ไลฟ์สไตล์

ฮือ!ต้านสมภารไล่พระเปรียญ9พ้นวัดดุสิตาราม

ฮือ!ต้านสมภารไล่พระเปรียญ9พ้นวัดดุสิตาราม

27 ก.ค. 2553

ศึก!วันเข้าพรรษา เจ้าอาวาสวัดดุสิตาราม ย่านฝั่งธนบุรีขับไล่พระลูกวัด 2 รูป จบเปรียญธรรม 9 ประโยค ออกจากวัดในวันเข้าพรรษา ฐานไม่เชื่อฟัง ชาวบ้านรู้ข่าวรวมตัวประท้วง พระลูกวัดแฉตั้งแต่มาเป็นเจ้าอาวาสบีบพระลูกวัดออกหลายรูป บางรูปถึงต้องสึก สุดท้ายตกลงกันไม่ไ

 สน.บางยี่ขัน  เมื่อเวลา 09.00 น.วันที่ 27 กรกฎาคม ขณะที่ พ.ต.ท.ณัฐวุฒิ กันตะยศ สวป.สน.บางยี่ขัน กำลังปฏิบัติหน้าที่ออกตรวจตราพื้นที่อยู่ก็ได้รับแจ้งว่ามีชาวบ้านในชุมชนวัดดุสิตาราม แขวงอรุณอัมรินทร์ เขตบางกอกน้อย รวมตัวกันประท้วงพระราชวรมุนี เจ้าอาวาสวัดดุสิตดาราม เนื่องจากไม่พอใจที่พระราชวรมุนีออกคำสั่งขับไล่พระมหาพีระพัฒน์ กมโล อายุ 38 ปี และพระมหาปราโมทย์ วิริยธมโม อายุ 37 ปี พระลูกวัดออกจากวัดในช่วงวันเข้าพรรษา จึงนำกำลังไปตรวจสอบก็พบชาวบ้านกว่า 20 คนรวมตัวกันอยู่ในวัดดังกล่าวด้วยความไม่พอใจ

 จากการสอบถามพระมหาพีระพัฒน์ เปิดเผยว่า บวชเป็นพระลูกวัดมานาน 10 พรรษาแล้ว ขณะนี้กำลังศึกษาอยู่ จนกระทั่งเมื่อประมาณเดือนพ.ค.ที่ผ่านมา ได้มีคนทำหนังสือเเจ้งไปยังเจ้าคณะจังหวัดกรุงเทพมหานครว่าให้ตรวจสอบเรื่องที่อาตมาใช้คำนำหน้าชื่อว่า "นาย" ขณะเข้าศึกษาที่คณะบริหารธุรกิจ มหาวิทยาลัยราชภัฏพระนคร และเรื่องที่แต่งกายเป็นฆราวาสในการถ่ายรูปติดใบทรานสคริป แต่เรื่องดังกล่าวนั้น เป็นกฎของมหาวิทยาลัยที่บังคับใช้คำนำหน้าว่านาย ซึ่งตอนเซ็นชื่อกำกับเอกสารหรือใบทรานสคริปนั้น ก็จะลงชื่อว่า "พระมหาพีระพัฒน์" ตลอด ส่วนเรื่องรูปถ่ายนั้นอาตมาไม่เคยไปถ่ายรูปเลย แต่ทางสถาบันทำการตัดต่อไปใส่ชุดครุยให้ ไม่แคยแต่งตัวเป็นฆราวาส แต่ที่ถูกร้องเรียนแต่อย่างใด

 พระมหาพีระพัฒน์ กล่าวต่อว่า จากนั้นในวันที่ 20 ก.ค.ที่ผ่านมา มีหนังสือจากเจ้าคณะจังหวัดให้เจ้าอาวาสวัดดุสิตฯ ทำการพิจารณตรวจสอบเรื่องนี้ และแจ้งกลับภายใน 45 วัน ซึ่งวันรุ่งขึ้น (21 ก.ค.) ทางพระราชวรมุณีก็เรียกอาตมาเข้าไปโดยบอกว่า จะทำการสอบสวนกันเพียงสองรูปเท่านั้น แต่ถึงเวลาที่อาตมาเข้าไปถึงห้องสอบสวนกลับพบว่ามีทนายความ เจ้าหน้าที่ตำรวจนั่งอยู่ในห้องด้วย 2 นาย และยังมีคนของเจ้าอาวาสอีกเกือบ 20 คน แอบอยู่ด้านหลังมูลี่อีกด้วย

