
มสธ.วาดฝันอีก15 ปีก้าวสู่มหาวิทยาลัยทางไกลครบวงจร
มหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช (มสธ.) ถือเป็นมหาวิทยาลัยเปิดเพียงแห่งเดียวในประเทศไทย ที่จัดให้มีการจัดการเรียนการสอนระบบทางไกล และเปิดโอกาสเรียนรู้อย่างเท่าเทียม เพื่อให้การศึกษาตลอดชีวิตสำหรับทุกคน ซึ่งความต่างเหล่านี้ถือเป็นจุดเด่นของ มสธ. ที่ทำให้แต่ละ
เพื่อก้าวให้ทันกับการเปลี่ยนแปลงทางการศึกษาในยุคโลกาภิวัตน์ มสธ.ซึ่งกำลังก้าวย่างสู่ปีที่ 32 ในปีนี้ จึงจัดทำร่าง STOU Road Map 2009-2023 ขึ้น เพื่อจัดระบบการเรียนการสอน สื่อการศึกษาทางไกล ระบบสนับสนุนนักศึกษา/นักวิจัย ระบบการบริหารวิชาการแก่สังคม ชุมชน การทำนุบำรุงศิลปะและวัฒนธรรม การวิจัย การบริหารจัดการ ระบบเทคโนโลยีสารสนเทศ (ไอซีที) ระบบทรัพยากรบุคคล และระบบ University Finance เพื่อยกระดับคุณภาพ มาตรฐานก้าวสู่มหาวิทยาลัยทางไกลครบวงจร
ศ.ดร.วิจิตร ศรีสอ้าน นายกสภามหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช เปิดเผยว่า มสธ.มีวิสัยทัศน์ เป็นมหาวิทยาลัยเปิดที่ใช้ระบบการศึกษาทางไกลชั้นนำของโลก ให้การศึกษาตลอดชีวิตสำหรับทุกคน ในอีก 15 ปีข้างหน้าเมื่อวัยเด็กลดลง วัยแรงงานลดลง และวัยสูงอายุมากขึ้น แต่เมื่อวัยแรงงานลดลง มสธ.ควรเพิ่มกลุ่มผู้สูงอายุ เป็นกลุ่มเป้าหมายหลักเพิ่มเติม เพื่อยกระดับแรงงานควบคู่การพัฒนาหลักสูตร งานวิจัย เพื่อจัดการศึกษาสำหรับผู้สูงอายุ และการศึกษาตลอดชีวิตที่มีคุณภาพ ส่วนเรื่องของพลังงาน สิ่งแวดล้อม เศรษฐกิจ และตลาดแรงงาน ต้องดูผลกระทบ ที่เกิดขึ้นในแต่ละด้าน เพิ่มบทบาทสร้างงานวิจัย หาพลังงานทดแทน พัฒนาให้เกิดเศรษฐกิจฐานความรู้ เศรษฐกิจพอเพียงอย่างแท้จริง
“ในอีก 15 ปีข้างหน้า การพัฒนาบัณฑิตไม่ใช่เพียงการตอบสนองความต้องการของตลาดแรงงาน หรือประเทศไทยเท่านั้น แต่ต้องขยายฐานไปถึงประเทศในภูมิภาคอาเซียนและทั่วโลกด้วย โดยนักศึกษาต้องมีความรู้ความสามารถทางด้านภาษา มีคุณภาพ มีคุณธรรมจริยธรรม สามารถใช้เทคโนโลยีสารสนเทศให้เกิดประโยชน์ รวมไปถึงต้องส่งเสริมพัฒนาบุคลากรของท้องถิ่น ศึกษางานวิจัยที่เอื้อต่อการสร้างประโยชน์ต่อส่วนรวม พัฒนาคุณภาพบริการสาธารณะและต้องหาแนวทางในการลดปัญหาความรุนแรงที่จะเกิดขึ้นในอนาคต”
ภายหลังการจัดการการศึกษาระดับปริญญาตรี บัณฑิตศึกษา โดยระบบการศึกษาทางไกลได้รับความสำเร็จและได้รับการยอมรับว่ามีมาตรฐาน ทำให้ มสธ.อยู่ในระดับเดียวกับมหาวิทยาลัยระบบปิดในประเทศ ซึ่งแผน STOU Road Map 2009-2023 เป็นการพัฒนาเพื่อให้มหาวิทยาลัยก้าวสู่การยอมรับจากต่างประเทศร่วมด้วย
