
เทศน์มหาชาติ 4
เมื่อฉบับที่แล้วผมได้เขียนเรื่องย่อของกัณฑ์เทศน์ต่างๆ ของมหาชาติ พระเวสสันดรมา 6 กัณฑ์ ตั้งแต่กัณฑ์ทศพรจนถึงกัณฑ์จุลพน กล่าวถึงชูชกได้เข้าป่าไปขอสองกุมารมาเป็นทาสรับใช้และได้พบกับพรานเจตบุตร เมื่อเป็นเช่นนี้แล้วผมก็จะขอนำเข้าสู่กัณฑ์ต่อไปก็คือ กัณฑ์มหาพน
7 กัณฑ์มหาพน ชูชกได้เดินทางผ่านมาถึงอาศรมฤๅษีนามว่า อัจจุตฤๅษี ซึ่งชูชกได้ใช้อุบายลวงอัจจุตฤๅษีว่า เป็นพราหมณ์อยู่ที่เมืองสีพีซึ่งมีความสนิทสนมกับพระเวสสันดรและจะมาเยี่ยมเยียนพระเวสสันดรที่จากกันมานาน ฝ่ายฤๅษีได้หลงเชื่อจึงได้บอกทางไปอาศรมของพระเวสสันดรอย่างละเอียดถี่ถ้วน จนชูชกได้เดินทางมาถึงอาศรมของพระเวสสันดร จบกัณฑ์มหาพน ปี่พาทย์ก็จะทำ เพลงเชิดกลอง ประกอบกิริยาการเดินทางของชูชกนั่นเอง
8 กัณฑ์กุมาร ฝ่ายชูชกเมื่อเดินทางไปถึงอาศรมของพระเวสสันดร ด้วยความเจ้าเล่ห์ไม่ยอมเข้าไปในอาศรมในขณะนั้น เพราะรู้ว่าพระนางมัทรีคงจะไม่ยอมยกสองกุมารให้แก่ตนเอง จึงได้รอเวลาจนถึงรุ่งเช้า ซึ่งพระนางมัทรีจะต้องออกไปหาผลไม้ในป่า ซึ่งทำให้ในคืนนั้นพระนางมัทรีฝันว่ามีคนมาฟันแขนของนางและควักดวงตากับดวงใจไป จึงให้พระเวสสันดรทำนายฝันให้แต่พระเวสสันดรก็ทรงบ่ายเบี่ยง เนื่องจากทราบด้วยบารมีว่าจะมีคนมาขอสองกุมาร จึงได้ใช้ให้พระนางมัทรีออกไปหาผลไม้ในป่า ฝ่ายชูชกได้เฝ้าดูอยู่เมื่อเห็นพระนางมัทรีออกไปหาผลไม้ จึงได้รีบเข้าไปทูลของสองกุมารต่อพระเวสสันดร และเมื่อชูชกได้สองกุมารแล้วจึงได้ใช้เถาวัลย์ผูกมือสองกุมารพร้อมทั้งเฆี่ยนตีสองกุมารต่อหน้าพระเวสสันดร ซึ่งทำให้พระเวสสันดรบังเกิดโทสะและเป็นต้นเหตุที่ทำให้พระเวสสันดรไม่บรรลุพระสัมโพธิญาณในชาตินี้ จบกัณฑ์นี้ ปี่พาทย์ก็จะทำ เพลงเชิดฉิ่งสลับกับเพลงโอด ประกอบกิริยาการเดินทางไปและร้องไห้ไปของสองกุมาร
9 กัณฑ์มัทรี พระนางมัทรีได้ออกไปหาผลไม้ในป่า ซึ่งในขณะเดินทางกลับได้มีราชสีห์และเสือโคร่งนอนขวางทาง ซึ่งความจริงก็คือเทวดาแปลงร่างมาสกัดไม่ให้พระนางมัทรีเดินทางติดตามพระสองกุมารได้ทันเวลา และเมื่อถึงอาศรมพระเวสสันดร และทรงทราบว่าพระเวสสันดรได้บริจาคสองกุมารเป็นทานให้แก่ชูชก นางจึงร้องไห้จนสลบไป จบกัณฑ์นี้ปี่พาทย์ก็จะทำ เพลงทยอยและโอด ประกอบกิริยาการเศร้าโศกและร้องไห้ของพระนางมัทรี
