ไลฟ์สไตล์

ภูเก็ตสองอารมณ์
จากเรือนพระอร่ามฯ ถึงบ้านชินประชา

ภูเก็ตสองอารมณ์ จากเรือนพระอร่ามฯ ถึงบ้านชินประชา

04 เม.ย. 2552

เรือนฝรั่งสีขาวสะอาดตาหลังนั้น เด่นตระหง่านด้วยลายปูนปั้นศิลปะ “บาโรก” อันกระจุกกระจิกกระจุ๋มกระจิ๋มด้วยลวดลายพรรณพฤกษา นานาผลไม้ และสรรพสัตว์ หยดนิดแต้มน้อยอยู่ตามเสาและซุ้มโค้งดูโอ่อ่าน่ารักน่าเอ็นดู

   แต่หัวเสาม้วนเป็นก้นหอยงามสง่าด้วยรูปทรง “ไอโอนิก” แบบกรีก ในขณะที่หน้าต่างประดับลวดลายเรขาคณิตรูปสี่เหลี่ยมแบบศิลปะ “อาร์ตเดโค” ดูเคร่งขรึม ทว่าเลือกกรุกระจกสีเหลืองให้อารมณ์อ่อนหวานทดแทนกัน เพ่งพิศโดยรวมแล้วแทบจะหลงผิดคิดว่ากำลังยืนอยู่ที่ไหนสักแห่งบนผืนแผ่นยุโรปทวีป หากไม่มีดอกลั่นทมและอากาศร้อนชื้นคอยเตือนใจ

 นี่คือบริษัทการบินไทย สำนักงานภูเก็ต ที่โดดเด่นบนถนนระนอง ย่านใจกลางเมืองเก่าภูเก็ต ในอดีตคือคฤหาสน์ของพระอร่ามสาครเขต หรือ “ตันเพ็กฮวด” ชาวจีนฮกเกี้ยน ต้นตระกูล “ตัณฑัยย์” หนึ่งในบรรดานายเหมืองผู้มีบทบาทสำคัญทางการค้าและการพัฒนาเมืองภูเก็ต สร้างขึ้นในราว พ.ศ. 2460-2465 ต่อมาบริษัทการบินไทย เมื่อครั้งยังเป็นบริษัทเดินอากาศไทย ซื้อคฤหาสน์หลังนี้เป็นที่ทำการตั้งแต่ปี 2490 แม้อายุอานามของคฤหาสน์จะล่วงเลยมาเกือบศตวรรษ แต่ยังคงงามสง่าเป็นแถวหน้าของ “ตึกฝรั่ง” ที่ชาวภูเก็ตนิยมเรียกเป็นภาษาจีนฮกเกี้ยนว่า “อั่งม้อหลาว” และถึงแม้จะมีโครงสร้างหลักเป็นยุโรป แต่นิยมตกแต่งภายในด้วยโต๊ะตู้และลวดลายประตูแบบจีน อย่างที่บรรดานายเหมืองชื่นชอบและเคยชิน นักประวัติศาสตร์ศิลป์จึงกำหนดเรียกอาคารลักษณะนี้โดยรวมว่า “ชิโน-โปรตุกีส” อาคารลูกผสมจีนกับยุโรป แต่เพราะโปรตุเกสเป็นชาติแรกที่เข้ามาติดต่อค้าขายในเอเชีย แล้วนำศิลปะยุโรปหลายสกุลมาเผยแพร่ จึงเป็นที่มาของคำว่า “ชิโน-โปรตุกีส”

 เรือนพระอร่ามสาครเขต ถือเป็นแถวหน้าของอาคาร “ชิโน-โปรตุกีส” ที่ชาวภูเก็ตภาคภูมิใจ ด้วยได้รับการดูแลรักษาอย่างดี และทรงคุณค่าจนได้ขึ้นทะเบียนเป็น “โบราณสถานของชาติ” แต่ไม่ทำตัวเหินห่างจากประชาชน ด้วยการอนุญาตให้ชาวบ้านและนักท่องเที่ยวไปชื่นชมและถ่ายภาพได้ ในเงื่อนไขที่ไม่รบกวนการทำงานของพนักงานการบินไทย

 แต่...ไม่ไกลกันบนถนนสายถัดจากถนนระนอง คือถนนกระบี่ อารมณ์เราต้องปรับเปลี่ยนอย่างรุนแรง เมื่อรับรู้ข่าวการทำลายโบราณสถานบนถนนสายนี้ แม้เป็นเพียงรั้วบ้านที่ถูกรื้อทิ้งอย่างไร้ค่า ทว่าเป็นส่วนหนึ่งของ “อั่งม้อหลาว” หรือ “ตึกฝรั่ง” หลังแรกของเกาะภูเก็ต เมื่อ 105 ปีก่อน และรั้วเหล็กลายดอกไม้ชุดนี้ก็มาจากแหล่งผลิตไกลถึงฮอลแลนด์ นั่นคือกรณีที่รั้วบ้าน “ชินประชา” เลขที่ 98 ถนนกระบี่ ถูกผู้รับเหมาก่อสร้างอาคารพาณิชย์ บริษัท เซาธ์ สยามไดเวอร์ส รื้อทิ้งโดยพละการ เมื่อเดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมา ทั้งๆ ที่นักวิชาการโบราณคดีแห่งกรมศิลปากร สำนักงานภูเก็ต กำชับแล้วว่าไม่สามารถรื้อทำลายได้ ถึงแม้จะยังไม่ได้ขึ้นทะเบียนเป็น “โบราณสถานของชาติ” แต่ก็มีคุณสมบัติเพียงพอที่จะได้รับการคุ้มครองตามกฎหมาย

