
คมเลนส์ส่องพระประจำวันอาทิตย์18กค.
*** งานประกวดพระวันนี้ ณ ชั้น ๘ ห้างพันธุ์ทิพย์ งามวงศ์วาน จัดโดย กรมสารบรรณทหาร อันมี พล.ท.วุฒินันท์ ลีลายุทธ เจ้ากรมสารบรรณทหาร พล.ต.ปริญญา แต่แดงเพชร รองเจ้ากรมสารบรรณทหาร พล.ต.ภัทรวรรธ คงพันธุ์ รองเจ้ากรมสารบรรณทหาร ฯลฯ
น.อ.ปรีชาญ จามเจริญ ร.น. เป็นผู้ประสานงาน นับเป็นงานใหญ่อีกงานหนึ่ง ที่มีผู้ส่งพระเข้าประกวดต่างมุ่งมั่นที่จะอยากได้รับรางวัลกันมากมาย โดยเฉพาะอย่างยิ่ง รางวัลพระชนะเลิศ คือ หนังสือ รวมภาพชนะเลิศแต่ละรายการ (๑-๔) งานประกวดพระ ๑๐๐ ปี กรมเสมียนตรา ที่ไบเทค บางนา (เมื่อ ๒ ส.ค.๒๕๕๒) ซึ่งเป็นหนังสือรวมภาพพระแท้พระสวยครบถ้วนทุกประเภทจากงานประกวดพระครั้งนั้น ที่ผู้สนใจพระเครื่องควรจะมีไว้เพื่อเป็นปฐมบทในการศึกษาพระเครื่องต่างๆ ด้วยการดูภาพ พระแท้ รู้ชื่อพระ เป็นเบื้องต้น ก่อนจะก้าวไปสู่การเรียนรู้ดูพระองค์จริงต่อไป
...นอกจากนี้ยังมี รางวัลชนะเลิศแต่ละโต๊ะ คือ โทรทัศน์สี ๒๑ นิ้ว ๑ เครื่อง รางวัลระดับนี้ (ชนะเลิศในแต่ละโต๊ะ) ไม่ค่อยมีงานไหนจัดให้ นอกจากงานที่ เสธ.ปรีชาญ เป็นผู้ประสานงานเท่านั้น ทั้งนี้ก็เพื่อให้ผู้ร่วมงาน ส่งพระเข้าประกวด ได้รับความสุขความพอใจโดยทั่วหน้า นอกจากนี้ยังมีรางวัลจับสลากสำหรับ แผงพระจรยุทธ ที่ไปเปิดแผงขายพระอีกด้วย ขณะเดียวกันยังได้นิมนต์ หลวงพ่อแป๊ะ วัดสวางอารมณ์ จ.นครปฐม หลวงพ่อแดง จ.ราชบุรี ฯลฯ แจกวัตถุมงคล และประพรมน้ำพระพุทธมนต์ อีกด้วย สำหรับท่านที่สนใจในวัตถุมงคล เหรียญหลวงพ่อทวด วัดช้างให้ พิมพ์เลื่อนสมณศักดิ์ (ย้อนยุค) ด้านหลัง พระอาจารย์ทอง วัดสำเภาเชย รุ่น "ทอง ๙๓" สามารถชม เหรียญตัวอย่าง แต่ละเนื้อ และ สั่งจอง ได้ทันที ... งานนี้มีพระที่จัดประกวดมากถึง ๒,๒๖๐ รายการ มีผู้สนใจเข้าร่วมงานกันมาก อาจจะมีปัญหาเรื่อง ที่จอดรถ หากจะไปด้วยรถแท็กซี่ หรือรถประจำทาง ย่อมสะดวกกว่า เพราะทุกงานที่ผ่านมา หลายท่านอารมณ์เสียก็ด้วยเรื่อง ที่จอดรถ นี่แหละ
