ไลฟ์สไตล์

รศ.ดร.จุรี วิจิตรวาทการสอนแต่เด็กโตไปไม่โกง

รศ.ดร.จุรี วิจิตรวาทการสอนแต่เด็กโตไปไม่โกง

19 ต.ค. 2553

“การต่อต้านคอรัปชั่นในสังคมไทยที่ผ่านมา สังคมส่วนใหญ่จะให้ความสำคัญกับฮาร์ดแวร์ เช่น การแก้ไขรัฐธรรมนูญ แต่จะละเลยในส่วนของซอฟต์แวร์ ซึ่งก็คือคน ถ้าขาดสิ่งใดสิ่งหนึ่งก็ไปกันไม่ได้ ดังนั้นจึงต้องหันมาให้ความสำคัญกับคนให้มาก

และต้องส่งเสริมกันตั้งแต่ยังเล็ก โดยเฉพาะ 7 ปีแรกของชีวิต หรือเด็กที่เรียนอยู่ในชั้นประถมศึกษาจะมีความสำคัญที่สุด” รศ.ดร.จุรี วิจิตรวาทการ ประธานศูนย์สาธารณประโยชน์และประชาสังคม สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์ (นิด้า) กล่าว

 เพราะสิ่งที่ปลูกฝังอยู่ในตัวเด็กจะอยู่ติดตัวเป็นจิตใต้สำนึก เป็นภูมิคุ้มกันหรือวัคซีนให้เขา บทบาทของครูระดับประถมก็ถือว่ามีความสำคัญมาก เพราะเป็นบุคคลที่หล่อหลอมพฤติกรรมเด็ก ถ้าครูสอนและปลูกจิตสำนึกที่ดี ก็จะทำให้เด็กก็มีพฤติกรรมที่ดี ซึ่งองค์กรเพื่อความโปร่งใสในประเทศไทย และศูนย์สาธารณประโยชน์และประชาสังคม สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์ (นิด้า) ให้ความสำคัญของการสร้างค่านิยมให้คนในสังคมรู้สึกไม่ยอมรับพฤติกรรมทุจริตคอรัปชั่นและการโกงทุกรูปแบบ โดยเฉพาะในกลุ่มเด็กและเยาวชน ได้ดำเนินกิจกรรมเด็กในหลายรูปแบบมาตั้งแต่ ปี พ.ศ 2541 เช่น การจัดค่ายอบรมเยาวชนเมล็ดพันธุ์ประชาธิปไตยต้านคอรัปชัน การจัดทำหนังสือสำหรับเด็ก การประกวดเรียงความ การประกวดภาพเขียน ละครเด็ก การโต้วาที ฯลฯ

 ดังนั้นเมื่อ รองผู้ว่าฯ กทม.ทยา ทีปสุวรรณ และสำนักการศึกษา มาขอให้ ออกแบบหลักสูตรคบเด็กสร้างชาติ “โตไปไม่โกง” ปลูกฝังคุณธรรมจริยธรรมในการป้องกันปัญหาทุจริตสำหรับเด็กระดับอนุบาล-ประถมศึกษาปีที่ 3 เพื่อนำมาใช้ในโรงเรียนในสังกัด กรุงเทพมหานคร พร้อมจัดทำคู่มือหลักสูตร การอบรมครูผู้สอน และสื่อการเรียนการสอน อบรมครูผู้สอนจำนวน 1,440 คน จาก 280 โรงเรียน ให้เกิดความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับเนื้อหาและกิจกรรมในหลักสูตรซึ่งจะทำให้ครูใช้หลักสูตรอย่างมีประสิทธิภาพ และสร้างความภูมิใจแก่ครูในการทำหน้าที่ถ่ายทอดคุณค่าแห่งความดี โดยโครงการจะมีกล่องเครื่องมือสำหรับครู ซึ่งภายในกล่องจะมีคู่มือครูและสื่อการเรียนรู้ เช่น แผ่นซีดีเพลง นิทาน หุ่นมือ บัตรคำ เป็นต้น จะเริ่มสอนในเทอม 2 ปีการศึกษา 2553 หรือในเดือนพฤศจิกายน

  รศ.ดร.จุรี มองว่าเป็นเรื่องที่น่ากลัวที่คนส่วนหนึ่งในสังคมมองว่า โกงไม่เป็นอะไรขอให้เก่ง แต่ความจริงแล้ว แนวคิดแบบนี้อันตราย เพราะแสดงให้เห็นว่าจำนนต่อความชั่วร้าย ดังนั้นการปลูกฝังเด็กตั้งแต่ระดับอนุบาลเป็นสิ่งที่ดีที่จะช่วยให้เด็กซึมซับคุณธรรมจริยธรรมที่ดี การอบรมบ่มนิสัยเด็กต้องเริ่มจากที่พ่อแม่ ไม่อยากให้พ่อแม่ผู้ปกครองมีส่วนร่วมด้วย เพราะต่อให้หลักสูตรดีอย่างไร แต่เมื่อกลับบ้านไปพ่อแม่อบรมบ่มนิสัยอีกอย่างหนึ่งก็อาจจะทำให้เด็กสับสนได้

 อย่างไรก็ตาม นิสัยไม่ได้เกิดขึ้นจากโรงเรียนอย่างเดียว แต่เกิดจากพ่อแม่ต้องมีส่วนเล่าประสบการณ์แลกเปลี่ยนให้ลูกฟังและเปรียบเทียบสิ่งดีสิ่งไม่ดี เป็นจิตวิทยาในการสอนเด็กอย่างหนึ่ง เช่นอย่าเบียดเบียน อย่าเอาเปรียบเพื่อนมนุษย์ซึ่งมันจะลามไปถึงการเบียดเบียนธรรมชาติ สิ่งแวดล้อม สังคม ฯลฯ

