
ทำเฟอร์นิเจอร์จาก "ผักตบชวา" โอท็อปมีนบุรีส่งขายที่ต่างแดน
จากประสบการณ์ในการผลิตเฟอร์นิเจอร์ในนามบริษัท โควศุภมงคล เอ็กซ์ปอร์ต จำกัด มายาวนานถึง 30 ปี ทำให้ "เกรียวมาศ โควศุภมงคล" ในฐานะเจ้าของบริษัท โควศุภมงคล เอ็กซ์ปอร์ต ได้ทดลองผลิตเฟอร์นิเจอร์จากผักตบชวา จนได้รับคัดสรรให้เป็นสุดยอดผลิตภัณฑ์ในโครงการหนึ่งตำบ
เกรียวมาศ บอกว่า ปกติยึดอาชีพผลิตเฟอร์นิเจอร์ที่ทำจากหวายมานาน 30 ปีแล้ว ในนามบริษัท โควศุภมงคล เอ็กซ์ปอร์ต จำกัด ตั้งอยู่เลขที่ 32/14 หมู่ 5 ถนนร่มเกล้า แขวงมีนบุรี เขตมีนบุรี กทม. ซึ่งส่วนหนึ่งผลิตเพื่อจำหน่ายภายในประเทศและอีกส่วนหนึ่งส่งขายต่างประเทศ โดยเฉพาะประเทศในแถบยุโรปทั้งฝรั่งเศส เยอรมนี ที่เป็นรายใหญ่ แต่หลังจากที่รัฐบาลไทยมีนโยบายปิดป่า ทำให้วัตถุดิบประเภทหวายขาดแคลนอย่างหนักต้องนำเข้าจากประเทศอินโดนีเซีย ต่อมาอินโดนีเซียงดการส่งออก ต้องนำเข้าจากประเทศเพื่อนบ้าน บางส่วนซื้อจากเกษตรกรที่หันมาปลูกหวายขาย แต่ก็ไม่เพียงพอต่อความต้องการ ที่สำคัญราคาสูงมาก ซึ่งตอนหลังจึงเห็นว่าผักตบชวาสามารถแปรรูปทำเป็นผลิตภัณฑ์หลายอย่าง โดยเฉพาะงานจักสาน จึงคิดว่าน่าจะประยุกต์ทำเป็นเฟอร์นิเจอร์ได้
หลังจากนั้นไม่นานไปหาผักตบชวาแถว จ.ชัยนาท และอ่างทอง ซึ่งชาวบ้านเก็บมาตากแห้ง จึงนำมาลองศึกษาแบบลองผิดลองถูกอยู่พักใหญ่ พบว่าเฟอร์นิเจอร์จากผักตบชวามีปัญหาเกี่ยวกับเชื้อรา กระทั่งเจ้าหน้าที่จากกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ได้แนะนำตัวยาชนิดหนึ่งสามารถป้องกันเชื้อราได้ ทำให้ช่วงหลังการผลิตเฟอร์นิเจอร์จากผักตบชวาประสบผลสำเร็จ ขณะที่เฟอร์นิเจอร์จากหวายถือเป็นงานเก่าแก่ที่ผลิตมาต้องดำเนินการต่อไป ซึ่งส่วนหนึ่งของเฟอร์นิเจอร์หวายจะใช้หวายในประเทศ และอีกส่วนหนึ่งใช้หวายเทียมที่นำเข้าจากต่างประเทศ ซึ่งมีความคงทนดีกว่า
เฟอร์นิเจอร์ที่ผลิตจากผักตบชวา มีตั้งแต่เครื่องจักสานของใช้ในบ้าน ตลอดจนเก้าอี้รับแขก ชุดโต๊ะอาหาร เก้าอี้ที่ใช้สำหรับออฟฟิศ และเตียงนอน เป็นต้น และในปี 2546 ได้ส่งผลิตภัณฑ์เฟอร์นิเจอร์ทั้งที่ผลิตจากหวายและจากผักตบชวา เข้าประกวดในโครงการหนึ่งตำบลหนึ่งผลิตภัณฑ์ ปรากฏว่า ปีแรกได้รับการคัดสรรให้เป็นสุดยอดสินค้าหนึ่งตำบลหนึ่งผลิตภัณฑ์ หรือโอท็อป ระดับ 5 ดาวของเขตมีนบุรี จึงได้มีโอกาสออกงานต่างๆ ทำให้คนรู้จักเฟอร์นิเจอร์จากผักตบชวาอย่างกว้างขวางมากขึ้น และปีถัดมาทำให้ขายดีมาก โดยเฉพาะตลาดในต่างประเทศต้องผลิตเพื่อส่งออกเดือนละ 5-6 ตู้คอนเทนเนอร์ คิดเป็น 80% ที่เหลือขายในประเทศเพียง 20% ประเทศฝรั่งเศสสั่งนำเข้ามากที่สุด ตามด้วยเยอรมนี
