ามีสู่ลูก ๆ หลาน ๆ มาจนทุกวันนี้ หากวันนี้พ่อยังมีชีวิตอยู่ คงจะรู้สึกดีใจ ที่กระทรวงวัฒนธรรมได้เล็งเห็นและทำการเชิดชูเกียรติ
นางละม่อม กล่าวด้วยว่า สำหรับตนแล้วรู้สึกภูมิใจที่ได้เกิดเป็นลูกของพ่อทุกวันนี้ก่อนเข้านอนจะก้มกราบรูปของพ่อก่อนเสมอ ในการสืบสานการรำโนรานั้นได้มีหลานชาย และเป็นศิษย์รัก ที่ได้สืบสานการรำโนราต่อคือ อาจารย์สาโรช นาคะวิโรจน์ ที่ปัจจุบันเป็นข้าราชการบำนาญมหาวิทยาลัย ราชภัฏสงขลาเป็นคนสืบต่อ แต่ลูกๆทุกคนไม่ได้ฝึกรำโนรา แต่คุณพ่อจะให้ความสำคัญในเรื่องเรียนหนังสือมาก โดยเน้นให้ลูกๆทุกคนให้รักในการเรียน ขยันในการทำงาน และไม่ยุ่งเกี่ยวกับอบายมุขใดๆ
ในส่วนชุดโนราของคุณพ่อนั้นได้มอบให้กับลูกศิษย์เพื่อใช้ในการรำโนราไปหมดแล้ว ตอนนี้ที่บ้านจะมีหนังสือที่ระลึกงานเชิดชูเกียรติศิลปินภาคใต้ : ขุนอุปถัมภ์นรากรที่สำนักงานคณะกรรมการวัฒนธรรมแห่งชาติ , 2523 จัดพิมพ์ขึ้น
“จำได้ว่าในครั้งที่จะไปร่วมงานงานเชิดชูเกียรติคุณพ่อป่วยมากจนลูกๆ ไม่แน่ใจว่าคุณพ่อจะไปร่วมงานได้หรือไม่ แต่คุณพ่ออดทดจนสามารถไปร่วมงานได้ หลังจากนั้น 4 เดือนคุณพ่อก็ได้เสียชีวิตลง ”
หลังจากทราบข่าวว่าครอบครัวของตนเองจะได้เข้าร่วมงานของกระทรวงวัฒนธรรมที่จัดขึ้นด้วยก็รู้สึกดีใจ และพร้อมที่จะเข้าร่วมงาน
วธ.รับรองบุคคลในภาพที่เคยถวายงานในหลวงแล้ว1ราย
นายสมชาย เสียงหลาย ปลัดกระทรวงวัฒนธรรม เปิดเผยว่า ในส่วนการตามหาบุคคลในภาพที่ได้เคยถวายงาน ต่อหน้าพระพักตร์พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทั้ง 9 ภาพนั้น ขณะนี้ ทาง วธ. ได้รับแจ้งจากประชาชนเข้ามาเป็นจำนวนมากทั้งการเป็นตัวบุคคลในภาพ และพยานบุคคล แต่จากการตรวจสอบหลักฐานและรายละเอียดแล้ว ได้ให้การยืนยันรับรองภาพบุคคลในภาพ จำนวน 1 ภาพ เท่านั้น คือ ภาพที่ 1 ภาพขุนอุปถัมภ์นรากรรำโนรา ณ พระตำหนัก จิตรดารโหฐาน ซึ่งได้มีทายาทมาแสดงตัว คือ นางละม่อม ชัยพฤกษ์ อายุ 72 ปี ส่วนบุคคลอื่นๆ ที่ได้ทยอยเข้ามาแจ้ง และแสดงตัวมานั้น ยังอยู่ระหว่างการตรวจสอบ พยานแวดล้อม พยานบุคคล เพื่อที่ค้นหาบุคคลได้ตรงตามภาพทั้ง 9 ภาพ อย่างแท้จริง ทั้งนี้คาดว่า จะสามารถตรวจสอบให้แล้วเสร็จทั้งหมด ได้ภายในวันที่ 5 ธ.ค. นี้
“สำหรับการที่มีหนังสือพิมพ์ฉบับต่างๆ ได้นำเสนอข่าวของบุคคลที่ได้แสดงตัวว่าเป็นบุคคลในภาพนั้น วธ. ต้องขอขอบพระคุณ และถือเป็นเรื่องที่ดี ที่ได้มีส่วนช่วยในการตามหาตัวบุคคลให้เราได้อย่างรวดเร็ว แต่อย่างไรก็ตาม ทาง กระทรวงจะขอตรวจสอบหลักฐานทั้งหมด เพื่อให้เกิดชัดเจนก่อนที่จะประกาศต่อสาธารณชนอย่างเป็นทางการต่อไป” ปลัดวธ. กล่าว
นายสมชาย กล่าวอีกว่า สำหรับบุคคลที่ได้รับแจ้งมาเบื้องต้นว่าเป็นบุคคลในภาพ และต้องมีการกระบวนการตรวจสอบความชัดเจน ได้แก่ บุคคลในภาพที่ 2 พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวเสด็จพระราชดำเนินพร้อมด้วยสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี และสมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าจุฬาภรณวลัยลักษณ์ อัครราชกุมารี ทรงดนตรีสากล เมื่อวันที่ 30 ตุลาคม พ.ศ.2511 โดยที่ได้รับแจ้งมา คือนายกวี อังสวานนท์ ผู้จัดการทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์ บุคคลในภาพที่ 3 พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ เสด็จพระราชดำเนินพร้อมด้วยสมเด็จพระจักรพรรดิและสมเด็จพระราชินีแห่งอิหร่าน ในโอกาสเสด็จพระราชดำเนินมาเยือนประเทศไทยอย่างเป็นทางการ คือ นางจันทนา ทรงศรี ข้าราชการกรมศิลปากร ภรรยานายเชิด ทรงศรี อดีตผู้กำกับชื่อดัง
