ไลฟ์สไตล์

"โอริงจัดฟัน” จากยางพารา
ฝีมือคนไทยทดแทนนำเข้า

"โอริงจัดฟัน” จากยางพารา ฝีมือคนไทยทดแทนนำเข้า

31 ส.ค. 2553

แต่ละปีประเทศไทยมีการนำเข้า “โอริงจัดฟัน” จากต่างประเทศมูลค่าค่อนข้างสูง เพื่อใช้ในทางทันตกรรมจัดฟันและทันตกรรมประดิษฐ์ โดยโอริงจัดฟันที่นำเข้านั้นผลิตจากพอลียูริเทน ซึ่งเป็นสารสังเคราะห์ทำให้มีราคาแพง ด้วยเหตุนี้กรมวิชาการเกษตรร่วมกับคณะทันตแพทยศาสตร์

  ดร.นุชนาฏ ณ ระนอง นักวิทยาศาสตร์ชำนาญการพิเศษ สำนักวิจัยและพัฒนาวิทยาการหลังการเก็บเกี่ยวและแปรรูปผลิตผลเกษตร กรมวิชาการเกษตร ในฐานะหัวหน้าทีมวิจัย เปิดเผยว่าทีมนักวิจัยของกรมวิชาการเกษตรและนักวิจัยคณะทันตแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ได้ร่วมกันศึกษาการผลิต “โอริงจัดฟันที่ผลิตจากยางธรรมชาติอิพอกไซด์” ซึ่งมีคุณสมบัติด้านการทนต่อการบวมพองในน้ำมันจากการเพิ่มความเป็นขั้วของยางธรรมชาติ โดยขั้นตอนการทดลองแบ่งเป็น 3 ส่วน คือ การพัฒนาสูตรยางผสมสารเคมี การออกแบบเบ้าพิมพ์ และการทดสอบความเข้ากันได้ทางชีวภาพ

 "เบื้องต้นได้ทดลองบดผสมยางและสารเคมี เตรียมชิ้นทดสอบตามมาตรฐานการทดสอบที่เกี่ยวข้อง พร้อมวิเคราะห์ผลการทดสอบที่ได้ โดยมีการปรับเปลี่ยนปริมาณสารเคมีที่มีผลต่อสมบัติทางกายภาพ ซึ่งสามารถคัดเลือกสูตรที่มีความเหมาะสมได้ 4 สูตร จากนั้นได้ดำเนินการออกแบบและทำแม่พิมพ์ตามรูปแบบที่กำหนด แล้วนำมาทดลองผลิตเป็นโอริงจัดฟัน เพื่อใช้ทดสอบคุณสมบัติการใช้งาน"

  ดร.นุชนาฏ ระบุอีกว่า ผลการทดสอบปรากฏว่า มีค่าการบวมพองในน้ำเป็นร้อยละ 0.92-1.24 หลังแช่ไว้ 1 วัน และเป็นร้อยละ 6.24-8.18 หลังแช่ไว้ 28 วัน เมื่อทดสอบการทนแรงดึงพบว่ามีค่าเป็น 2.31-3.70 นิวตัน และหลังจากแช่ในน้ำ 28 วันแล้วนำมาทดสอบค่าการทนแรงดึงใหม่ พบว่ามีค่าเป็น 1.25-1.91 นิวตัน โดยโอริงจัดฟันที่ทดลองผลิตทั้ง 4 สูตร มีสมบัติเฉพาะในการใช้งานในระดับเดียวกับตัวอย่างโอริงจัดฟันที่มีจำหน่ายและทันตแพทย์นิยมใช้ และสามารถเลือกใช้ตามสภาพของฟันที่เปลี่ยนแปลงไปในระหว่างการรักษาด้วย 

 หัวหน้าทีมวิจัยคนเดิมย้ำด้วยว่า จากการทดสอบปริมาณโปรตีนที่ละลายน้ำได้ในผลิตภัณฑ์โอริงจัดฟันที่ผลิตขึ้น พบว่าผลิตภัณฑ์ทั้ง 4 สูตร มีปริมาณโปรตีนที่ละลายน้ำได้น้อยกว่า 50 ไมโครกรัม/กรัม เมื่อคำนวณต้นทุนการผลิตพบว่า สามารถลดต้นทุนเฉพาะวัตถุดิบของโอริงจัดฟันได้ไม่ต่ำกว่า 10 เท่าของราคาที่นำเข้าจากต่างประเทศ ขึ้นอยู่กับราคายางธรรมชาติอิพอกไซด์ จึงมีความเป็นไปได้สูงที่จะขยายผลการใช้ยางธรรมชาติอิพอกไซด์ผลิตโอริงจัดฟันเพื่อใช้ในงานทันตกรรมจัดฟันในอนาคต

 “ปัจจุบันคณะทันตแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย อยู่ระหว่างยื่นขอจดทะเบียนสิทธิบัตรโอริงจัดฟันที่ผลิตจากยางธรรมชาติอิพอกไซด์ กับกรมทรัพย์สินทางปัญญา โดยเป็นสิทธิบัตรร่วมกับกรมวิชาการเกษตร ภายหลังได้รับการจดสิทธิบัตรแล้วทั้งสองหน่วยงานจะเร่งถ่ายทอดองค์ความรู้และเทคโนโลยีต้นแบบดังกล่าวให้แก่ภาคเอกชนที่มีความสนใจ ให้นำไปผลิตโอริงจัดฟันจากยางอิพอกไซด์ในเชิงอุตสาหกรรมต่อไป” ดร.นุชนาฏ กล่าว 

 ด้าน สมชาย ชาญณรงค์กุล อธิบดีกรมวิชาการเกษตร กล่าวเสริมว่า ผลงานชิ้นนี้ได้คัดเลือกเป็นผลงานวิจัยดีเด่นประจำปี 2552 ประเภทงานวิจัยสิ่งประดิษฐ์คิดค้น ซึ่งสามารถใช้เป็นเทคโนโลยีต้นแบบในการผลิตโอริงจัดฟันในเชิงพาณิชย์ได้ คาดว่าจะมีการนำยางธรรมชาติมาผลิตเป็นโอริงจัดฟัน ส่งผลให้มีการใช้ยางพาราภายในประเทศเพิ่มขึ้นปีละประมาณ 70-80 ตัน

 นับเป็นอีกหนึ่งผลงานวิจัยของกรมวิชาการเกษตร ภายใต้การร่วมมือกับคณะทันตแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ที่มุ่งพัฒนายางพาราไทยในรูปของผลิตภัณฑ์ให้มีคุณภาพและมีความหลากหลายมากยิ่งขึ้น