** คมเลนส์ส่องพระ วันนี้มีภาพ พระสมเด็จ มาให้ชมกันอีกแล้ว ๒ องค์ องค์แรก พระสมเด็จ วัดระฆัง พิมพ์ใหญ่ ของ บงกชธร บำรุงพืช ผู้ชำนาญการด้านพระพุทธรูปท่านหนึ่งของวงการพระเครื่องพระบูชาเมืองไทยในทุกวันนี้ ซึ่งคอลัมน์ เส้นทางนักพระเครื่อง ได้เคยนำเรื่องราวของท่านเสนอไปแล้ว หากค้นหาคำว่า "เส้นทางนักพระเครื่อง บงกชธร บำรุงพืช" ใน http://www.google.co.th/ ก็จะพบเห็นทันที ลองเปิดดูแล้วทราบได้ทันทีว่า ท่านผู้นี้ไม่ธรรมดาเลยทีเดียว เพราะพระพุทธรูปแต่ละองค์ที่สะสมไว้ล้วนเป็นสุดยอดของพระพุทธรูปในเมืองไทย ที่เรียกได้ว่า หนึ่งเดียว เท่านั้นก็ว่าได้ นอกจากพระพุทธรูปชั้นสุดยอดแล้วที่มีอยู่อย่างมากมายแล้ว ท่านผู้นี้ยังเป็นสะสมพระชุดเบญจภาคี พระหลักยอดนิยม อื่นๆ อีกด้วย โดยเฉพาะองค์แชมป์ๆ อยู่ที่รังนี้ สำหรับ พระสมเด็จ วัดระฆัง พิมพ์ใหญ่ ถือว่าเป็นพระแท้สวยสมบูรณ์คมชัดเป็นพิเศษ ถือเป็นพระองค์ครูทั้งด้านพิมพ์ทรงและเนื้อหามวลสาร ที่ถูกต้องตามตำราทุกประการ
** องค์ที่ ๒ พระสมเด็จ พิมพ์เส้นด้าย กรุบางขุนพรหม (วัดใหม่อมตรส) ของ อุปกิต ปาจรียางกูร นักธุรกิจด้านเงินๆ ทองๆ ที่สังคมคนไฮโซจะรู้จักกันดี การสะสมพระหลักยอดนิยมหลักแสนหลักล้านจึงเป็นเรื่องธรรมดาสามัญมาก เพราะนอกจากจะเป็นหลักทรัพย์ที่มั่นคงอย่างหนึ่งแล้ว พระแต่ละองค์ที่เก็บไว้ยังมี พุทธคุณ ที่สามารถปกป้องคุ้มครองภัยได้ทุกด้าน รวมทั้งยังมีอานุภาพด้านเมตตามหานิยมและโชคลาภอีกด้วย โดยเฉพาะ พระสมเด็จ ทั้งของวัดระฆัง และบางขุนพรหม ในทุกวันนี้ พระแท้ และ สวย หายากยิ่ง เพราะพระมีจำนวนน้อย แต่มีผู้สนใจเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ ผู้ที่มีสิทธิเป็นเจ้าของจึงต้องมีทั้ง ปัจจัยเงินทอง (เป็นเงินล้านขึ้นไป) บุญบารมี (ทำบุญไว้เยอะๆ) และ ใจถึง ซึ่งสำคัญมาก หากมีเงิน มีบุญบารมี แต่ได้ยินว่า พระองค์ละหลายล้าน ก็ใจฝ่อเสียแล้ว ก็หมดโอกาสเป็นเจ้าของพระสมเด็จ (แท้ๆ) ได้เหมือนกัน
** พระสมเด็จ พิมพ์เส้นด้าย เป็นพระกรุบางขุนพรหม เท่านั้น ทางฝั่งวัดระฆัง ธนบุรี ไม่มีพระพิมพ์นี้ ที่เรียกว่า พิมพ์เส้นด้าย ก็เพราะเส้นสายที่ประกอบเป็นองค์พระ รวมทั้งเส้นซุ้มครอบแก้ว และเส้นฐาน