บุคคลในภาพที่ 4 ชาวเผ่าแม้วทำพิธีผูกขวัญที่ข้อพระกรถวาย ณ บ้านแม่สาใหม่ อ.แม่ริม จ.เชียงใหม่ เมื่อวันที่ 22 มกราคม พ.ศ. 2521 คือ นายปร้าจือ แซ่ย่าง ซึ่งเบื้องต้นทราบว่าเสียชีวิตแล้ว เหลือเพียงภรรยาชื่อ นางไปล่ แซ่ย่าง อายุ 95 ปี (พูดไทยไม่ได้) มีบุตร 7 คน ปัจจุบัน อยู่ หมู่ 6 บ้านแม่สาใหม่ ต. โป่งแยง อ. แม่ริม จ.เชียงใหม่ บุคคลในภาพที่ 5 พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ เสด็จพระราชดำเนินพร้อมด้วยสมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมกุฎราชกุมาร และสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ทอดพระเนตรและทรงร่วมรำวงกับลูกเสือชาวบ้าน ณ พระราชวังไกลกังวล ได้รับแจ้ง คือ นางศิวลี สุขวรรณะ อายุ 66 ปี ข้าราชการบำนาญ จ.สมุทรสงคราม
บุคคลในภาพที่ 6 พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวและสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ เสด็จฯ พร้อมด้วยสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี จากพระตำหนักทักษิณนิเวศน์ไปทรงเยี่ยมนิคมสร้างตนเองพัฒนาภาคใต้ ตำบลมาโมง และทรงเยี่ยมทหาร ตำรวจ ที่ปฏิบัติการในเขตอ.แว้ง จ.นราธิวาส เมื่อวันที่ 27 สิงหาคม พ.ศ.2519 ได้รับแจ้งจากสำนักงานวัฒนธรรมจังหวัดนราธิวาส (สวจ.) ว่า ชื่อ นายสมชาย ยังไม่ทราบนามสกุล เสียชีวิตแล้วไปกว่า 20 ปี บุคคลภาพที่ 7 พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ เสด็จพระราชดำเนินทอดพระเนตร การแสดงระบำปลายเท้า ณ โรงละครแห่งชาติ โดย ศ.สุรพล วิรุฬห์รักษ์ ที่ปรึกษากรมส่งเสริมวัฒนธรรม (สวธ. ) แจ้งว่าบุคคลในภาพดังกล่าว คือ ม.ร.ว.จีริสุดา วุฒิไกร (สกุลเดิม กิตติยากร)
ส่วนบุคคลในภาพที่ 8 พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวเสด็จพระราชดำเนินทรงทอดพระเนตร งานประติมากรรม ณ โรงเรียนเพาะช่าง คือ นายเยี่ยม ห่อวโรทยาน อายุ 69 ปี ข้าราชการบำนาญกรมธนารักษ์ บุคคลในภาพที่ 9 พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงดนตรีร่วมกับพระสหายเป็นการส่วนพระองค์ ในโอกาสเสด็จประพาสคลองรังสิต จ.ปทุมธานี เมื่อเดือนตุลาคม พ.ศ. 2497 โดย พล.ต.อ.อิสรพันธ์ สนิทวงศ์ ณ อยุธยา บุตรชาย ได้แจ้งว่า บุคคลในภาพคือ ม.ล. ประพันธ์ สนิทวงศ์ ณ อยุธยา ผู้เป็นบิดา แต่ขณะนี้ ได้เสียชีวิตลงแล้ว
