
จำทะเบียนไม่ได้...ไม่จ่าย
ดิฉันซื้อประกันภัยประเภท 2+ กับบริษัท มิตรแท้ประกันภัย จำกัด แต่เมื่อเกิดอุบัติเหตุกลับปฏิเสธการจ่าย โดยอ้างว่าไม่มีคู่กรณี เหตุเกิดเมื่อวันที่ 9 กรกฎาคม 2553 ประมาณ 19.00 น.
บริเวณทางลงทางด่วนราษฎร์บูรณะ รถของดิฉันลงจากทางด่วน เมื่อเลี้ยวซ้ายเข้าถนนหลัก ได้เบียดเข้าไปในช่องทางเดินขวา มีรถสิบล้อวิ่งมาพอดี ทำให้เกิดอุบัติเหตุ คนขับรถสิบล้อสอบถามว่า จะเอายังไง แล้วก็เดินขึ้นรถขับจากไปเลย
เป็นเวลากลางคืนและคู่กรณีเป็นรถสิบล้อ ทำให้ดิฉันไม่กล้าที่จะลงไปเจรจาด้วย รถคู่กรณีจอดอยู่ไกล ทำให้มองไม่เห็นป้ายทะเบียน เมื่อรถคู่กรณีไปแล้ว ดิฉันจึงโทรไปแจ้งที่บริษัทประกัน บริษัทบอกว่า พรุ่งนี้จะให้พนักงานมาออกใบเคลมที่บ้าน แต่เมื่อพนักงานไปเห็นกรมธรรม์ ระบุว่า ถ้าไม่มีคู่กรณี ไม่เคลมให้ และให้ดิฉันเขียนในใบรายงานของประกัน บอกว่า วันจันทร์จะเสนอเรื่องเข้าที่บริษัท และจะโทรกลับมาแจ้งว่าเคลมได้หรือไม่ เมื่อถึงวันจันทร์ บริษัทประกันโทรกลับมาบอกว่า ไม่เคลมให้ ดิฉันจึงไปแจ้งความไว้ที่ สน.ราษฎร์บูรณะ
ก่อนซื้อประกัน ควรศึกษาเงื่อนไขให้ครบถ้วน อย่าเชื่อตัวแทนเพียงอย่างเดียว อาจจะคุ้มครองไม่ครอบคลุม
ดิฉันอยากทราบว่า ตามกฎหมายดิฉันไม่มีสิทธิที่จะไปรั้งรถคู่กรณีให้อยู่ในที่เกิดเหตุได้ และ กรณีที่มีรถมาชนแล้วหนี จะทำอย่างไร ต้องบังคับให้ลูกค้าขับรถติดตามไปหรือ
ยุวพร
ตอบ
เจ้าหน้าที่ศูนย์บริการลูกค้า บริษัท มิตรแท้ประกันภัย จำกัด ชี้แจงว่า แบบประกันมิตรแท้เพิ่มพูล หรือสองพลัส (2+) เป็นประกันคุ้มครองเฉพาะกรณีรถชนรถเท่านั้น รถประกันผิดหรือไม่ผิดก็ซ่อมให้ทั้งสองฝ่าย ตามเงื่อนไขในกรมธรรม์ระบุไว้แล้วว่า กรณีเกิดอุบัติเหตุ รถประกันจะต้องมีคู่กรณี บริษัทประกันจึงจะคุ้มครองซ่อมรถให้ตามสัญญากรมธรรม์
กรณีของคุณ ไม่สามารถจำทะเบียนรถได้ จึงไม่ได้รับการคุ้มครอง ลูกค้าต้องซ่อมรถเอง เนื่องจากไม่สามารถพิสูจน์ และตรวจสอบข้อเท็จจริงได้ว่า ขับรถชนรถจริงหรือไม่ อย่างไร
หากลูกค้าประสบเหตุถูกชนแล้วหนี ต้องจดจำเลขทะเบียนรถคู่กรณีให้ได้ จากนั้นไปแจ้งความเพื่อลงบันทึกประจำวันไว้ และแจ้งให้บริษัทประกันทราบ เพื่อตรวจสอบข้อเท็จจริง และเรียกร้องค่าเสียหาย
เจ้าหน้าที่ศูนย์บริการลูกค้า บอกว่า บริษัทประกันอื่นๆ ก็มีประกันภัยรูปแบบนี้ มีเงื่อนไขในการคุ้มครองเหมือนกัน ซึ่งตอนที่ลูกค้าจะซื้อประกัน ตัวแทนขายต้องแจ้งให้ลูกค้าทราบเงื่อนไขก่อนทุกครั้ง...
ลุงแจ่ม