"กฤชญาณ อภิกุลชา" สารวัตรหัวใจเกษตร | คมชัดลึก

   เดิมทีไม่คิดว่าจะอยู่ภาคเกษตรหรอกครับ เพราะจ้างไถที่หมดเงินเป็นแสน ขายข้าวโพดได้ราว 5 หมื่นบาท แต่เห็นว่าเรามีที่จึงปลูกโน่น ปลูกนี่ ดีกว่าปล่อยให้รกร้าง พอเวลาผ่านไปปีแล้วปีเล่าจนตัวเองเข้าไปอยู่ในภาคเกษตรโดยไม่รู้ตัว ตอนหลังชักชอบเลยทุ่มเท ไปทำงานอยู่ในไร่ช่วงวันหยุดราชการจนตัวดำ ตอนนั้นผมยศพันตำรวจโท ภรรยาของเจ้านายเห็นตกใจ ตอนแรกคิดว่าผมโหมกับการเล่นกอล์ฟ พอเล่าให้ฟังว่าไปทำไร่ที่เมืองกาญนจ์ ตอนแรกไม่มีใครเชื่อ เพราะเราเป็นนักเรียนจากนอก" พ.ต.ท.กฤชญาณ กล่าวถึงที่มาก่อนที่มาทำอาชีพด้านการเกษตร

 เวลาผ่านไปหลายปี จึงเริ่มคิดว่าหลังเกษียณอายุราชการแล้ว คงไปทำไร่ที่ห้วยเขย่ง อ.ทองผาภูมิแน่นอน จึงจัดทำสวนใหม่ในพื้นที่ทั้ง 80 ไร่ มีทั้งไม้ผล อาทิ ทุเรียน ลองกอง เงาะ มังคุด เป็นต้น นอกจากนั้นได้ทำแปลงผักอินทรีย์ ทำเป็นศูนย์เรียนรู้ด้านเกษตรอินทรีย์ และไผ่ตง พร้อมกับสร้างบ้านพักทำเป็นฟาร์มสเตย์ ปัจจุบันมีบังกะโลพักได้ 2-3 คนปลูกเป็นหลัง จำนวน 19 หลัง เรือนนอนอีก 1 หลังนอนได้ 12 คย รวมแล้วสามารถรับนักท่องเที่ยวครั้งละราว 50 คน โดยช่วงวันธรรมดาให้ภรรยาเป็นผู้ดูแล ส่วนเขาจะกลับไปในวันหยุดเสาร์-อาทิตย์ เป็นหลัก

 สำหรับผู้ที่สนใจเข้าพักจะคิดเป็นแพ็กเกจ คนละ 800 บาท มีโปรแกรมท่องเที่ยว อาทิ เรียนรู้ด้านเกษตรอินทรีย์ ปลูกกล้วยสำหรับอาหารช้าง ชมโป่งช้าง อาบน้ำที่บ่อน้ำแร่ ล่องแก่งกับห่วงยาง เป็นต้น อย่างไรก็ตาม หากเป็นช่วงฤดูกาลผลไม้ราวเดือนพฤษภาคม-มิถุนายนของทุกปี ผู้ที่เข้าไปชมสวนจะเก็บคนละ 100 บาท สามารถเก็บผลไม้สดๆ จากต้นได้ตลอดเวลาที่อยู่ในสวนโดยไม่อั้น

 "การทำสวน หากเราลงไปคลุกคลีเองจะเพลินมาก และซึมซับโดยไม่รู้ตัว ยิ่งพอเริ่มมีอายุยิ่งชอบมากขึ้น เพราะเราเคยจำเจอยู่ในเมือง พอไปอยู่ในป่ารู้สึกสดชื่น บรรยากาศดี โดยเฉพาะช่วงเช้าอากาศเย็นสบาย มีหมอกคลุมเต็มไปหมด พอสายๆ หน่อยเราเดินดูต้นไม้ที่เราปลูก รู้สึกภูมิใจ และนึกไม่ถึงว่าเราจะเป็นเกษตรกรได้ถึงวันนี้" สารวัตรกฤชญาณ กล่าว

 ก็นับเป็นนายตำรวจหัวใจเกษตรคนหนึ่ง แม้ครอบครัวเขามีความพร้อมด้านเงินทอง ที่พอจะทำธุรกิจในเมืองได้ แต่สารวัตรกฤชญาณ เลือกบั้นปลายชีวิตอยู่ในภาคเกษตรกรรม

"ดลมนัส  กาเจ"