
พอแล้วรวย - ความเข้มแข็งของเครือข่ายภาคประชาชน (2)
ฉบับที่แล้ว อาจารย์ยักษ์ ให้แนวทางการสร้างเครือข่ายภาคประชาชนผ่านหลัก "โซ่ 3 เส้น" ได้แก่ การมีหลักคิดร่วมกัน มีกฎกติการ่วมกัน และรักกันเหมือนญาติมิตร เสมือนดั่งโซ่ 3 เส้น ที่หมุนเกลียวเชื่อมร้อยคนจากหลากทิศทาง ต่างสถานภาพทางสังคม ต่างอาชีพเข้าด้วยกัน ให้
เครือข่ายภาคประชาชนในนามเครือข่ายกสิกรรมธรรมชาติ เราเชื่อในหลักคำสอนของพระเจ้าอยู่หัว มั่นในทฤษฎีเศรษฐกิจพอเพียง เชื่อในฤทธิ์ของทานและให้ความสำคัญกับข้าว ปลา อาหาร อากาศ มากกว่าเงิน ดังนั้น กฎกติกาที่เราสร้างร่วมกันมี 8 ประการ คือ
กฎข้อ 1 เมื่อเราเชื่อว่า “ทานนั้นมีฤทธิ์” ก็ต้องตั้งคำถามกับคนที่เข้ามาร่วมกับเครือข่ายว่า “ที่เข้ามานั้นมาเพื่อที่จะเอาหรือเข้ามาเพื่อที่จะให้...อย่าถามว่าเครือข่ายจะให้อะไรกับเรา แต่จงถามว่าเราจะทำอะไรให้เครือข่ายได้บ้าง...จงเชื่อมั่นในฤทธิ์ของทานแล้วจะพบว่า ทานนั้นมีฤทธิ์จริง
กฎข้อ 2 ต้องประชุมกันเป็นเนืองนิตย์ เพื่อตอกย้ำความเชื่อและอุดมการณ์ร่วมกันว่าทานนั้นมีฤทธิ์จริงหรือไม่ มาประชุมร่วมกันก็จะมีของกิน ของใช้มาเผื่อแผ่ แบ่งปัน เมื่อเป็นเช่นนี้แล้ว แค่เพียงการมาประชุมร่วมกันก็เห็นจริงแล้วถึงฤทธิ์ของทาน
กฎข้อ 3 ต้อง “พัฒนาหลักสูตรร่วมกัน” เพราะเราเชื่อในว่า ต้นแบบที่ดีมีค่ากว่าคำสอน ใครไปทำอะไรสำเร็จ ไปค้นพบสูตรอะไรที่ดีกว่าได้ผลกว่า มีสูตรใหม่ๆ ได้มาให้เอามาเข้าที่ประชุมเพื่อยกระดับเป็นหลักสูตรการอบรมของเครือข่ายเรา
กฎข้อ 4 ต้องเข้าร่วมอบรมวิทยากรเป็นประจำทุกเดือน เพราะคนเราพอทำงานไปสักพักแล้วจะคิดว่าเราเก่ง เราเหนือกว่าผู้อื่น เรานั้นเป็นถึงวิทยากรบรรยาย แต่ที่จริงแล้วยังมีความรู้ที่สามารถเรียนรู้ได้อีก พัฒนาได้อีก เพื่อนำไปบอกต่อเพื่อนเรา พี่เรา น้องเรา และคนที่เข้ามาเรียนรู้จากเรา
กฎข้อ 5 ต้องบริหารการเงินร่วมกัน ด้วยการแบ่งรายได้เป็น 3 ก้อน เพื่อการออมและเพื่อการขับเคลื่อนเครือข่าย สมมติได้รายได้มา 100 บาท จะต้องเปิดบัญชีไว้เพื่อเก็บไว้เป็นของศูนย์ นำเข้ากองบุญประจำศูนย์ 20 บาท เป็นกองบุญประจำเครือข่าย 10 บาท เพื่อสำรองไว้วันหน้า หรือถ้าใครใช้ได้แค่ 60 บาทก็ดี จะได้มีเงินออมมากขึ้น
กฎข้อ 6 ต้องเข้าร่วมงานประชุมประจำปี หรืองาน “มหกรรมคืนชีวิตให้แผ่นดิน” ที่จัดขึ้นทุกราววันที่ 17-19 มีนาคม เพื่อแสดงความก้าวหน้าของแต่ละศูนย์ให้เป็นที่ประจักษ์ และความเชื่อของเราที่ว่า “เศรษฐกิจพอเพียงนี้แหละคือทางรอด”
กฎข้อ 7 ร่วมงานถวายข้าวอินทรีย์ และพันธุ์พืชพื้นเมืองแด่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เพื่อสืบต่อเป็นทานแผ่นดิน ซึ่งจัดทำร่วมกันกับเครือข่ายเกษตรอินทรีย์ทั่วประเทศ
กฎข้อ 8 เข้าร่วมงานอนุรักษ์พันธุกรรมพืช ด้วยการปฏิบัติจริง พิสูจน์จริงด้วยตนเองให้เห็นเป็นที่ประจักษ์ เพื่ออนุรักษ์พันธุกรรมพืชพื้นเมือง พืชท้องถิ่นของไทยไว้ให้ลูกหลาน และร่วมงานนิทรรศการที่จัดให้มีขึ้นทุก 2 ปี
กฎทั้ง 8 ข้อของเครือข่ายกสิกรรมธรรมชาติ หรือ คกช.เป็นหลักปฏิบัติที่ทำให้เราอยู่ร่วมกันได้ โดยเฉพาะความรักใคร่กันเหมือนญาติมิตร ใครเจ็บป่วยก็ดูแลกัน ใครเดือดร้อนก็พึ่งพาอาศัยกันได้ ไม่แตกแยกกันออกไป แม้หากวันใดวันหนึ่งจะแตกออกก็เป็นการแตกหน่อ หาใช่แตกแยก
ดังนั้น พวกเราทุกคน ไม่ว่าจะเป็นภาครัฐ ภาควิชาการ ภาคประชาชน ภาคเอกชน ภาคประชาสังคมและสื่อ รวมทั้ง 5 กลุ่มเบญจภาคีจะต้องร่วมมือกันอย่างจริงจัง แม้ว่าจะเข้าสู่สองเดือนร้อน คือเดือนแห่งการแย่งชิงอำนาจการบริหารประเทศซึ่งยังมองไม่เห็นทิศทาง หยั่งไม่รู้อนาคต แต่ที่เห็นทางทำได้จริงนั้นก็คือ การเข้าร่วมกันเป็นเครือข่ายภาคประชาชน
แบบนี้แหละ ที่จะพูดได้ว่า เตรียมพร้อมส่งมอบประเทศไทยให้ลูกหลานด้วยตัวเอง !
"อาจารย์ยักษ์ มหา’ลัยคอกหมู"