ไลฟ์สไตล์

เทศน์มหาชาติ

เทศน์มหาชาติ

26 ต.ค. 2553

เต ชะ สุ เน มะ ภู จะ นา วิ เว ในตอนวัยเด็กคุณพ่อของผมจะสอนให้ผมสวดมนต์ก่อนนอนด้วยบทนี้ โดยคุณพ่อของผมบอกว่า ให้สวดมนต์ด้วยบทนี้ก่อนนอน 3 ครั้ง แล้วจะมีความสุขและความเจริญ และจะไม่โดนผีหลอก

 ซึ่งในตอนนั้นความรู้สึกที่ตอนเป็นเด็กของผม คือว่าประเด็นที่สวดแล้วจะไม่โดนผีหลอกนั่นแหละ เป็นสิ่งที่ทำให้ผมต้องสวดมนต์บทนี้ แต่พอโตขึ้นมาผมก็รู้ว่านี่คือ หัวใจพระเจ้าสิบชาติ หรือท่านผู้อ่านหลายท่านคงจะทราบดีว่าทั้งหมดก็คือชื่อแรกชาติปางก่อนของพระพุทธเจ้าทั้งสิบชาติ ที่ทรงบำเพ็ญบารมีเพื่อให้บรรลุโสดาบัน แต่ก็ไม่สำเร็จทั้งสิบชาติ และมาสำเร็จเป็นเมื่อชาติที่ 11 ในชาติปางของ เจ้าชายสิทธัตถะ ก่อนที่จะมาเป็นศาสดาของศาสนาพุทธนั่นเอง

 ส่วนหัวใจของพระเจ้าสิบชาติที่เป็นชื่อแรกคือ เต ก็คือ เตมีย์ชาดก คือชาติแรกของพระพุทธองค์ ในชาติที่สองก็คือ ชะ ซึ่งย่อมาจากชนกหรือมหาชนกชาดก และก็ไล่เรียงกันไปตั้งชาติที่ 3 จนถึง 10 ก็คือ สุวรรณสามชาดก เนมีราชชาดก มโหสถชาดก ภูริทัตชาดก จันทกุมารชาดก นารถชาดก วิฑูรชาดก และชาติที่สิบก็คือ เวสสันดรชาดก ซึ่งเป็นชาติสุดท้ายและเป็นชาติที่ยิ่งใหญ่มากที่สุด ด้วยการบำเพ็ญบารมีด้วยการทำทานบารมีหรือการให้ ซึ่งพระเวสสันดรจะบริจาคและให้ได้ทุกสิ่งแม้กระทั่งลูกของตนเอง และด้วยความเป็นชาติที่ยิ่งใหญ่มากที่สุดของพระเวสสันดร จึงทำให้เรียกชาติที่สิบว่า มหาชาติ ก็คือต้นกำเนิดของการเทศน์มหาชาติและเทศน์มหาชาติคืออะไรและทำไมต้องเทศน์มหาชาติ

 การเทศน์มหาชาติจะว่ากันจริงๆ แล้วก็คือ การเล่าเรื่องของพระเวสสันดรที่ว่าด้วยบุพจริยาในอดีตชาติที่ทรงบำเพ็ญบารมีเป็นชาติสุดท้าย ก่อนที่จะมาตรัสรู้บรรลุสัมมาสัมโพธิญาณในชาติต่อมา โดยการเทศน์มหาชาติจะมีทั้งหมด 13 กัณฑ์ ถ้าเป็นภาษาคนทั่วไปก็อาจจะกล่าวได้ว่ามีทั้งหมด 13 ตอนนั่นเอง และการเทศน์มหาชาติที่แบ่งออกเป็น 13 กัณฑ์ ก็จะมีทั้งหมด หนึ่งพันพระคาถา โดยความเข้าใจของผมเองคิดว่า หนึ่งพันพระคาถา คือความยาวของแต่ละกัณฑ์เทศน์ ที่แบ่งออกเป็น 13 กัณฑ์ เช่น กัณฑ์ที่ 1 ทศพร มี 19 พระคาถา ซึ่งน้อยที่สุด

