
"ชินวรณ์วางศิลาฤกษ์สร้างร.ร.โยธินบูรณะแห่งใหม่
ชินวรณ์ ประกอบพิธีวางศิลาฤกษ์ร.ร.โยธินบูรณะ หวังให้เป็นร.ร.ต้นแบบพัฒนาสู่ความทันสมัย สั่งการผอ.ร.ร.ติดตามการก่อสร้างให้แล้วเสร็จพร้อมเปิดใช้ในปี 2554 หวังเฉลิมพระเกียรติในหลวงครบ 4 รอบ
เมื่อเวลา 11.39น.วันที่ 23 กันยายน นายชินวรณ์ บุญเกียรติ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ (รมว.ศธ.) ได้เป็นประธานประกอบพิธิวางศิลาฤกษ์โรงเรียนโยธินบูรณะแห่งใหม่บริเวณที่ราชพัสดุ ถนนประชาราษฎร์ สาย 1เขตบางซื่อ กทม. และกล่าวว่า ได้ย้ำให้นายวิทยา บริบูรณ์ทรัพย์ ผู้อำนวยการโรงเรียนโยธินบูรณะไปติดตามการก่อสร้างอาคารเรียนแห่งใหม่ให้แล้วเสร็จตามกำหนดใน เดือนสิงหาคม 2554 นี้ เพราะต้องการให้โรงเรียนเสร็จทันภายในปีหน้าเพื่อเฉลิมพระเกียรติ ในวโรกาสที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงมีพระชนมายุ ครบ 84พรรษา หรือ 4รอบในปี 2554
อย่างไรก็ตาม โรงเรียนโยธินฯแห่งใหม่นี้จะเป็นโรงเรียนต้นแบบในการพัฒนาอาคารสถานที่และด้านเทคโนโลยี เป็นการพลิกวิกฤษ์ที่ต้องย้ายออกจากที่เก่า ให้เป็นโอกาสในการพัฒนาโรงเรียนให้มีความทันสมัย ซึ่งโรงเรียนโยธินแห่งใหม่ได้รับการออกแบบอย่างดี มีภูมิทัศสวยงาม มีความทันสมัย อย่างเช่นมีสนามฟุตบอลลอยฟ้า ตรงนี้จะเป็นโอกาสให้โรงเรียนโยธินฯยกมาตรฐานตัวเองสู่มาตรฐานสากล และสร้างอัตลักษณ์ให้กับตัวเองและชุมชน เพื่อให้ชุมชนได้ใช้ประโยชน์จากตัวเองอย่างคุ้มค่า
ด้านนายชินภัทร ภูมิรัตน เลขาธิการคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน กล่าวว่าคณะรัฐมนตรีสมัยที่นายสมัคร สุนทรเวช ดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี ได้มีมติให้ก่อสร้างรัฐสภาใหม่ที่บริเวณแยกเกียกกาย จึงมีความจำเป็นต้องย้ายโรงเรียนโยธินฯ ออกจากที่เดิม โดยทางรัฐบาลได้มอบที่ดินราชพัสดุแปลงหมายเลขทะเบียน ที่ กท. 4591โฉนดเลขที่ 3239เนื้อที่ 16ไร่บริเวณข้างวัดสร้อยทอง ซึ่งเคยใช้ในราชการสำนักงานปลัด กระทรวงกลาโหม ให้เป็นที่ตั้งของโรงเรียนโยธิฯแห่งใหม่ และทางรัฐสภา ก็ได้จัดสรรงบประมาณการก่อสร้างให้ จำนวน 1,000 ล้านบาท และใช้ระยะเวลาในการก่อสร้างจำนวน 300 วัน โดยจะเริ่มก่อสร้างในเดือนตุลาคม 2553 นี้ และกำหนดให้แล้วเสร็จในเดือนสิงหาคม 2554 คาดว่าจะเสร็จสมบูรณ์เปิดใช้สถานศึกษาแห่งใหม่ได้ในภาคเรียนที่ 2ในปีการศึกษา 2554
นายชินภัทร กล่าวต่อว่า อาคารเรียนใหม่ของโรงเรียนโยธินฯนี้ มีความทันสมัย และมีวัสดุอุปกรณ์ เทคโนโลยีครบครัน สร้างเป็นอาคารรูปทรงกรวย สูง 12ชั้น ซึ่งจะส่งผลให้โรงเรียนมีศักยภาพในการพัฒนาให้ก้าวสู่คุณภาพระดับมาตรฐานสากล และสามารถปฏิรูปโรงเรียนได้ตามนโยบายปฏิรูปการศึกษาในทศวรรศที่2ของกระทรวงศึกษาธิการ กำหนดไว้