ไลฟ์สไตล์

หลอดเลือดสมองตีบ ในผู้ป่วยเบาหวาน

หลอดเลือดสมองตีบ ในผู้ป่วยเบาหวาน

22 ต.ค. 2553

ทำไมผู้ป่วยเบาหวานจึงมีโอกาสเสี่ยงเป็น โรคหลอดเลือดสมองตีบ เนื่องจากระดับน้ำตาลในเลือดสูงเป็นระยะเวลานาน จะเป็นพิษต่อร่างกาย

 โดยเฉพาะอย่างยิ่งต่อระบบหลอดเลือด ผู้ป่วยเบาหวานที่ควบคุมไม่ดี จะมีความผิดปกติของระดับไขมันในเลือดด้วย
 โดยจะมีไขมันในเลือดสูงกว่าปกติ และมีความดันเลือดสูงกว่าปกติ ทั้งระดับน้ำตาลที่สูง ไขมันในเลือดที่สูง และความดันโลหิตที่สูง จะมีผลต่อผนังหลอดเลือด เกิดการเสื่อมสภาพ มีการอักเสบ และมีการสะสมของไขมันที่ผนังหลอดเลือดทำให้ ตีบ แคบลง หรืออาจตันไปในที่สุด เช่น ถ้าเกิดกับหลอดเลือดหัวใจ เกิดเป็นโรคหลอดเลือดหัวใจตีบ กล้ามเนื้อหัวใจตาย ถ้าเกิดกับสมอง ผู้ป่วยอาจเกิดภาวะทุพพลภาพ จากตัวโรคสมองได้
 อาการจะมากหรือน้อย ขึ้นอยู่กับขนาด และตำแหน่งของสมองที่ขาดเลือด ได้แก่
 1.อาการแขน ขา ใบหน้า อ่อนแรง ครึ่งซีก (อัมพฤกษ์ อัมพาต)
 2.อาการชา ครึ่งซีก
 3.อาการตามืดด้านใดด้านหนึ่ง หรือเห็นภาพซ้อนสอง
 4.อาการกลืนไม่ได้ สำลักตลอด น้ำไหลออกมุมปาก
 5.อาการ เวียนศีรษะเดินเซ
 6.อาการพูดไม่ออก หรือพูดไม่ชัด
 7.อาการแขน ขา เคลื่อนไหวไม่ปกติ
 8.อาการทั่วไป เช่น ปวดศีรษะ คลื่นไส้อาเจียน ซึมลง
การดูแลตนเอง
 1.การควบคุมโรคที่เป็นสาเหตุของโรคหลอดเลือดสมองตีบ กรณีมีโรคประจำตัวที่เพิ่มความเสี่ยงต่อการเป็นโรคหลอดเลือดสมองตีบ ผู้ป่วยต้องรักษาอย่างต่อเนื่อง และดูแลสุขภาพ เช่น ควบคุมอาหาร ออกกำลังกาย และพักผ่านให้พอเพียง เป้าหมาย คือ 
 - ความดันโลหิตไม่ควรสูงเกิน 140/90 มิลลิเมตรปรอท และความดันโลหิตไม่ควรสูงเกิน 130/85 มิลลิเมตรปรอท ในกรณีที่เป็นเบาหวานร่วมด้วย
 - น้ำตาลในเลือดไม่ควรสูงเกิน 126 มิลลิกรัมต่อเดซิลิตร
 - คอเลสเตอรอลไม่ควรสูงเกิน 200 มิลลิกรัมต่อเดซิลิตร
 2.กรณีเกิดมีหลอดเลือดตีบตันไปแล้ว ให้รับประทานยาต้านเกล็ดเลือดไปตลอดชีวิต เพื่อป้องกันมิให้เป็นซ้ำ
 3.การปรับเปลี่ยนพฤติกรรม เช่น งดเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ งดสูบบุหรี่ ออกกำลังกายเป็นประจำ
การลด เลี่ยง การเกิดโรค
 1.กินอาหารที่มีประโยชน์และพอประมาณ ควรลดอาหารที่มีไขมันสูง เช่น ไขมันสัตว์ อาหารทอด กะทิ ไข่แดง หัวกุ้ง ปลาหมึก หอยนางรม ควรกินปลา ผัก และผลไม้เป็นประจำ
 2.ออกกำลังกายสม่ำเสมอ แบบต่อเนื่อง 30 นาทีอย่างน้อยสัปดาห์ละ 4 ครั้ง เช่น เดินแบบไม่หยุด จ๊อกกิ้ง ถีบจักรยาน ว่ายน้ำ เต้นแอโรบิก
 3.งดดื่มเหล้า และสูบบุหรี่
 4.ลดความอ้วน ควบคุมน้ำหนัก
 5.ทำจิตใจให้ผ่องใส ไม่เครียด
 6.คนที่สูงอายุ มากกว่า 50 ปีขึ้นไปควรมีการตรวจร่างกายประจำปี
โรงพยาบาลนนทเวช
โทร.0-2596-7888