
ผู้ว่าฯชลบุรีแจงผลสอบสันติธรรมพบไม่มีความผิด
กลุ่มชาวพุทธฯ โต้สวนสันติธรรมแถลงข่าวจัดฉาก แฉหลักฐานคลิปเสียง ภาพ หนังสือ อวดอุตริบรรลุอรหันต์ จี้สำนักพุทธฯ-ดีเอสไอแถลงผลตรวจสอบอย่างเป็นทางการ พร้อมยื่นเอกสารบัญชีให้ดีเอสไอเพิ่ม ขณะที่ กมธ.ศาสนาฯ นัดสองฝ่ายหารือ 29 ก.ย.
หลังจากที่พระปราโมทย์ ปราโมชโช เจ้าสำนักสวนสันติธรรม จ.ชลบุรี นำคณะสื่อมวลชนเข้าชมภายในสวนสันติธรรม พร้อมให้ข้อมูลหลายส่วนกับสื่อมวลชนนั้น เมื่อเวลา 15.00 น. วันที่ 28 กันยายน ที่มูลนิธิบ้านอารีย์ นายวีรณัฐ โรจนประภา ประธานมูลนิธิบ้านอารีย์ พร้อมด้วยคณะผู้แทนกลุ่มชาวพุทธรักศาสนา เปิดแถลงข่าวโต้พระปราโมทย์ ว่ามีข้อมูลหลายส่วนไม่ตรงกับความเป็นจริง
นายวีรณัฐกล่าวว่า ครั้งนี้ตนพร้อมด้วยคณะจะขอชี้แจงเกี่ยวกับกรณีพระปราโมทย์ใน 3 ประเด็น คือ 1.เรื่องของเงินบริจาค 2.เรื่องของพระธรรมวินัย การอวดอุตริธรรมว่าเป็นอรหันต์ และ 3.เรื่องของการตั้งกุฏิแม่ชีอรนุช และพระปราโมทย์ในพื้นที่ลับ ซึ่งทางคณะเห็นว่าการแถลงข่าวเมื่อวันที่ 25 กันยายน ที่ผ่านมา เป็นการจัดฉาก โดยทางสวนสันติธรรมไม่ได้มีการสอนเหมือนตามปกติอย่างที่เคยได้ปฏิบัติมาตลอด ดังนั้น ทางคณะจึงเห็นว่า ควรออกมาชี้ข้อเท็จจริงให้ประชาชนได้รับทราบ
จากนั้นผู้แทนได้อ่านคำชี้แจงของนายอภิชาติ อัศวเรืองชัย อดีตประธานกรรมการสวนสันติธรรม เรื่องบัญชีเงินฝาก และความไม่โปร่งใสในบัญชีสวนสันติธรรม ในช่วงที่นายอภิชาติเป็นผู้ดูแล โดยมีใจความสรุปว่า ที่ทางสวนสันติธรรมอ้างว่าตัวเองมีส่วนรับรู้ทั้งหมดในบัญชีรวมเงินเข้าออกของสวนสันติธรรมนั้น ข้อมูลดังกล่าวไม่เป็นความจริงแต่ประการใด จึงขอชี้แจงว่า รับรู้เฉพาะข้อมูลทางการเงินที่ทางสวนสันติธรรมได้ให้ไว้จำนวน 13 ฉบับ ระหว่างวันที่ 21 สิงหาคม 2551 ถึงวันที่ 1 กันยายน 2552 ซึ่งตัวเองไม่ได้มีส่วนรับรู้ในการจ่ายออกของเงินสด หรือเช็คจ่ายแต่ประการใด
