
ปลูกฝังรักชาติ ผ่าน "ละครเวที"สุดอลังการ
ในยุคที่คนไทยวุ่นวายสับสน หลงอยู่ในวังวนของปัญหา ทางออกทางรอดที่จะมาสมานแผลใจให้คนไทยรักกัน คือสิ่งที่ทุกคนกำลังโหยหา มูลนิธิเกศอัมรินทร์และมูลนิธิดุริยประณีต มิอาจนิ่งดูดายเอ่ยปากหาแนวร่วมสำคัญอย่างสำนักงานคณะกรรมการวัฒนธรรมแห่งชาติ จัดการแสดงละครเวทีอิ
ละครเวทีรักชาติเรื่องล่าสุดสร้างสรรค์จากบทประพันธ์ของ อ.สมภพ จันทรประภา กำกับการแสดงโดย ม.ล.จุลลา งอนรถ ซึ่งเป็นกิจกรรมหนึ่งใน “งานมหกรรมศิลปะการแสดงและดนตรีไทยนานาชาติ ประจำปี 2553"เพื่อน้อมรำลึกถึงพระมหากรุณาธิคุณอันยิ่งใหญ่แห่งสมเด็จพระนเรศวรมหาราชที่ได้ทรงกอบกู้เอกราชของชาติไทยมิให้ตกเป็นทาสของชาติอื่น ซึ่งยังตราตรึงอยู่ในความทรงจำของชาวไทยตราบจนกระทั่งปัจจุบัน
สำหรับคอละครรุ่นเก่า คงจำกันได้ว่าเรื่องนี้เคยจัดแสดงถวายตามพระราชเสาวนีย์ในสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ เนื่องในวโรกาสสถาปนาสมเด็จพระบรมโอรสาธิราช สยามมกุฎราชกุมาร เมื่อเดือนธันวาคม พ.ศ. 2515 และแสดงถวายเนื่องในวโรกาสราชาภิเษกสมรสครบ 50 ปี เมื่อเดือนเมษายน พ.ศ.2553 ในนามคณะละครอาสาสมัครในพระบรมราชินูปถัมภ์
ในฐานะโต้โผสำคัญจัดละครเวทีฯ ครูสุดจิตต์ ดุริยประณีต ศิลปินแห่งชาติ บอกว่า ถือเป็นการรวมตัวของนักแสดงทั้งรุ่นใหญ่รุ่นเล็ก เพื่อสืบทอดการทำงานจากรุ่นสู่รุ่น โดยนำศิลปะการแสดงและดนตรีไทยมาร้อยเรียงด้วยเพลงต่างๆ ตามอารมณ์ในท้องเรื่องมากถึงกว่า 40 เพลง
"นอกจากผู้ชมจะได้ความเพลิดเพลินในการชมละครเวที ที่เดินเรื่องรวดเร็วกระชับอย่างที่คนรุ่นใหม่ชอบกันแล้ว ยังจะได้ความรู้เกี่ยวกับเพลงไทยในหลากหลายอารมณ์ ซึ่งถือเป็นโอกาสของคนรุ่นใหม่ที่จะได้เรียนรู้สมบัติของชาติผ่านความบันเทิง และยังได้ระลึกรู้ถึงความเป็นเอกราชของชาติไทยที่บรรพบุรุษได้เพียรรักษาไว้นั้น เป็นสิ่งที่คนรุ่นหลังต้องรับหน้าที่ต่อ ตามกำลังความสามารถแห่งตน" ครูสุดจิตต์ กล่าว
การใช้ละครเวทีเป็นสื่อกลางช่วยปลุกให้คนในชาติรู้รักสามัคคีถือเป็นหนัก ม.ล.จุลลา งอนรถ ผู้กำกับการแสดง เล่าแรงบันดาลใจในการกำกับการแสดงละครเวทีครั้งสำคัญนี้ว่า ไม่ใช่เรื่องง่ายที่จะถ่ายทอดบทประพันธ์ออกมาให้ลึกซึ้งกินใจ อีกทั้งเรื่องนี้เคยมีการจัดแสดงมาแล้วสองครั้งเมื่อเกือบ 40 ปีก่อน