 เพราะตามประวัติของทายาทผู้ครอบครอง คฤหาสน์หลังนี้สร้างในปี พ.ศ. 2446 โดยพระพิทักษ์ชินประชา (ตันม่าเสียง ต้นตระกูล “ตัณฑวณิช”) นายเหมืองผู้มีบทบาทสร้างความเจริญก้าวหน้าให้ภูเก็ต สมัยรัชกาลที่ 5-รัชกาลที่ 6 โดยเฉพาะอย่างยิ่งเป็นผู้บริจาคทรัพย์ส่วนตัวสร้างโรงเรียนสตรีให้ชาวภูเก็ต ซึ่งล้นเกล้ารัชกาลที่ 6 พระราชทานนามว่า “โรงเรียนตัณฑวณิชวิทยาคม” เป็นอนุสรณ์แห่งคุณความดีมาตราบจนวันนี้ ส่วน “บ้านชินประชา” เดิมเป็นเรือนหอของท่าน ต่อมาตกทอดสู่รุ่นลูกรุ่นหลาน ปัจจุบันอยู่ในความดูแลของครอบครัวคุณประชา ตัณฑวณิช หลานของพระพิทักษ์ชินประชา ตัวบ้านเป็นทรงยุโรป แต่ภายในตกแต่งประดับประดาด้วยเครื่องเรือนแบบจีนวิจิตรตระการตา ตรงกลางบ้านเจาะช่องขนาดใหญ่จากหลังคาถึงพื้น เปิดให้แสง ลม และฝนผ่านลงมาได้ เรียกว่า “ฉิ่มแจ้” ต้องตามฮวงจุ้ยการสร้างบ้านของชาวจีนฮกเกี้ยน เครื่องเรือนแบบจีนเป็นมรดกตกทอดจากบรรพบุรุษ แต่วัสดุส่วนอื่นของบ้านส่วนใหญ่นำเข้าจากต่างประเทศ อาทิ กระเบื้องปูพื้นจากอิตาลี รั้วบ้านจากฮอลแลนด์ ฯลฯ

 “บ้านชินประชา” จึงถือเป็นแบบฉบับที่สมบูรณ์ของ “ตึกฝรั่ง” หรือ “อั้งม่อหลาว” บนเกาะภูเก็ต จึงมีกองถ่ายละครและหนังทั้งไทยและฝรั่ง ใช้เป็นสถานที่ถ่ายทำหลายเรื่อง แต่วันนี้น่าเศร้าใจที่รั้วเหล็กลายดอกไม้ และซุ้มประตูแบบจีนผสมยุโรปถูกรื้อทำลายไปโดยคนที่ไม่เห็นคุณค่า ทั้งๆ ที่ได้รับการแจ้งเตือนจากเจ้าหน้าที่ของรัฐแล้วว่า รั้วและซุ้มประตูอายุ 105 ปีนี้ มีคุณค่าทางประวัติศาสตร์และมีคุณสมบัติเพียงพอที่จะได้รับการคุ้มครองตามกฎหมาย แต่ข่าวว่าแจ้งเตือนตอนสาย ตกบ่ายก็ถูกรื้อทำลายในวันนั้น ขณะนี้กำลังเป็นคดีความระหว่างกรมศิลปากรกับบริษัทผู้สร้างอาคารพาณิชย์

 โทษสูงสุดจำคุก 7 ปี หรือปรับ 7 แสนบาท จะคุ้มค่ากับรั้วและซุ้มประตูที่ทรงคุณค่าจนประเมินค่าบ่มิได้ ที่สำคัญคือมิอาจสร้างคืนกลับมาได้อีก...หรือไม่ ? ชาวภูเก็ตต้องช่วยกันหาคำตอบ!
(ท้ายเรื่อง) 

 ** บ้านชินประชา เปิดให้ผู้สนใจและตระหนักในคุณค่าของอาคารชิโน-โปรตุกีส เข้าชมศิลปะสถาปัตยกรรมภายในบ้านได้ โดยติดต่อล่วงหน้าที่โทร. 08-9646-9080

 ** กลุ่มสห+ภาพ (Foto United) ชุมชนคนถ่ายภาพ ขอเชิญชมนิทรรศการภาพสัญจร ชุด “โพท้อง (รถสองแถว) ท่องภูเก็ต” (One Day in My Beloved PHUKET) ณ พิพิธภัณฑ์ภูเก็ตไทยหัว อำเภอเมือง ภูเก็ต ตั้งแต่วันนี้จนถึง 29 เมษายน 2552 (ไม่เสียค่าเข้าชม) รายละเอียดโทร. 08-1894-5060                               

เรื่อง- ภาพ... "ธีรภาพ โลหิตกุล"