นายสมยศ อนันต์นาคินทร์ ผู้รวบรวมคำสอนของพระปราโมทย์ กล่าวว่า ได้นำหลักฐานการอวดว่าพระปราโมทย์เป็นพระอรหันต์มานำเสนอต่อสื่อมวลชน โดยเฉพาะไฟล์เสียงอวดอุตริที่มีการใช้คำว่า สังสารวัฏมันคว่ำลงต่อหน้าต่อตา ซึ่งเมื่อนำมาเทียบกับคำว่า จิตพรากออกจากขันธ์ กับพระไตรปิฎก คือ สภาวะจิตของพระอรหันต์ และการจะคว่ำสังสารวัฏได้ก็มีแต่พระอรหันต์เท่านั้น นอกจากนี้ยังพบว่า ในหนังสือวิมุตติปฏิปทา ฉบับพิมพ์ครั้งที่ 2 พระปราโมทย์ได้กล่าวไว้ว่า ตนหรือพระปราโมทย์ได้ผ่านด่านสุดท้ายของพระอนาคามีไปแล้ว ซึ่งก็หมายความได้ 2 อย่างคือ อยู่ในขั้นอรหันตมรรค หรือสำเร็จเป็นพระอรหันต์แล้ว อีกทั้งยังได้อ้างนักเขียนหนังสือ เสียดายคนตายไม่ได้อ่าน ว่าเห็นสภาวะจิตของตน (พระปราโมทย์) เหมือนกับสภาวะจิตของพระอรหันต์ด้วย
นายอาร์ม นาครทรรพ ผู้เคยได้ปฏิบัติธรรมกับพระปราโมทย์ กล่าวว่า ได้บันทึกเสียงการอ้างว่าพระปราโมย์มีอิทธิฤทธิ์ รู้ใจคนและสัตว์ ซึ่งมีครั้งหนึ่งตนได้นั่งสมาธิ และพระปราโมทย์มาดูสภาวะจิต แล้วก็บอกว่าตอนนี้ตนรู้สึกอะไร บางครั้งก็ไม่ตรง เมื่อบอกไปอย่างนั้น พระปราโมทย์ก็อ้างว่าตอนนี้จิตเรากำลังหลงไม่รู้ตัวหรอก ทั้งที่ตัวของตนรู้อยู่ว่ากำลังรู้สึกอย่างไร ซึ่งตามพระวินัยแล้ว หากพระปราโมทย์ไม่มีความสามารถในการรู้ใจคนและสัตว์ดังกล่าวจริง ก็ต้องขาดจากความเป็นสงฆ์
นายไกรสร เลียนศรี ผู้แทนกลุ่มชาวพุทธฯ กล่าวว่า กรณีที่สวนสันติธรรมออกมาชี้แจงการตั้งกุฏิในพื้นที่ใกล้กันของพระปราโมทย์ และแม่ชีอรนุชใน 2 ประเด็น คือฆราวาสเป็นผู้กำหนดโซนให้สร้างกุฏิทั้ง 2 หลังในพื้นที่ดังกล่าว ซึ่งตนตั้งข้อสังเกตว่า ฆราวาสไม่น่าจะมีอำนาจในการกำหนดการสร้างกุฏิแม่ชีกับพระ และเมื่อได้รับการท้วงติงไปแล้ว สวนสันติธรรมไม่มีการแก้ไขเรื่องการย้ายกุฏิ ทำให้ชาวพุทธเกิดความข้องใจเรื่องการอยู่ด้วยกันสองต่อสอง
ดร.เทิดศักดิ์ เตชะกิจขจร ผู้แทนชาวพุทธฯ กล่าวว่า ขอเรียกร้องให้กรมสอบสวนคดีพิเศษ หรือดีเอสไอ ออกมาให้ข้อมูลการสอบสวนอย่างเป็นทางการ เนื่องจากขณะนี้ทางสวนสันติธรรมได้อ้างว่าดีเอสไอได้สรุปว่า สวนสันติธรรมไม่มีความผิด ซึ่งตนทราบจากทางดีเอสไอ ว่ายังอยู่ในขั้นตอนการตรวจสอบ ทั้งนี้ จะส่งเอกสารทางบัญชีที่ได้มาจากนายอภิชาติไปให้ทางดีเอสไอเพิ่มเติมด้วย นอกจากนี้ขอเรียกร้องให้สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ (พศ.) แถลงความชัดเจนเรื่องการตรวจสอบเงิน และที่ดินของสวนสันติธรรม หากเปิดแถลงข่าวกลุ่มชาวพุทธก็จะไปร่วมฟังด้วย