"ครั้งนี้จึงเป็นครั้งที่สาม ซึ่งเป็นเรื่องพระบารมีของสมเด็จพระนเรศวรมหาราชที่มีต่อทีมนักแสดงชุดเดิมกับนักแสดงชุดใหม่และทีมงาน ประกอบกับความรักต่อบทละครที่มีต่อบทประพันธ์ของ อ.สมภพ จันทรประภา และเป็นเหมือนการทำถวายสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ ซึ่งท่านโปรดเรื่องสมเด็จพระนเรศวรมาก อีกทั้งเป็นการตอบแทนบุญคุณแผ่นดิน ให้คนไทยได้ประจักษ์ถึงหน้าที่ต่อแผ่นดิน และมีความรักความสามัคคีกันเพื่อปกป้องผืนแผ่นดินไทยให้ลูกหลานได้ทำหน้าที่ต่อไปด้วยความรักและหวงแหนแผ่นดิน ดังคำที่ว่า ‘หน้าที่เรารักษาสืบไป’ " ผู้กำกับการแสดง เผย
นอกจากเนื้อเรื่องจะเข้มข้นน่าติดตามแล้ว สิ่งดึงดูดใจความสนใจเห็นจะอยู่ที่เครื่องแต่งกายนักแสดง งานนี้ได้ โกมล พานิชพันธ์ หรือรู้จักกันในนาม "โกมลเมืองแพร่" ผู้เชี่ยวชาญผ้าไทย ที่มีประสบการณ์ด้านผ้าไทยมาเกือบ 30 ปี และเคยออกแบบเสื้อผ้าให้แก่ภาพยนตร์เรื่อง สุริโยไทละครเรื่อง กษัตริยา / สาปภูษา ซึ่งชุดที่ออกแบบให้แก่ละครเวทีสมเด็จพระนเรศวรมหาราช จะมีความสวยงามและอลังการด้วยผ้าไทย ขณะที่ฉาก ออกแบบและจัดสร้างโดย สุธี ปิวรบุตร อดีตข้าราชการกรมศิลปากร นับเป็นการใช้ฉากมากที่สุดเท่าที่เคยทำละครมา คือมีมากถึง 17 ฉาก
ทีมงานนักแสดงชุดเดิมกับนักแสดงชุดใหม่ พร้อมนักแสดงสมทบมากกว่า 300 คนที่จะมาสร้างความบันเทิง นำโดยหนุ่มมากความสามารถ "จิ๊บ" วสุ แสงสิงแก้ว มารับบทเด่นเป็น พระนเรศวร ส่วนคู่ปรับตลอดกาลอย่าง นันทบุเรง หรือ มังไชยสิงห์ รับบทโดย สุประวัติ ปัทมสูต นักแสดงและผู้กำกับรุ่นลายคราม ร.อ.มล.ย่อม งอนรถ เป็นพระมหาธรรมราชา ด้าน พลตรีประพาศ ศกุนตนา เป็น บุเรงนอง และ ใจทิพย์ ยุวบูรณ์ เป็น พระสุพรรณกัลยา
พร้อมด้วย นีรนุช ปัทมสูต, ศิริพร วงศ์สวัสดิ์, รัชพล เต๋จ๊ะยา, ธนู ฉายานนท์, ปิยนุช นาคคง, สุขสันติ แวงวรรณ, ฑีฆายุ-พ.ท. วัฒนา รุ่งเรือง, มานิต ศรีพงษ์ และผู้แสดงสมทบจากวิทยาลัยนาฏศิลป์อ่างทอง และชมรมผู้สูงอายุโรงพยาบาลพระนั่งเกล้า เป็นต้น โดยจัดแสดงที่ศูนย์วัฒนธรรมแห่งประเทศไทย เพียง 3 รอบ คือ ศุกร์ที่ 6 สิงหาคม รอบ 19.30 น. เสาร์ที่ 7 สิงหาคม รอบ 14.00 น. และ 19.30 น. ซื้อได้ที่ ไทยทิคเก็ตเมเจอร์ โทร. 0-2262-3456