
สัมผัสโลกใต้น้ำ ผ่านมุมมอง "ท็อป" พีรยสถ์
ใครๆ ก็มักจะพูดว่า "ใต้ทะเล" คือ โลกอันเงียบสงบอีกหนึ่งใบที่มีทั้งความสวยงาม ความมหัศจรรย์ และสิ่งที่น่าค้นหา เต็มไปด้วยเรื่องราวมากมาย ที่รอให้มนุษย์เดินดินอย่างเราดำดิ่งลงไปสัมผัส เสน่ห์ตรงนี้แหละที่ดูจะมัดใจนักบริหารหนุ่ม "ท็อป" พีรยสถ์ ศิริเกียรติสูง
หนุ่มหน้าใสเข้ามาข้องแวะในแวดวงการดำน้ำเมื่อ 3-4 ปีที่ก่อน ด้วยการชักชวนไปเรียนดำน้ำจากลูกพี่ลูกน้องคนสวย "จิ๊บ" อชิรญา วรวงศ์วสุ กอปรกับจังหวะที่เจ้าตัวอยากจะหากิจกรรมยามว่างพอดิบพอดี แถมยังเป็นกีฬาทางน้ำชนิดใหม่ที่ต่างจากการออกกำลังกายแบบเดิมๆ ที่เคยเล่น งานนี้เลยไม่พลาดที่จะตกปากรับคำชักชวนทันที และก็ไม่ผิดหวัง เพราะเพียงแค่การสอบดำน้ำครั้งแรก หนุ่มท็อปก็สามารถสอบผ่านได้ไลเซนส์มานอนกอดทันที
"แค่ได้ลงไปดำน้ำครั้งแรกที่พัทยาผมก็ประทับใจเลย ผมไม่คิดว่าจะได้เห็นปลาฉลามมาก่อน แต่ตอนนั้นเห็นตัวเล็กๆ พอได้มาดำน้ำที่ภูเก็ตก็ชอบอีกน้ำใสมาก ปะการังใต้น้ำสวยเลย จากนั้นก็มีทริปไปดำน้ำเรื่อยๆ ทั้งในประเทศและต่างประเทศ อย่างใต้ทะเลของต่างประเทศจะแตกต่างจากบ้านเรา ด้วยความที่น้ำเขาเย็นกว่า สัตว์ใต้น้ำและปะการังของเขาจะคนละสายพันธุ์กัน ก่อนจะไปทริปดำน้ำผมจะศึกษาก่อนว่า ช่วงไหนจะได้เจออะไรดังนั้นทุกครั้งที่ผมไปจะไม่ค่อยผิดหวัง" ผู้บริหาร เดอ พรีโก้ ส่งเสียงใสในห้องประชุมของบริษัท พรีเมียร์ เจมส์ เทรดดิ้ง จำกัด
เมื่อยกให้การดำน้ำกลายเป็นงานอดิเรกแสนรักในระยะ 3-4 ปีที่ผ่านมา เลยไม่แปลกหากหนุ่มท๊อปจะวางแผนไว้ว่าภายในหนึ่งปี ต้องหาเวลาแพ็กกระเป๋าเดินทางไปดำดิ่งในโลกใต้น้ำตามความตั้งใจ แม้จะเคยเจอเหตุการณ์ระทึกขวัญมาแล้ว แต่ไม่สามารถลดทอนความชอบลงได้
"จริงๆ แล้วการดำน้ำอันตรายพอสมควร ต้องมีสติตลอดเวลาโดยเฉพาะการดำน้ำในระดับความลึกมากๆ ต้องคอยเช็กอากาศในถังออกซิเจน และระดับความลึกที่กำลังดำอยู่เสมอ ยิ่งดำลึกมากเท่าไรยิ่งต้องระวังเวลาขึ้นมาบนผิวน้ำ เพราะการขึ้นมากะทันหันอาจทำให้เป็นโรคเบนด์ คือ ร่างกายจะมีฟองอากาศในเส้นเลือดซึ่งจะไปขัดขวางการไหลเวียนของเลือด สิ่งเหล่านี้ผมจะระวังอยู่ตลอด ครั้งหนึ่งอุปกรณ์ผมขัดข้องก่อนลงก็เช็กความเรียบร้อยแล้วนะ แต่พอดำได้ประมาณ 30 นาที ออกซิเจนในถังรั่วออกมาไม่หยุดจากอากาศ 100 บาร์ ลดลงเร็วมากเหลือแค่ 50 บาร์ ปกติอุปกรณ์ดำน้ำจะมีสายสำรองแต่ผมเก็บไว้ในที่ที่ดึงมาใช้ยากเพราะรู้สึกเกะกะ โชคดีที่บัดดี้ผมอยู่แถวนั้นเลยเข้าไปขอให้เขาช่วย ตั้งแต่นั้นมาเวลาดำน้ำผมจะเอาสายสำรองไว้ใกล้ๆ ตลอด เผื่อเกิดเหตุฉุกเฉินแบบคราวนั้นอีก" ลูกชายคนเก่งของคุณพ่อธีระ และคุณแม่ทัศนีย์ เล่านาทีระทึก
ใช่จะมีแต่อุปกรณ์ดำน้ำขัดข้องเท่านั้น ที่กระตุ้นอะดรีนาลีนในร่างกายของเขาให้หลั่งออกมา แต่ยังมีอีกหนึ่งประสบการณ์ที่สร้างความตื่นเต้นให้เจ้าตัวไม่น้อย นั่นคือการแหวกว่ายใต้น้ำในจังหวะที่ปลาฉลามพุ่งชนแท็งก์ของเขาแบบไม่ทันตั้งตัว...