ขณะที่บรรยากาศการแถลงข่าว มีสื่อมวลชนเป็นจำนวนมากให้ความสนใจ ซึ่งผู้แถลงข่าวได้เปิดคลิปเสียง คลิปวิดีโอ หนังสือ การบรรยายธรรม และการอวดอุตริของพระปราโมทย์ให้สื่อมวลชนได้ฟัง พร้อมทั้งมีการนำแผนที่ภาพถ่ายทางอากาศเกี่ยวกับการตั้งกุฏิของแม่ชีอรนุชกับพระปราโมย์ว่า ยังคงตั้งใกล้กันเหมือนเดิม โดยตลอดการแถลงข่าวประมาณ 2 ชั่วโมง ยังคงเป็นการโต้ตอบสวนสันติธรรมว่านำเสนอข้อมูลที่ไม่เป็นความจริง
นายนพรัตน์ เบญจวัฒนานันท์ รอง ผอ.สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ กล่าวว่า ขณะนี้ผลการสอบสวนข้อเท็จจริง ของคณะกรรมการชุดที่ผู้ว่าราชการจังหวัดชลบุรี ตั้งขึ้นได้ข้อสรุปออกมาแล้วว่า ไม่พบความผิดปกติในกรณีของบัญชีเงินฝากและที่ดินของสวนสันติธรรม ส่วนกรณีคำสอนของพระปราโมทย์ ที่มีผู้ร้องเรียนว่าเข้าข่ายอวดอุตรินั้น ทางเจ้าคณะจังหวัดชลบุรี (ธรรมยุต) ได้ตั้งคณะกรรมการขึ้นมาตรวจสอบแล้ว นอกจากนี้ในวันที่ 29 กันยายน คณะกรรมาธิการการศาสนา ศิลปะและวัฒนธรรม สภาผู้แทนราษฎร ได้นัดผู้แทนจากฝ่ายต่างๆ เข้าหารือเกี่ยวกับกรณีของพระปราโมทย์ด้วย
ด้านนายเสนีย์ จิตตเกษม ผู้ว่าราชการจังหวัดชลบุรี เปิดเผยว่า การสอบสวนเกี่ยวกับพระปราโมทย์ จากที่คณะกรรมการได้ลงพื้นที่ตรวจสอบข้อเท็จจริง ได้ผลสรุปออกมาแล้วว่า สวนสันติธรรมไม่มีการฉ้อฉล และหลอกลวงประชาชนแต่อย่างใด และการตรวจสอบหลักฐานเกี่ยวกับที่ดินแม่ชีอรนุชนั้น ได้มีการทำสัญญาหากเป็นวัดจะโอนให้ โดยไม่คิดครอบครองแต่อย่างใด ส่วนเงินบริจาคส่วนใหญ่ประชาชนจะใส่ไปในตู้บริจาค ตามศรัทธาของประชาชน โดยพระไม่ได้หยิบเงิน รวมทั้งการตรวจสอบบัญชีต่างๆ ทั้งเงินสด รายรับรายจ่ายต่างๆ จะมีผู้ตรวจสอบบัญชี จึงไม่เข้าข่ายฉ้อฉล และหลอกลวงประชาชน
ส่วนการสอบสวนการอวดอุตริมนุสธรรมของพระปราโมทย์ เรื่องนี้ต้องให้สำนักพระพุทธศาสนาแห่งชาติดำเนินการสอบสวน เพราะมีหน้าที่รับผิดชอบโดยตรง