ไลฟ์สไตล์

สารสกัดเม็ดลำไย "พรีม่า เฮิร์บ"
สู่ผลิตภัณฑ์เพื่อคนรักความงาม

สารสกัดเม็ดลำไย "พรีม่า เฮิร์บ" สู่ผลิตภัณฑ์เพื่อคนรักความงาม

09 ต.ค. 2553

จากนักวิชาการที่คลุกคลีอยู่ในห้องแล็บมานาน คร่ำหวอดอยู่ในวงการแพทย์ วิจัยค้นคว้าและถ่ายถอดวิชาความรู้เพื่อผลิตบุคลากรทางการแพทย์ออกมาสู่สังคมอยู่หลาย 10 ปี ในที่สุด ศ.ดร.อุษณีย์ วินิจเขตคำนวณ อาจารย์ประจำภาควิชาชีวเคมี คณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ แ

  ศ.ดร.อุษณีย์ เผยว่า ทำวิจัยเกี่ยวกับสมุนไพรที่มีคุณสมบัติต้านมะเร็ง ได้นำลำไยไปสกัดหาสารในห้องแล็บ จึงพบว่ามีสารชนิดหนึ่งในลำไยมีคุณสมบัติต้านมะเร็งได้ โดยมีบุตรชายเป็นผู้ช่วยในการวิจัยพร้อมทีมงาน แต่เนื่องจากการพัฒนาสารสกัดจากลำไยให้อยู่ในรูปของอาหารเสริม หรือยาต้านมะเร็ง ค่อนข้างยาก บุตรชายจึงมีแนวคิดว่าควรนำไปต่อยอดพัฒนาเป็นผลิตภัณฑ์ประเภทอื่น เช่น กลุ่มเครื่องสำอาง ซึ่งอยู่ในกระแสความนิยม เพราะนอกจากเม็ดลำไยจะมีสารต้านมะเร็ง ยังสามารถนำคุณสมบัติของสารในเม็ดลำไยที่ช่วยต้านอนุมูลอิสระ ชะลอริ้วรอย ชะลอเอ็มไซม์ที่กระตุ้นการสร้างเม็ดสีผิว เพิ่มความชุ่มชื่นให้ผิว มาใช้ได้อีกด้วย

 "การสกัดสารจากเม็ดลำไยยังพบสารในระดับยีนส์ หรือสารพันธุกรรมที่ช่วยยับยั้งไม่ให้โครงสร้างของผิวถูกทำลายจากมลภาวะต่างๆ ที่มีอยู่รอบตัวซึ่งมีส่วนในการทำลายโครงสร้างของผิว ใช้เวลาศึกษาค้นคว้าและลองผิดลองถูกนานกว่า 2 ปี จนได้ต้นตำรับออกมา จากนั้นนำมาทดลองในกลุ่มอาสาสมัครจนมั่นใจว่าเครื่องสำอางที่มีส่วนผสมของสารสกัดจากเม็ดลำไยช่วยสร้างความชุ่มชื่นให้ผิวได้ 100% ในกลุ่มคนผิวแห้ง ผิวลอกเป็นขุย นอกจากนี้ยังช่วยชะลอริ้วรอยได้ถึง 90% ช่วยให้โครงสร้างผิวมีความแข็งแรง"

 ศ.ดร.อุษณีย์ เผยต่อว่า การผลิตเครื่องสำอางที่มีส่วนผสมของสารสกัดในเม็ดลำไย มีจุดขาย คือ เน้นส่วนผสมที่ได้จากธรรมชาติ 100% เพราะท้องถิ่นของเรามีสมุนไพรและพืชในท้องถิ่นที่มีอยู่อย่างเหลือเฟือ เป็นผลิตภัณฑ์ที่เกิดจากการค้นคว้าวิจัยและควบคุมคุณภาพโดยเภสัชกร เป็นผลิตภัณฑ์เภสัชตำรับซึ่งพัฒนามาจากงานวิจัยในห้องแล็บจึงมีความน่าเชื่อถือและเป็นที่ยอมรับ