10 กัณฑ์สักบรรพ ท้าวสักกะอมรินทร์เมื่อทรงทราบว่าพระเวสสันดรได้พระราชทานโอรสทั้งสองแก่ชูชก จึงคิดได้ว่าถ้ามีใครมาขอพระนางมัทรีก็คงจะพระราชทานแก่คนอื่นไปอีก ซึ่งจะทำให้พระองค์ขาคผู้ดูแล ดังนั้นท้าวสักกะจึงได้แปลงร่างเป็นพราหมณ์และไปขอพระราชทานพระนางมัทรีกับพระเวสสันดร และเมื่อพระเวสสันดรพระราชทานพระนางมัทรีแก่ท้าวสักกะแล้ว จึงได้เกิดแผ่นดินไหว จนเป็นที่อัศจรรย์เนื่องจากเป็นการบริจาคทานที่ยิ่งใหญ่และสำคัญที่สุดของพระเวสสันดร หลังจากนั้นท้าวสักกะจึงได้ฝากพระนางมัทรีเอาไว้ ยังมิได้เอาตัวพระนางมัทรีไปแต่อย่างใด และตรัสบอกพระเวสสันดรว่าตนเองมิได้เป็นพราหมณ์แต่เป็นท้าวสักกะอมรินทร์ และได้ทรงถวายพรแปดประการให้แก่พระเวสสันดร ก่อนที่จะเหาะขึ้นสู่สรวงสวรรค์ จบกัณฑ์นี้ปี่พาทย์ ทำเพลงกลม ประกอบกิริยาการเดินทางของท้าวสักกะ
11 กัณฑ์มหาราช ชูชกได้พาสองกุมารเดินทางผ่านเมืองสีพี และได้พบกับพระเจ้ากรุงสัญชัยและสองกุมารได้เล่าเรื่องของพระเวสสันดรทั้งหมด จึงทำให้พระเจ้ากรุงสัญชัยเกิดความสงสาร จึงได้นำพระราชทรัพย์มาไถ่ตัวสองกุมารกับชูชกและทรงโปรดโภชนาอาหารให้แก่ชูชก และชูชกก็กินอาหารจนท้องแตกตาย และพระเจ้ากรุงสัญชัยจึงได้ออกเดินทางไปรับพระเวสสันดรกลับกรุงสีพีพร้อมๆ กับพระนางผุสดีและพระกัญหา ชาลี และช้างปัจจัยนาค ที่เมืองกลิงคราชได้นำมาคืนให้แก่เมืองสีพี จบเพลงนี้ปี่พาทย์ทำ เพลงกราวนอก เพื่อประกอบการเดินทัพของพระเจ้ากรุงสัญชัย
12 กัณฑ์ฉกษัตริย์ เมื่อพระเจ้ากรุงสัญชัยได้เดินทางมาถึงอาศรมพระเวสสันดร ทั้ง 6 กษัตริย์ได้พบกัน และพากันร้องไห้จนสลบไปทั้งหมด จากนั้นจึงได้เกิด ฝนโบกขรพรรษ ตกลงมาทำให้ทั้ง 6 กษัตริย์ฟื้นขึ้นมาและพระเวสสันดรก็ทรงลาผนวชจากการเป็นฤๅษีและเสด็จกลับเมืองสีพี จบเพลงนี้ปี่พาทย์ทำ เพลงตระนอน ประกอบกิริยาการสลบของทั้ง 6 กษัตริย์
13 กัณฑ์นครกัณฑ์ พระเวสสันดรเสด็จกลับกรุงสีพีด้วยช้างปัจจัยนาค และขึ้นครองราชย์นครสีพี บ้านเมืองเป็นสุขตลอดพระชนมายุ เมื่อสิ้นพระชนม์แล้วจึงได้ไปจุติบนสวรรค์ชั้นดุสิตเทวโลก จบกัณฑ์นี้ปี่พาทย์ทำ เพลงกลองโยน เอวังก็มีด้วยประการฉะนี้
ขออานิสงส์จงบังเกิดแก่ท่านผู้อ่านที่อ่านครบทั้ง 4 ฉบับ ทุกๆ ท่านด้วยเทอญ
"ขุนอิน"