 นอกจากนี้ทนายความก็ยังพยายามให้อาตมาเซ็นชื่อยอมรับผิดตามข้อกล่าวหา แต่อาตมาไม่ยอมเซ็น เพราะไม่ใช่ความผิดทางวินัย และไม่มีการสอบสวนตามระเบียบของสงฆ์เลย กลับใช้ทนายความ และเจ้าหน้าที่ตำรวจมาร่วมสอบสวน อาตมาจึงเรียกพระมหาปราโมทย์ เข้าไปร่วมรับฟังและช่วยกันพูดชี้แจง แต่ก็ไม่เป็นผลจนถูกเจ้าอาวาสทำหนังสือคำสั่งขับไล่อาตมาและพระมหาปราโมทย์ ออกจากวัดภายในวันที่ 25 ก.ค. และมีการนำคำสั่งดังกล่าวไปแปะไว้ที่หน้ากุฏิอาตมา และจุดต่างๆ ทั่วบริเวณวัดถึง 6 ใบ ในวันที่ 23 ก.ค. จึงทำหนังสือของผ่อนผันคำสั่งกลับไปยังเจ้าอาวาสแต่กลับถูกเจ้าอาวาสตีกลับมาว่าให้ออกจากวัดตามที่ได้สั่งการไปแล้ว

 พระมหาพีระพัฒน์ กล่าวอีกว่า อาตมาไม่ทราบว่า เจ้าอาวาสไม่พอใจอาตมาเรื่องอะไรถึงต้องทำแบบนี้ แต่อาจเป็นเพราะเมื่อช่วงเวลาประมาณ 19.00 น.ของวันที่ 12 ก.ค.ที่ผ่านมา หลังจากอาตมากลับมาจากเรียนหนังสือที่มหาวิทยาลัยศิลปากร เจ้าอาวาสก็พานายตำรวจกองปราบปราม 1 นาย และคนของเจ้าอาวาสคอยตามถ่ายรูป เข้ามาขอค้นกุฏิโดยที่ไม่มีหมายค้น อาตมาสอบถามถึงสาเหตุที่จะต้องตรวจค้นกุฏิก็ไม่ยอมตอบ อาตมาจึงยอมให้ตำรวจเข้าไปค้นกุฏิเพียงคนเดียว ไม่ยอมให้เจ้าอาวาสกับคนที่มาตามถ่ายรูปเข้ามาค้นกุฏิเข้ามาด้วย และผลการตรวจค้นก็ไม่พบสิ่งผิดกฎหมายอะไร จึงทำให้เจ้าอาวาสไม่พอใจอาตมาก็เป็นได้

 "ตั้งแต่พระราชวรมุนี ขึ้นมาเป็นเจ้าอาวาส  ก็มีพระลูกวัดเก่าแก่ถูกคำสั่งให้ออกจากวัดไปแล้ว 7 รูป มีอยู่ 1 รูปต้องสึกออกไป บางรูปบวชมานาน 19 พรรษา คอยดูแลเจ้าอาวาสคนก่อนมาตลอดก็ถูกให้ออกจากวัดด้วย ตอนแรกพวกอาตมาก็ตัดสินใจว่าจะย้ายไปอยู่วัดดาวดึงษาราม แต่กลับถูกเจ้าอาวาสส่งญาติไปแจ้งเจ้าอาวาสวัดดาวดึงษ์อีกว่า มีคำสั่งจากเจ้าคณะจังหวัดว่าไม่ให้พวกอาตมาอยู่ในวัดที่ กทม.แล้ว จึงตัดสินใจที่จะอยู่ที่วัดดุสิตฯต่อไปโดยจะร้องเรียนไปยังพระผู้ใหญ่ชั้นสูงเพื่อพิจารณเรื่องนี้ และขอต่อสู้กันตามข้อกฎหมายใช้ทนายความเรียกร้องสิทธิของอาตมา เพราะเรื่องนี้ได้รับความเสียหายเป็นอย่างมาก" พระมหาพีระพัฒน์ กล่าว

