ไลฟ์สไตล์

เพื่อนพระปราโมทย์ยันคนดีเปิดสำนักพิสูจน์วันนี้

เพื่อนพระปราโมทย์ยันคนดีเปิดสำนักพิสูจน์วันนี้

25 ก.ย. 2553

"เกรียงกมล" เพื่อนร่วมรุ่นจุฬาฯ กับ "พระปราโมทย์" โผล่ ยันพระฉาวเป็นคนดี สมถะ ไม่เชื่อรวมหัวอดีตเมียถ่ายเททรัพย์สินสวนสันติธรรม เหตุต้องให้คนไว้ใจได้ดูแลทรัพย์สินแทน ทนายย้ำเสาร์นี้เปิดให้สื่อซักทุกแง่มุม หวังให้เรื่องยุติโดยเร็ว ปัดฟ้องกลับฝ่ายผู้ร้อง

 เรื่องราวของพระปราโมทย์ ปาโมชโช เจ้าสำนักปฏิบัติธรรมสวนสันติธรรม อ.ศรีราชา จ.ชลบุรี ซึ่งถูกร้องเรียนเพราะเหตุสงสัยเกี่ยวกับการยักย้ายถ่ายเทเงินบริจาคซื้อที่ดินสำนักสงฆ์ 100 ล้านบาท เข้าบัญชีนางอรนุช สันตยากร อดีตภรรยาที่บวชชีอยู่ แม้จะเป็นข่าวครึกโครมมาเกือบสองสัปดาห์ก็ตาม แต่จนถึงขณะนี้ก็ยังคงอยู่ในความสนใจของประชาชนไม่น้อย ล่าสุดในวันที่ 25 กันยายนนี้ ทางสวนสันติธรรมก็จะเปิดให้สื่อมวลชนเข้าไปเยี่ยมชมและมีการแถลงข่าวคลี่ปมสงสัยอีกครั้ง

 เมื่อวันที่ 24 กันยายน นายเกรียงกมล เลาหไพโรจน์ เพื่อนร่วมรุ่นคณะรัฐศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย รุ่นที่ 24 เข้าศึกษาในปี 2514 รุ่นเดียวกับพระปราโมทย์ ให้ความเห็นว่า ปกติพระปราโมทย์เป็นคนน่ารัก สุภาพเรียบร้อย ร่าเริงแจ่มใส และประหยัด มีรุ่นน้องที่ไปไหนมาไหนด้วยกันบ่อยและยังแต่งตัวเหมือนกันอีกคือ นายบวรศักดิ์ อุวรรณโณ เลขาธิการสถาบันพระปกเกล้า เป็นนิสิตรุ่นที่ 25

 "ทั้งพระปราโมทย์กับอาจารย์บวรศักดิ์ เคยทำงานในชมรมวรรณศิลป์ จุฬาฯ ด้วยกัน เจ้าบทเจ้ากลอนทั้งคู่ พูดเก่ง เป็นคนไม่ยุ่งเกี่ยวกับอบายมุข ความประพฤติดีอยู่ในระเบียบวินัยที่ดี ผมเชื่อว่าเพื่อนฝูงทุกคนจะรู้สึกเหมือนผม พระปราโมทย์เป็นคนสนุกสนาน คุยเก่งแต่ไม่หยาบคาย ยืนยันพระปราโมทย์เป็นคนดี ก่อนจะออกบวชเห็นเดินออกจากท้ายซอยมากับภรรยาสองคน แต่งตัวธรรมดารองเท้าแตะ เสื้อเชิ้ตเรียบง่าย เป็นเสื้อผ้าราคาถูก คิดว่าช่วงนั้นคงกำลังศึกษาธรรมะกัน ทั้งคู่ไม่มีลูกด้วยกัน คิดว่าพอถึงจุดหนึ่งคงอยากมีความสุขทางธรรม จึงชวนกันไปบวชไปตั้งสำนักปฏิบัติธรรม" เพื่อนร่วมรุ่นระบุ