 ส่วนกัณฑ์ที่มีพระคาถามากที่สุดก็คือ กัณฑ์ทานกัณฑ์ มี 209 พระคาถา ซึ่งเหล่านี้นอกจากทำให้ผมคิดว่าพระคาถาคือความยาวของกัณฑ์ต่างๆ แล้ว คำว่า พัน อาจจะเป็นคำอุปมาอุปมัย เปรียบเทียบว่าเรื่องราวของพระเวสสันดรมีเรื่องราวที่มากมายนับพัน ส่วนคำว่า คาถา ก็คือบทร้อยกรอง หรือเป็นบทขับบทกล่อม ก็ได้ พันพระคาถาหรือ 1,000 พระคาถา ก็คงจะเปรียบได้ดั่งเรื่องราวที่มีมากมายเยอะแยะอะไรเหล่านี้ ซึ่งจะเปรียบเทียบเป็นคำอื่นๆ เช่น พวกโจรห้าร้อย ก็คือโจรที่มีความเลวร้ายอย่างมาก ไม่ได้หมายความว่าโจรมาปล้นมีจำนวน 500 คน หรือคำว่า มารยาหญิงร้อยเล่มพันเกวียน มันคงหมายถึง ผู้หญิงที่มีมารยามากมาย และเจ้าร้อยเล่มพันเกวียน ใครจะรู้บ้างว่ามีจำนวนมากมายขนาดไหน ซึ่งอะไรเหล่านี้คงเป็นคำเปรียบเทียบหรืออุปมาอุปมัยให้ดูมากมายอย่างเช่น เรื่องราวของพระเวสสันดรที่มีมากมายนับพันพระคาถานั่นเองแหละครับ

 ส่วนประวัติการเทศน์มหาชาตินั้นตามตำนานที่เล่าขานกันเอาไว้ว่า ครั้งเมื่อพระพุทธองค์ได้ทรงเดินทางไป กรุงกบิลพัสดุ์ เพื่อไปโปรดเหล่าพระศักยะวงศ์ รวมถึง พระเจ้าสุโทธนะ พระราชบิดาของพระพุทธองค์ ซึ่งก็มีเหล่าบรรดาพระประยูรญาติที่อาวุโสกว่า ไม่มีความศรัทธา ต่อพระองค์ เนื่องจากมีพระวัยที่อ่อนกว่า พระพุทธองค์จึงได้ทรงแสดงพุทธานุภาพ เพื่อประสงค์ที่จะลดทิฐิมานะ ของประยูรพระญาติทั้งหลาย ด้วยการเหาะขึ้นไปเดินจงกรมในอากาศ และได้ปรากฏเหล่าละอองธุลีบาท ได้หล่นลงตรงเศียรเกล้าของพระประยูรญาติทั้งมวล ซึ่งก็ทำให้ทิฐิมานะทั้งหลายได้คลี่คลายลงไปจากเหล่าพระประยูรญาติ ด้วยการยอกรประณต อภิวาทต่อพระบรมศาสดาด้วยโดยดี

 หลังจากนั้นพะพุทธองค์จึงได้เสด็จลงจากอากาศ สู่พุทธอาสน์ ท่ามกลางการชื่นชมของพระประยูรญาติทั้งมวล และขณะนั้นพลันก็เกิดฝนมหัศจรรย์ ตกลงมาในบริเวณที่พระประยูรญาติมาประชุมกัน โดยฝนที่ตกลงมานั้นเรียกว่า ฝนโบกขรพรรษ ซึ่งเม็ดฝนจะมีสีแดงเรื่อดั่งทับทิม ผู้ใดปรารถนาจะให้เปียกกายก็จะเปียก และถ้าไม่ปรารถนาเม็ดฝนก็จะเป็นดั่งเหมือนกับน้ำค้างบนใบบัว ไม่เปียกกายแต่อย่างใด และในบริเวณนั้นก็จะไม่มีน้ำฝนขังแต่อย่างใด ซึ่งทั้งหมดนี้ก็สร้างความพิศวงให้เหล่าพระภิกษุสงฆ์ที่เป็นสาวกของพระพุทธองค์ และจึงได้ทูลถามขึ้น และพระองค์จึงได้ทรงตรัสว่า ฝนโบกขรพรรษ นี้เคยตกมาก่อน เมื่อครั้งที่เราได้เสวยพระชาติเป็นพระเวสสันดรและพระพุทธองค์จึงได้เล่าเรื่องราวทั้งหมดของพระเวสสันดร ซึ่งทั้งหมดก็คือที่มาของ การเทศน์มหาชาติ นั่นเอง

 ยังมีเรื่องราวของการเทศน์มหาชาติอีกมากมาย เอาไว้ฉบับหน้าผมจะมาเขียนให้อ่านกันใหม่ รวมถึงเหตุผลที่ทำให้ผมเขียนเรื่องเทศมหาชาติด้วยนะครับ..... 

 สวัสดีครับ

 ขุนอิน