"ครั้งที่ไปดำน้ำที่ทะเลแดงประเทศอียิปต์ ตอนที่นั่งเรือออกไปดำน้ำแล้วจอดเรือปลาฉลามขาว 2-3 ตัว จะมาว่ายวนรอบๆ เหมือนไม่กลัวคน แต่จะลงไปไม่ได้เพราะเป็นฉลามที่ค่อนข้างดุ เป็นทริปที่ตื่นเต้นสำหรับทุกคนเพราะไม่เคยเห็นฉลามพันธุ์นี้มาก่อน พอจะดำน้ำต้องนั่งเรือเล็กออกไปจากบริเวณนั้นก่อนแล้วค่อยดำลงมาดู จำได้ว่ามันว่ายมาข้างหลังแล้วชนแท็งก์ของผมด้วย ตอนนั้นกลัวนะเพราะฉลามพันธุ์นี้มีบันทึกเอาไว้ว่าเป็นพันธุ์ที่น่ากลัวที่สุด ดีที่ตอนนั้นเราเกาะกลุ่มกันหลายคน พอว่ายมาชนก็ไม่ได้ทำอะไรนับว่าเป็นความท้าทายพอสมควรเลยล่ะ" หนุ่มท็อปเล่าอย่างออกรส
จากประสบการณ์ในการดำน้ำครั้งแล้วครั้งเล่า ยังไม่มีใครไหนที่สามารถลดทอนความสนใจของเขาลงได้ เพราะโลกใบที่สองของเขาไม่เพียงแต่จะทำให้เขาได้เห็นธรรมชาติใต้น้ำอันสวยงามเท่านั้น แต่ยังช่วยขจัดความอ่อนล้าจากการทำงานให้หายเป็นปลิดทิ้งได้อย่างรวดเร็ว และใช่ว่าการดำน้ำจะป้อนความผ่อนคลายให้เขาเท่านั้น แต่กลับทำให้เขารู้สึกรักโลกมากขึ้นอีกหลายเท่าตัว
"ใต้น้ำมีความสวยงามอยู่มากมาย นักดำน้ำใหม่ๆ พอได้ลงไปอาจจะรู้สึกตื่นเต้นแล้วไปจับโน้นจับนี่ ผมอยากจะบอกว่าระหว่างที่เราดำไม่ควรแตะต้องอะไรทั้งนั้น โดยเฉพาะสัตว์น้ำเพราะถ้าเกิดมันกลัวขึ้นมา พวกมันอาจจะไม่มาในบริเวณนี้อีก ยิ่งตอนนี้กำลังเผชิญกับภาวะโลกร้อน ใต้น้ำเองก็ได้รับผลกระทบเช่นกัน วงจรชีวิตใต้น้ำเปลี่ยนแปลงไปมาก ปะการังเป็นสีขาว ปลาที่หาอาหารแถวปะการังก็ไม่มีให้เห็น ผมรู้เลยว่าถ้าวันนี้เรายังไม่ช่วยกันรักษาโลกเอาไว้ จะไม่มีอะไรเหลือให้เราได้เห็นอีกเลย" ท็อปวิงวอนส่งท้ายการสนทนา
เรื่อง / ศรีพร เหล่าวณิชยา
ภาพ / อนันต์ จันทรสูตร