รศ.ดร.เทพศักดิ์ บุณยรัตพันธุ์ รองอธิการบดีฝ่ายวางแผนและพัฒนาระบบงาน มสธ. วิเคราะห์แผนการพัฒนา มสธ.ในอีก 15 ปีว่าแบ่งออกเป็น 3 ช่วง ช่วงละ 5 ปี ในแต่ละช่วงเน้นการพัฒนาที่ต่อเนื่องกัน นั่นคือ การพัฒนาการจัดการศึกษาทางไกลเพื่อพัฒนา ปรับหลักสูตรให้ตรงตามมาตรฐานทีโอเอฟ ภายในปี 2555 สอดคล้องกับการผลิตภาพทางเศรษฐกิจและสังคม อันนำไปสู่การสร้างงานวิจัย พัฒนาหลักสูตรใหม่ที่เป็นนวัตกรรมระดับอาเซียน และสากล ขณะเดียวกันการผลิตบัณฑิต จะเน้นผู้เรียนเป็นศูนย์กลาง พัฒนาสื่อการเรียนการสอน หลักสูตร นำไอซีทีเข้ามาใช้ในการจัดกิจกรรมการสอนทั้งในระดับปริญญาตรี ขณะที่บัณฑิตศึกษาจะใช้เป็นสื่อคู่ขนาน เพราะในอนาคตปริญญาตรีอย่างเดียวคงไม่พอ คนหนึ่งคนคงเรียนหลายดีกรีมากขึ้น
ขณะที่นำไอซีทีมาเป็นสื่อการเรียนการสอนในการจัดการศึกษาทางไกลแล้ว มสธ.ยังจัดทำแผนแม่บทด้านการวิจัยสำหรับการเรียนการสอนทางไกลด้วย เพื่อที่ 15 ปีข้างหน้า จะมีงานวิจัย นวัตกรรมการเรียนการสอนทางไกลที่ก้าวไกล และทันต่อการเปลี่ยนแปลงของโลก
รศ.ดร.เทพศักดิ์ สาธยายต่อว่า ในส่วนของวิชาการ ปรับสู่การจัดการศึกษาทางไกล โดยให้ผู้เรียนได้เรียนมากขึ้น นำสื่อมัลติมีเดียเข้ามาสร้างปฏิสัมพันธ์ระหว่างผู้เรียนกับผู้สอน เช่น เฟซบุ๊ก ทวิสเตอร์ เว็บบอร์ด เพื่อให้นักศึกษาที่มีโทรศัพท์ มีไอแพด สามารถเข้าถึงสื่อได้ง่าย เพื่อนำไปสู่การวางแผนออกแบบเนื้อหาชุดวิชา Convergence Media โดยเน้นความสะดวกของผู้เรียนเป็นหลัก ขณะที่บุคลากรของมหาวิทยาลัย คณาจารย์ ต้องอบรมเพิ่มเติม สร้างหลักสูตรกระบวนการเรียนรู้ใหม่ขึ้นมา เพื่อการพัฒนาบัณฑิตให้มีความพร้อมในทุกๆ ด้าน เพราะต่อให้เป็นมหาวิทยาลัยเปิด ก็ต้องเป็นมหาวิทยาลัยเปิดที่มีคุณภาพ และเป็นการศึกษาตลอดชีวิตได้กับทุกคน
“ร่างแผน 15 ปีนั้น ในช่วง 5 ปีแรกเป็นการนำแนวคิดการจัดการสมัยใหม่มากำหนดโครงสร้างหลักสูตร วิชาการ ระบบบริหารมหาวิทยาลัยเข้มแข็ง สภา มสธ.เห็นชอบเพื่อพัฒนาเป็นฐานความรู้ใหม่ ที่ไม่ว่าใครก็ต้องเข้ามาเสาะแสวงหาคลังความรู้จาก มสธ. ก่อนนำไปสู่การเป็นมหาวิทยาลัยเปิดที่สอนโดยนวัตกรรม การสอนทางไกล เน้นเรียน วิจัย เชิงนวัตกรรมใหม่ ที่ตอบสนองการเปลี่ยนแปลงของโลก เพื่อให้มสธ.เป็นมหาวิทยาลัยเปิดที่สามารถศึกษาได้ตลอดชีวิต ตรงตามวิสัยทัศน์ที่ไม่เหมือนใคร”รศ.ดร.เทพศักดิ์ กล่าวในที่สุด