นางจันทนา ทรงศรี ข้าราชการบำนาญกรมศิลปากร และอดีตครูสอนนาฏศิลป์ วิทยาลัยนาฏศิลป์ กรมศิลปากร อายุ 70 ปี เป็นภรรยาของนายเชิด ทรงศรี ผู้กำกับภาพยนตร์ชื่อดัง ปัจจุบันอยู่เขตดินแดง กทม. กล่าวว่า เหตุการณ์ในภาพที่ 3 เกิดขึ้นเมื่อปี 2508 ซึ่งขณะนั้นตนอายุ 23 ปี ได้มีโอกาสแสดงโขนนางลอยต่อหน้าพระพักตร์ ซึ่งตนแสดงเป็นนางสีดา หลังจากได้แสดงเสร็จตนได้เป็นตัวแทนคณะนักแสดงรับช่อดอกไม้จากสมเด็จพระราชินีแห่งอิหร่าน โดยทุกคนปราบปลื้มและดีใจมาก ซึ่งเหตุการณ์ในวันนั้นยังจดจำถึงทุกวันนี้ ทั้งนี้นอกจากได้แสดงโขนต่อหน้าพระพักตร์แล้ว ยังเคยมีโอกาสเข้าไปถวายงานในสำนักพระราชวังหลายครั้ง อาทิ การรำดวงเดือน ต่อหน้าพระพักตร์ในการรับแขกของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว
พล.ต.อ. อิสรพันธ์ สนิทวงศ์ ณ อยุธยา อายุ 63 ปี บุตรชายของ ม.ล. ประพันธ์ สนิทวงศ์ ณ อยุธยา บุคคลในภาพที่ 9 เล่าว่า คุณพ่อได้ถวายรับใช้ด้านดนตรีในวง อ.ส.วันศุกร์ รวมถึงได้ถวายงานด้านดนตรี แด่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวมาประมาณ 56 ปี เรียกได้ว่า คุณพ่อ ถวายงานรับใช้จนสิ้นอายุขัยของท่าน สำหรับภาพถ่ายบนเรือที่เกิดขึ้น เป็นภาพที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวเสด็จประพาสบ้านของหม่อมหลวงบัว สนิทวงศ์ ณ อยุธยา ในจังหวัดปทุมธานี เมื่อปี 2497 ซึ่งตนได้เก็บภาพความประทับใจนี้ และขยายติดไว้ที่บ้าน รวมทั้ง คุณพ่อ ยังได้มอบกีตาร์ ตัวที่เล่นบนเรือพระที่นั่งไว้ให้ตนได้สืบสานดนตรีด้วย กีตาร์ตัวนี้ มีอายุกว่า 56 ปี อย่างไรก็ตาม แม้คุณพ่อจะเสียชีวิตไปในขณะอายุได้ 84 ปี หรือตั้งแต่ปี 2546 แต่ท่านก็ได้ถ่ายทอดงานดนตรีไว้ให้ลูกได้ สืบสานต่อ โดยเฉพาะกีตาร์ตัวดังกล่าว ทุกวันนี้ตนก็ยังใช้เล่นในงานแสดงของตำรวจต่างๆ
“คุณพ่อได้ถวายงานพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวในการทรงดนตรี และเล่นเครื่องดนตรีในวงอ.ส.วันศุกร์ อาทิ เปียโน กีตาร์ โดยจะเล่นเพลงแจ๊ส รูปแบบดิกซี่ คือ สับกันเล่นเครื่องดนตรี คุณพ่อบอกว่า สร้างความพอพระทัยให้แก่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวเป็นอย่างมาก อย่างไรก็ตาม ผมในฐานะทายาท พร้อมที่จะมาถ่ายทอดเรื่องราวและประสบการณ์ของคุณพ่อที่ได้ถวายงานแด่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวให้สาธารณชนได้รับทราบในวันที่ 9 ธ.ค.นี้ด้วย”
นายเยี่ยม ห่อวโรทยาน อายุ 69 ปี ข้าราชการบำนาญ กรมธนารักษ์ บุคคลในภาพที่ 8 กล่าวว่า ตนจำได้ ว่า พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวเสด็จมาทอดพระเนตรงานที่โรงเรียนเพาะช่าง เมื่อปี 2507 ซึ่งวันนั้น ตนเรียนอยู่ในชั้นปีที่ 5 ของโรงเรียนเพาะช่าง และกำลังปั้นรูปผู้ชายนั่งชันเข่า ในขณะนั้นพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวเสด็จพระราชดำเนินผ่าน และหยุดทอดพระเนตรประติมากรรมของตน ตอนนั้นตื่นเต้นมากที่ได้เห็นพระพักตร์ของพระองค์ในระยะใกล้ไม่เกิน 2 เมตร ซึ่งผิวพระวรกายของพระองค์ผุดผ่อง ทำให้ประทับใจไม่รู้ลืม และตนยังได้เก็บภาพอีกมุมหนึ่งที่มีคนถ่ายไว้ให้ตั้งโชว์ไว้ที่บ้าน ถึงตอนนี้ไม่ได้ปั้นเหมือนครั้งที่เรียนแล้ว แต่ก็ยังคงวาดภาพอยู่เพราะเป็นคนรักงานศิลปะ อย่างไรก็ตาม ตนขอยืนยันว่า เป็นบุคคลในภาพที่ 8 จริงและมีหลักฐานภาพถ่ายยืนยัน และพร้อมที่จะเดินทางมาถ่ายทอดประสบการณ์ ที่ลานพระบรมรูปทรงม้าด้วย