ไลฟ์สไตล์

เชียงใหม่บูรณะวัดหมูบุ่นที่พักผ่อนอดีตกษัตริย์

เชียงใหม่บูรณะวัดหมูบุ่นที่พักผ่อนอดีตกษัตริย์

03 ก.ย. 2553

บูรณะรื้อฟื้น "วัดเทพกุนไพรศาลสุวรรณราม" หลังกลายเป็นวัดร้างกว่า 700 ปี เผยมีประวัติศาสตร์ทรงคุณค่าเคยเป็นที่พักผ่อนของกษัตริย์เมืองเชียงใหม่ถึง 17 พระองค์

(3ก.ย.) นายวัลลภ นามวงศ์พรหม เลขานุการวัดพระธาตุดอยสุเทพราชวรวิหาร อ.เมือง จ .เชียงใหม่ เปิดเผยว่า จังหวัดเชียงใหม่ในอดีตเป็นเมืองที่มีความรุ่งเรืองทางศาสนาโดยมีวัดมากกว่าพันแห่ง ขณะที่การขยายตัวของเมืองทำให้วัดสำคัญในอดีตหลายแห่งกลายเป็นวัดร้าง ในจำนวนนี้มีวัดหมูบุ่น หรือวัดเทพกุนไพรศาลสุวรรณราม ซึ่งเป็นวัดสำคัญเก่าแก่ที่มีประวัติศาสตร์ที่เกี่ยวโยงกับกษัตริย์ของล้านนามาอย่างยาวนานถูกปล่อยให้เป็นวัดร้าง ล่าสุดพระเทพวรสิทธาจันทร์  เจ้าอาวาสวัดพระธาตุดอยสุเทพจึงได้มอบหมายให้ตั้งคณะกรรมการรื้อฟื้นวัดหมูบุ่นเพื่อทำการบูรณะวัดแห่งนี้เพื่อฟื้นฟูประวัติศาสตร์   

 สำหรับวัดเทพกุนไพรศาลสุวรรณราม ตั้งอยู่บริเวณใต้อนุสาวรีย์ครูบาศรีวิชัยด้านหลัง สำนักงานปศุสัตว์จังหวัดเชียงใหม่ ถนนห้วยแก้ว ต.ช้างเผือก จ.เชียงใหม่ เดิมวัดหมูบุ่นแห่งนี้มีเนื้อที่ทั้งหมด 304 ไร่ แต่หลังตกเป็นวัดร้าง สำนักงานปศุสัตว์จังหวัดเชียงใหม่ ได้ขอใช้พื้นที่วัดเพื่อสร้างสำนักงานซึ่งปัจจุบันและยังมีพื้นที่ว่างเปล่าอีกจำนวนมาก

 ในการบูรณะวัดหมูบุ่นมีการทำหนังสือขอใช้พื้นที่จากกระทรวงทรัพยาธรรมและสิ่งแวดล้อมในเนื้อที่ 22 ไร่ นอกจากบูรณะเป็นวัดแล้วพื้นที่เหลือจะสร้างเป็นอาคารศาลา 2 ชั้น เพื่อเป็นศูนย์ประชุมทางศาสนาพุทธ เพื่อเป็นการจัดกิจกรรมของสงฆ์ในภาคเหนือ และ จะมีการจัดสร้างให้ เป็นสถานที่ปฏิบัติวิปัสสนากรรมฐานคล้ายกับวัดร่ำเปิงตโปทาราม ต.สุเทพ อ.เมืองเชียงใหม่ ภาย ใต้ความสงบร่วมรื่นของธรรมชาติ โดยจะมีพิธีวางศิลาฤกษ์ในการบูรณะในวันที่ 12 ก.ย. นี้ 

 สำหรับประวัติวัดเทพกุนไพรศาลสุวรรณราม ปรากฏหลักฐานสร้างขึ้นในปี พ.ศ.1835  โดยก่อนหน้านั้นเจ้าพระยังรายผู้ครองเมืองเชียงใหม่ ได้สร้างเวียงกุมกามเป็นจุดศูนย์กลางของเมือง ในขณะนั้น แต่ประสบปัญหาน้ำท่วมบ่อยครั้ง เจ้าพระยามังรายจึงได้เดินสำรวจพื้นใหม่ เมื่อมาถึงบริเวณดังกล่าวได้เล็งเห็นฝูงหมูป่าจำนวนมากกำลังหากินอยู่ตามป่าหญ้า พระองค์จึงเดินมาดูฝูงหมู่ป่า แต่หมู่ป่าก็วิ่งหนีไป เมื่อพระองค์ตามไป ปรากฏว่าจำนวนฝูงหมูป่าหายไปต่อหน้าต่อตา แต่เล็งเห็นบ่อน้ำหนึ่งบ่อ เมื่อเข้าไปดูใกล้เห็นเป็นหมูทองคำนอนอยู่ในบ่อน้ำดังกล่าว  พระองค์จึงตัดสินใจสร้างวัดดังกล่าวขึ้นจึงได้ตั้งชื่อว่าวัดหมูบุ่น และสร้างเมืองเชียงใหม่ในเวลาต่อมาในปี พ.ศ .1939

 ในอดีตวัดแห่งนี้เป็นที่พักผ่อนของพระเจ้ามังรายรวมทั้งเป็นสถานที่ต้อนรับแขกบ้านแขก เมือง นอกจากนี้ยังเป็นที่พักผ่อนสำหรับพระมหากษัติย์ทั้ง 17 องค์ ในช่วงเวลานั้นด้วย ต่อมาเมื่อเกิดสงครามกับพม่าทำให้พม่าเข้าครองเมืองเชียงใหม่และทำให้วัดแห่งนี้กลายเป็นวัดร้าง ต่อมาในปี พ.ศ.2400  พระเจ้ากาวิละกษัตริย์ผู้ครองเมืองเชียงใหม่ในเวลานั้น ได้ทำการบูรณะวัดเทพกุนไพรศาลสุวรรณรามอีกครั้ง แต่เมื่อเวลาผ่านไปทำให้วัดเทพกุนไพรศาลสุวรรณรามตกเป็นวัดร้างเป็นครั้งที่สอง กระทั่งมีการบูรณะอีกครั้งในครั้งนี้

 นายวัลลภ กล่าวว่า ปัจจุบันยังมีวัดที่มีความสำคัญในทางประวัติศาตร์อีกเป็นจำนวนมากที่ถุกปล่อยให้เป็นวัดร้าง ซึ่งหลังจากนี้จะทยอยบูรณะฟื้นฟูตามลำดับ เช่น วัดแสนตาห้อย ที่อยู่ในบริเวณหอสมุดแห่งชาติรัชมังคลาภิเษก อ.เมือง จ.เชียงใหม่ ฝัางตรงข้ามโรงพยาบาลมหาราชนครเชียงใหม่ ซึ่งวัดพระธาตุดอยสุเทพราชวรวิหาร มีแผนจะบูรณะฟื้นฟูให้เป็นสถานที่พักผ่อน สำหรับพระในภาคเหนือที่เดินทางมารักษาตัวแลเยี่ยมญาติโยมที่โรงพยาบาลมหาราชนครเชียงใหม่