 บริษัทได้ช่วยสร้างมูลค่าเพิ่มให้สินค้าเกษตรในภาคเหนือ สนับสนุนเกษตรกรมีรายได้ โดยที่ผ่านมาบริษัทได้เข้าไปทำข้อตกลงกับกลุ่มวิสาหกิจชุมชนมะเขือแจ้ จ.ลำพูน เพื่อรับซื้อเม็ดลำไยซึ่งแต่ละปีใช้มากถึง 1-2 ตัน รวมทั้งช่วยถ่ายทอดเทคโนโลยีให้วิสาหกิจชุมชนผลิตสินค้าเครื่องสำอางภายใต้แบรนด์ของตัวเองด้วย

 "ที่ผ่านมาบริษัทใช้เงินลงทุนสร้างห้องแล็บ ซื้ออุปกรณ์และเครื่องจักรในการผลิตตั้งแต่เริ่มต้นจนถึงปัจจุบันกว่า 20 ล้านบาท แม้ธุรกิจจะค่อยๆ เติบโตและขยายตัว โดยในช่วง 2 ปีแรกยังไม่มีผลกำไร แต่ในปีที่ 3-5 เริ่มมีผลกำไรเข้ามาบ้างแล้ว สำหรับห้องแล็บและโรงงานได้รับมาตรฐานจีเอ็มพี มาตรฐานไอเอสโอ มีกำลังการผลิตเดือนละ 5,000 กระปุก มีผลิตภัณฑ์ที่ผลิตภายใต้แบรนด์ของบริษัทมากกว่า 50 ชนิด ในอนาคตบริษัทยังมีเป้าหมายพัฒนาผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ อยู่อย่างต่อเนื่องไม่หยุด โดยเน้นผลิตภัณฑ์บำรุงผิวจากธรรมชาติเป็นหลัก ซึ่งจะขยายการวิจัยเพื่อสกัดสารจากพืชสมุนไพรในท้องถิ่นชนิดอื่น เช่น บัวบก มะขามป้อม ฯลฯ เพิ่มเติมอีก เพราะผลิตภัณฑ์เครื่องสำอางเมื่อออกสู่ตลาดได้เพียง 6 เดือน ก็ต้องเปลี่ยนผลิตภัณฑ์ใหม่" ศ.ดร.อุษณีย์กล่าวและว่า 

 แม้ธุรกิจจะเติบโตแบบไม่หวือหวาอาศัยการตลาดแบบค่อยเป็นค่อยไป เดินสายออกงานโชว์สินค้าตามงานทั่วไปที่จัดหน่วยงานต่างๆ จัดขึ้น โดยมีสำนักงานนวัตกรรมแห่งชาติ และสำนักงานวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.) เข้ามาช่วยเหลือ ปัจจุบันมีกลุ่มลูกค้าอยู่ทั่วประเทศ และเร็วๆ นี้มีนักธุรกิจสปาจากสิงคโปร์สนใจสั่งให้ผลิตเครื่องสำอางที่มีคุณสมบัติบำรุงผิวรวม 8 ชนิดจากทั้งหมด 20 ชนิด เพื่อนำไปจำหน่ายและใช้ในสปา ถือเป็นก้าวย่างที่สำคัญสำหรับผู้ผลิตเครื่องสำอางในท้องถิ่น

ขั้นตอนสารจากเม็ดลำไย
 นักวิจัยของบริษัทจะผลิตนำเม็ดลำไยอบแห้งที่ได้มาสกัดเอาสารที่เป็นพิษ ซึ่งมีฤทธิ์ทำให้เกิดการระคายเคืองต่อผิวออกไปก่อน ด้วยเทคโนโลยีทั่วไปแต่เปลี่ยนอัตราส่วนตามสูตร จากนั้นจึงสกัดสารที่มีคุณสมบัติตามต้องการ โดยเน้นไปที่สารหลักที่ต่างประเทศให้การยอมรับ มีความปลอดภัย เรียกว่า longen phytocomplex ในกลุ่มของสารสกัดที่มีคุณสมบัติต้านอนุมูลอิสระ ยับยั้งเอ็มไซม์ กระตุ้นคอลาเจล จนได้สารสกัดบริสุทธิ์ ก่อนนำไปปั่นเข้ากับครีมเบส ทั้งวิตามิน เอ และซี โดยส่วนผสมที่ใช้เน้นสารที่ได้จากธรรมชาติ 100% ตามเภสัชตำรับ หรือหากจำเป็นต้องใช้เคมีเป็นส่วนผสมก็ไม่เกิน 5%

"จันจิรา จารุศุภวัฒน์ "