 ด้านพระมหาปราโมทย์ กล่าวว่า อาตมาบวชมานานถึง 15 พรรษา และศึกษาจนจบเปรียญธรรม 9 ประโยคแล้ว ขณะนี้กำลังศึกษาต่อปริญญาเอก โดยวันที่มีการสอบสวนพระมหาพีระพัฒน์นั้น อาตมาได้เข้าไปร่วมรับฟังด้วย และได้โต้แย้งถึงเรื่องนี้กว่าการสอบสวนต้องทำการกฏระเบียบพระธรรมวินัย และทำท่ามกลางคณะสงฆ์ ไม่ใช่มีทนายความกับตำรวจแบบนั้น จึงทำให้อาตมาถูกคำสั่งออกจากวัดไปด้วยอีกคน โดยให้เหตุผลว่าไม่เชื่อฟังเจ้าอาวาส ถือวิสาสะเข้าไปในห้องสอบสวนขณะกำลังสอบสวนความผิดพระมหาพีระพัฒน์ กันอยู่ ซึ่งอาตมาถือว่าเรื่อวงนี้รังแกกันเกินไป นอกจากนี้ยังมีการนำกุญแจมาล็อกกุฏิของพวกอาตมาในช่วงที่ออกไปเรียนอีกด้วย

 ขณะที่ น.ส.ทองสุข เกตุพันธ์ อายุ 61 ปี ชาวบ้านที่ร่วมชุมนุม เปิดเผยว่า พระทั้งสองรูปนั้นบวชมานานนับสิบปี ทำความดีมาตลอด คอยสอนหนังสือพวกเด็กๆ ในชุมชน สำหรับเรื่องที่เกิดขึ้นกับพระทั้งสองรูปนั้น ตนก็ไม่เข้าใจว่าทำไมเจ้าอาวาสจึงไม่มีความเมตตาบ้าง การสอบสวนความผิดของพระทั้งสองรูปนั้น ก็ไม่ทราบว่าทำอย่างถูกต้องหรือไม่

 ต่อมาชาวบ้านในชุมชนเริ่มที่ทราบเรื่องว่า พระลูกวัดทั้งสองรูปถูกคำสั่งไล่ออกจากวัดอย่างไม่เป็นธรรม ก็ต่างพากันมารวมตัวในวัดกันเพื่อประท้วงกันอีกกว่า 100 คน ทำให้เจ้าหน้าที่ต้องเชิญนายสุบินทร์ ลิ้มประเสริฐ ประธานชุมชนวัดดุสิตฯ  มาชี้แจ้งถึงคำสั่งดังกล่าวของเจ้าอาวาสให้ชาวบ้านฟัง แต่ชาวบ้านก็ยังไม่พอใจเพราะเหลือเวลาอีกไม่กี่ชั่วโมงก็จะต้องเข้าพรรษาแล้ว

 ทำให้เจ้าหน้าที่ตำรวจต้องเชิญตัวแทนชาวบ้าน 5 คน พร้อมประธานชุมชุนเข้าไปเจรจรกับพระราชวรมุนี เจ้าอาวาส เพื่อขอให้พระทั้งสองรูปจำพรรษาอยู่ที่วัดต่อไปก่อน แต่ก็ได้รับการชี้แจงว่าจากพระราชวรมุนีว่า ไม่เคยกลั่นแกล้งพระทั้งสองรูปไม่ให้ย้ายไปอยู่วัดดาวดึงษ์ฯ และให้ปฏิบัติตามคำสั่งเดิมคือให้พระทั้งสองรูปออกจากวัด มิฉะนั้นจะดำเนินการตามกฎหมาย ซึ่งพระมหาพีระพัฒน์ กับพระมหาปราโมทย์ ก็ยืนยันว่า จะต่อสู้ตามกฎหมายเช่นกัน