 ทั้งนี้ หลักสูตรโตไปไม่โกงจะว่าด้วยเรื่องของความซื่อสัตย์ การมีจิตสาธารณะ ความเป็นธรรมทางสังคม กระทำอย่างรับผิดชอบ และเป็นอยู่อย่างพอเพียง เป็นหลักสูตรที่หล่อหลอมให้เด็กเป็นคนดี ไม่คดโกง ผ่านบทเพลง นิทาน เกม ละคร โดยการสอนจะสอนเป็นวิชาเฉพาะ เรียน 40 ชั่วโมงต่อปีการศึกษา สัปดาห์ละครั้ง สอนให้ค่อยๆ ซึมทีละนิด เป็นการหว่านเมล็ดเพื่อหวังผลในระยะยาว

 ซึ่งเป็นกระบวนการเรียนรู้ที่เหมาะสำหรับเด็กเล็ก เป็นการเรียนรู้อย่างเป็นธรรมชาติ เป็นการตอกย้ำให้เข้าไปอยู่ในจิตใจ ไม่เน้นการท่องจำ แต่เน้นความสนุกสนาน ให้เด็กๆ สนุก มีส่วนร่วมและรอคอยที่จะเรียนวิชานี้

 สำหรับเนื้อหาหลักสูตรครอบคลุมความดี 5 ประการที่ช่วยสร้างชาติและต่อต้านการทุจริต ได้แก่ 1.ความซื่อสัตย์สุจริต คือ การยึดมั่นในความสัตย์จริงและสิ่งที่ถูกต้องดีงาม รู้จักแยกแยะถูกผิด ปฏิบัติต่อตนเองและผู้อื่นโดยชอบ ไม่คดโกง 2.การมีจิตสาธารณะ คือ การมีจิตสำนึกเพื่อส่วนรวม ตระหนักรู้และคำนึงถึงสังคมส่วนรวม มีความรับผิดชอบต่อตัวเองในการกระทำใดๆ เพื่อไม่ให้เกิดผลเสียหายต่อส่วนรวม และพร้อมที่จะเสียสละประโยชน์ส่วนตนเพื่อรักษาผลประโยชน์ส่วนรวม

 3.ความเป็นธรรมทางสังคม คือ การปฏิบัติต่อผู้อื่นอย่างเสมอภาคและเท่าเทียมกันอย่างมีเหตุผล โดยไม่เลือกปฏิบัติต่อเพศ เชื้อชาติ ชนชั้น สถานะทางเศรษฐกิจและสังคม 4) กระทำอย่างรับผิดชอบ คือ การมีจิตสำนึกในบทบาทและหน้าที่ของตัวเองและปฏิบัติหน้าที่ให้ดีที่สุด เคารพกฎเกณฑ์กติกา พร้อมให้ตรวจสอบการกระทำได้เสมอ หากมีการกระทำผิดก็พร้อมที่จะยอมรับและแก้ไข และ 5.เป็นอยู่อย่างพอเพียง คือ การดำเนินชีวิตโดยยึดหลักความพอประมาณ ซื่อตรง ไม่ละโมบโลภมาก รู้จักยับยั้งชั่งใจ และไม่เอาเปรียบหรือเบียดเบียนตัวเองและผู้อื่น

 ลักษณะกิจกรรมในหลักสูตร เน้นกิจกรรมที่ให้ทั้งความสนุกสนานและสร้างสรรค์ ผ่านการเล่านิทาน เกมการละเล่นต่างๆ การร้องเพลง กิจกรรมศิลปะ บทกวีและคำคล้องจองสำหรับเด็ก รวมทั้งกิจกรรมสร้างประสบการณ์อื่นๆ เพื่อกระตุ้นให้เด็กคิดอย่างมีเหตุผลและซึมซับคุณค่าแห่งความดีอย่างเป็นธรรมชาติ และสร้างความรู้สึกผิดชอบชั่วดี ภูมิใจในการทำความดี รังเกียจคนโกงและคนเก่งแต่โกง

 ตัวอย่างกิจกรรมในห้องเรียน เช่นกิจกรรมกลุ่มที่แสดงถึงความรักและการดูแลสมบัติสาธารณะ การเล่านิทานที่เด็กๆ เป็นผู้กล้าหาญเสียสละเพื่อส่วนรวม เรื่องเล่าเกี่ยวกับความกล้าหาญทางจริยธรรมของผู้นำ นิทานที่ชี้ให้เห็นโทษแห่งการโกหกและเจ้าเล่ห์ กิจกรรมที่ชี้ให้เห็นประโยชน์ของความพอเพียงไม่โลภ เป็นต้น

 โครงการนี้กทม.จะดำเนินการต่อเนื่องจนถึงชั้นป.6 โดยจัดสรรงบปีละ 30 ล้านบาท และจะดำเนินการจนครบ 436 โรงเรียน ซึ่งการเรียนการสอน ไม่ใช่วิธีการท่องจำเหมือนวิชาหน้าที่พลเมืองสมัยก่อน แต่จะเป็นไปในรูปแบบที่น่าสนุก ทำให้เด็กๆ ไม่เบื่อ ด้วยการประยุกต์วิธีการเรียนการสอน เช่นนำเอานิทานความรู้ การร้องเพลงและทำกิจกรรมที่สนุกสนานโดยสอดแทรกเรื่องคุณธรรมจริยธรรมไปในการสอนด้วย ซึ่งครูจะได้มีการอบรมทักษะที่ชำนาญ สนใจเนื้อหาและหลักสูตรดาวน์โหลดได้จาก www.growinggood.org หรือ 0-2377-7260

      0 หทัยรัตน์ ดีประเสริฐ 0