 ถามถึงข่าวที่เกิดขึ้นในสวนสันติธรรม นายเกรียงกมล กล่าวว่า ไม่ได้รู้สึกคล้อยตามไปกับข่าวที่เกิดขึ้น ต้องให้เวลาเป็นเครื่องพิสูจน์ เชื่อว่าคนที่รู้จักมานานคงไม่เสียเวลากับเงิน 10-30 ล้าน ตนให้ค่ามากกว่าเงิน เรื่องเงินเรื่องผู้หญิงไม่มีใครรู้ข้อเท็จจริง แต่คนที่เรารู้จักเขามาก่อน ไม่เชื่อว่าจะเป็นเช่นนั้น

 "การตั้งสำนักสงฆ์ขึ้นมาอุทิศตนสามีบวชพระ ภรรยาบวชชี และอยู่กินกันมากับภรรยาก็คงไม่รู้จะใส่ชื่อใคร เพราะเป็นพระจะถือครองที่ดินไม่ได้ จะไปใส่ชื่อคนอื่นก็ไม่รู้ว่าจะนำไปขายเมื่อไหร่ แล้วคนอีกเป็นร้อยเป็นพันที่ต้องอาศัยที่ตรงนั้นจะทำอย่างไร แล้วเงินที่บริจาคมาจะไว้ใจใครได้ นอกจากคนที่เชื่อถือกันมากที่สุด เพราะไม่ใช่ลักษณะนิติบุคคล"

 เมื่อถามว่าเคยฟังพระปราโมทย์เทศนาหรือไม่ นายเกรียงกมล กล่าวว่า เคยฟังเพื่อนที่กลับมาจากเมืองนอกเปิดให้ฟัง รู้ว่าพระปราโมทย์ศึกษามาเยอะมาก แต่จะถูกต้องตามแนวคำสอนคงไม่มีความเห็น เพราะเคยอ่านแค่หนังสือธรรมะท่านพุทธทาส ภิกขุ เล่มบางๆ เท่านั้นเอง

 นายธนเดช พ่วงพูล ทนายและตัวแทนของสวนสันติธรรม กล่าวถึงการแถลงข่าวในวันที่  25 กันยายนว่า จะยุติข้อสงสัยของสังคมทั้งหมด โดยจะพาสื่อมวลชนที่มาฟังการแถลงข่าวเข้าไปตรวจสอบในพื้นที่ที่สังคมกำลังสงสัย ตอนนี้ยังไม่ได้มีการพูดคุยกับหลวงพ่อว่าจะมีการแถลงถึงประเด็นไหนเพิ่มเติมอีก อย่างไรก็ดีในวันดังกล่าวจะเปิดโอกาสให้สื่อซักถามเรื่องราวต่างๆ ซึ่งสามารถสอบถามได้ทุกประเด็น รับรองจะไม่เป็นเหมือนเหตุการณ์ครั้งที่แล้ว

 นายธนเดช กล่าวว่า ตั้งแต่เกิดเรื่องราวต่างๆ สาเหตุที่พระปราโมทย์ไม่ออกมาพูดหรือแสดงความคิดเห็นอะไรนั้น ก็ยังขอยืนยันเหมือนเดิมว่าพระปราโมทย์ไม่ต้องการที่จะออกมาโต้เถียงในกรณีดังกล่าว เพราะระยะหนึ่งเรื่องดังกล่าวจะมีความกระจ่างขึ้น

 ส่วนกรณีที่มีข่าวว่าสวนสันติธรรมกำลังเตรียมรวบรวมพยานหลักฐาน เพื่อจะฟ้องกลับกลุ่มอดีตศิษย์พระปราโมทย์และกลุ่มชาวพุทธรักศาสนานั้น ทนายความ กล่าวว่า น่าจะเป็นความคลาดเคลื่อนทางข้อมูล เนื่องจากพระปราโมทย์ยังไม่มีความคิดนี้เลย ก่อนหน้านี้ที่ตนพูดทำนองดังกล่าว น่าจะเป็นเพราะสื่อถามนำมากกว่า