"ที่เราได้ตลาดต่างประเทศ ส่วนหนึ่งเป็นลูกค้าเดิมที่นำเข้าเฟอร์นิเจอร์หวายอยู่แล้ว ส่วนใหญ่ลูกค้าจะนำไปทำรายการโปรโมชั่นพิเศษตามห้างสรรพสินค้า เพราะเฟอร์นิเจอร์จากผักตบชวาราคาถูก มีตั้งแต่ 60 เซนต์ จนถึง 600 ดอลลาร์สหรัฐ อีกส่วนหนึ่งมาจากในการออกงานต่างๆ แต่การออกงานส่วนใหญ่จะเป็นกลุ่มลูกค้าคนไทย แต่หลังจากเกิดวิกฤติเศรษฐกิจโลกมาตั้งแต่ปี 2549 ยอดลดลงอย่างต่อเนื่อง ยิ่งมีความขัดแย้งทางการเมือง มีม็อบยอดสั่งหายไปหมด ลูกค้าเก่าหันไปนำเข้าจากอินโดนีเซีย และเวียดนาม ซึ่งราคาถูกกว่าแทน ยิ่งเงินบาทแข็ง ขณะที่เราเสนอขายคิดจากต้นทุนเงินบาท ยิ่งลูกค้ามองว่าแพงเกินไป ทั้งที่เราได้ปรับคุณภาพให้ดีขึ้น แต่ไม่ได้ผล ทำให้ปีนี้เฟอร์นิเจอร์จากผักตบชวาเพิ่งส่งได้เพียง 1 ตู้คอนเทนเนอร์เท่านั้น จากเดิมเดือนละ 5-6 ตู้ แม้แต่เฟอร์นิเจอร์หวายเองยอดก็ลดลง ปีนี้เพิ่งส่งออกได้เพียง 2 หมื่นดอลลาร์สหรัฐ จากเดิมหลายแสนดอลลาร์สหรัฐ" เกรียวมาศ กล่าว
เจ้าของบริษัท โควศุภมงคล เอ็กซ์ปอร์ต บอกอีกว่า เมื่อตลาดต่างประเทศซบเซา ต้องหันมาจับลูกค้าในประเทศ ซึ่งตลาดในประเทศไม่ค่อยนิยมเฟอร์นิเจอร์จากผักตบชวา เพราะเข้าใจว่าไม่คงทน จึงเน้นไปที่หวายมากกว่า ซึ่งลูกค้าส่วนใหญ่จะเป็นโรงแรมและรีสอร์ท ผ่านคนกลางที่เป็นดีไซเนอร์ในการออกแบบของห้องพักและห้องรับแขก ซึ่งมีมูลค่าเพียงปีละกว่า 10 ล้านบาทเท่านั้น อยากให้รัฐบาลหันมาช่วยเหลือผู้ประกอบการบ้าง ด้วยการหาตลาดใหม่ๆ มิเช่นนั้นแล้วผู้ประกอบการจะอยู่ไม่ได้
นับเป็นกิจการที่น่าเป็นห่วง เนื่องเพราะไม่เพียงแต่ไม่สามารถนำเงินตราจากต่างประเทศเพียงอย่างเดียว หากแต่เกษตรกรเองผู้ที่หาผักตบชวาเป็นวัตถุดิบต้องขาดรายได้อีกด้วย
ทำเก้าอี้จากผักตบชวาใช้เอง
การทำเก้าอี้จากผักตบชวา หากใครพอมีพรสวรรค์ด้านช่างก็สามารถทำได้ไม่ยากนัก
1.หาซื้อผักตบชวาที่เกษตรกรนำมาตากแห้ง จะขายในราคาหมัดละ 30 บาท เมื่อได้วัตถุดิบแล้ว นำมาจุ่มน้ำยาป้องกันเชื้อราแล้วนำมาตากแห้ง ขั้นตอนต่อมาคือนำผักตบชวาที่จุ่มน้ำยาแล้วมาอบแห้ง
2.ทำโครงเก้าอี้ด้วยไม้ หรือหวายก็ได้ตามรูปทรงที่ต้องการ จากนั้นนำมาจักสานให้เข้ากับโครงของเก้าอี้ เสร็จแล้งลงสี หรือพ่น ปล่อยให้สีแห้ง จากนั้นจึงลงแล็กเกอร์อีกครั้ง
เพียงเท่านี้ก็ได้เก้าอี้ หรือเฟอร์นิเจอร์จากผักตบชวามาใช้ได้แล้ว
"ดลมนัส กาเจ"