จะบางคมกว่าพระสมเด็จพิมพ์อื่นๆ เรียกว่า บางเหมือนเส้นด้าย โดยที่คำว่า ด้าย พ้องเสียงกับคำว่า ได้ วงการนักสะสมพระสมเด็จ เห็นว่าเป็นคำสิริมงคล พระสมเด็จ พิมพ์เส้นด้าย จึงได้รับความนิยมในระดับต้นๆ ของ พระสมเด็จ กรุบางขุนพรหม ด้วยกัน จะรองก็แต่ พิมพ์ใหญ่ เท่านั้น
** สำหรับ พระสมเด็จ พิมพ์เส้นด้าย องค์ในภาพนี้สวยคมชัดมากมีคราบกรุพองาม คราบกรุแบบนี้ทำให้ง่ายต่อการพิจารณา เพราะของปลอมแม้จะทำได้แต่ก็ไม่เหมือน หากได้เห็นองค์จริงบ่อยๆ จะสามารถจดจำได้อย่างแม่นยำ ด้านหลังองค์พระ มีตรายางประทับไว้ด้วย เป็นรูป เจดีย์ วัดใหม่อมตรส ที่ขุดพบพระสมเด็จชุดนี้ เรียกว่า พระกรุใหม่ ที่เปิดกรุอย่างเป็นทางการเมื่อปี ๒๕๐๐ ทางวัดจะประทับตรายางนี้ไว้ด้านหลัง แต่พระบางองค์ที่ไม่ประทับตรายางรูปเจดีย์นี้ก็มี จุดนี้ไม่ถือเป็นข้อยุติในการพิจารณาพระแท้พระปลอมแต่อย่างใด จุดสำคัญคือ พิมพ์ทรง และ เนื้อพระ มากกว่า
** พระขุนแผน เป็นพระเครื่องที่เชื่อกันว่า สมเด็จพระนเรศวรมหาราช และ สมเด็จพระเอกาทศรถ พระอนุชา ทรงสร้างขึ้นหลักจากประสบชัยชนะในสงครามยุทธหัตถีกับ พระมหาอุปราชา แม่ทัพพม่า จึงได้สร้าง พระขุนแผน ขึ้น (สมัยนั้นคงไม่ได้เรียกชื่อนี้ เป็นการเรียกในสมัยหลัง) เพื่อเป็นสืบพระพุทธศาสนา และเป็นอนุสรณ์ในการประกาศชัยชนะ รวมทั้งเป็นการทำบุญอุทิศส่วนกุศลให้ทหารหาญที่เสียชีวิตในสมรภูมิ พระขุนแผน ที่สร้างขึ้นนี้เชื่อกันว่า ครั้งแรกคือที่ได้บรรจุไว้ในกรุพระเจดีย์ วัดใหญ่ชัยมงคล จ.พระนครศรีอยุธยา และอีกแห่งหนึ่งคือที่บรรจุกรุ วัดบ้านกร่าง อ.ศรีประจันต์ จ.สุพรรณบุรี พระกรุนี้มีจำนวนพิมพ์มากกว่า ๖๐ พิมพ์ และมีจำนวนพระมากกว่า กรุวัดใหญ่มงคล ซึ่งมีเพียง ๒ พิมพ์ คือ พิมพ์ใหญ่ และพิมพ์เล็ก หรือ พิมพ์แขนอ่อน คือ องค์ในภาพนี้ อันเป็นพระของ เลิศ สุพรรณ ได้มาในช่วงที่คนไทยกำลังให้ความสนใจ ฟุตบอลโลก อย่างคลั่งไคล้ ทำเอาสนามพระทุกแห่งซบเซาไปตามๆ กัน
** พระขุนแผน พิมพ์ใหญ่ และ พิมพ์แขนอ่อน กรุวัดใหญ่ชัยมงคล ต่างกับของกรุวัดบ้านกร่าง คือ ของวัดใหญ่ชัยมงคล มีน้ำยาเคลือบองค์พระ (เฉพาะด้านหน้า) เรียกว่า พระขุนแผนเคลือบ ซึ่งเป็นครั้งแรกที่มีการสร้างพระด้วยการ เคลือบน้ำยา เชื่อกันว่าเป็นการเคลือบแบบเดียวเครื่องเซรามิก (เครื่องเคลือบ) ของชาวจีนโบราณ แสดงว่าสมัยนั้น มีชาวจีนเข้ามาพึ่งพระบรมโพธิสมภารในกรุงศรีอยุธยากันแล้ว และได้ร่วมอยู่ในกองทัพของ สมเด็นพระนเรศวรมหาราช เมื่อมีการสร้าง พระขุนแผน จึงได้ใช้กรรมวิธีทำเครื่องเคลือบของชาวจีน กับพระขุนแผนกรุนี้ด้วย ด้วยความหายากของ พระขุนแผนเคลือบ ทำให้สนนราคาเช่าหาอยู่ที่หลักล้านขึ้นไป ใครมีไว้ก็ย่อมมีความภาคภูมิใจไปตลอดชีวิต
** จากพระกรุสู่...พระเกจิอาจารย์ (ยุคเก่า) ผู้โด่งดังใน จ.นครปฐม ที่มีผู้ศรัทธาเลื่อมใสอย่างกว้างขวางมานานปี ท่านหนึ่งคือ หลวงพ่อทา วัดพะเนียงแตก โดยเฉพาะด้านแคล้วคลาด มหาอุด คงกระพันชาตรี ไม่มีใครเกินท่านได้ จนได้รับการยกย่องว่า ท่านเป็นเลิศในทางนี้ พระเครื่องของท่านที่ผู้คนสนใจเช่าหากันมาก คือ พระหลวงพ่อทา พิมพ์พระพุทธ หล่อโบราณ เนื้อทองผสม มี ๒ รุ่นด้วยกัน คือ รุ่นแรก พ.ศ.๒๔๕๕ (พิมพ์รูปซุ้มกอ) ออกที่ วัดบางหลวง อ.บางเลน จ.นครปฐม ในงานฝังลูกนิมิต ส่วนเหรียญหล่อรุ่น ๒ (มีหู) ออกที่ วัดพะเนียงแตก ปี ๒๔๖๐ ในภาพที่เห็นนี้เป็น พระหลวงพ่อทา หล่อโบราณ รุ่นแรก ถือว่าเป็นพระสวยคมชัด หล่อชัดทุกซอกมุม เป็นพระของ อู๊ด สุพรรณ สนนราคาเช่าหาอยู่ที่หลักแสนกลางๆ
** นอกจากนี้ที่เป็นเอกลักษณ์อีกอย่างหนึ่งของ หลวงพ่อทา คือ พระปิดตา เนื้อเมฆพัด มีทั้งพิมพ์พระปิดตาองค์เดียว ที่เรียกว่า พระปิดตาเกลอเดี่ยว หากมีพระปิดตา ๒ องค์หลังติดกัน หรือพระปิดตา ๒ หน้า เรียกว่า พระปิดตา ๒ เกลอ และที่มีพระปิดตา ๓ องค์หลังติดกัน เรียกว่า พระปิดตา ๓ เกลอ ในวงการพระหากเอ่ยชื่อ พระปิดตาเกลอเดี่ยว ๒ เกลอ ๓ เกลอ จะรู้กันทันทีว่าเป็น พระปิดตาหลวงพ่อทา วัดพะเนียงแตก เนื้อเมฆพัด เพราะเป็นหนึ่งเดียวในพระประเภทนี้
** หลวงพ่อทา ท่านเป็นชาวโพธาราม จ.ราชบุรี เกิดเมื่อ พ.ศ.๒๓๗๙ ในสมัยรัชกาลที่ ๓ อุปสมบท ณ วัดบ้านฆ้อง ท่านได้ตั้งใจศึกษาทั้งพระธรรมวินัย และฝึกปฏิบัติพระกรรมฐาน จนสามารถเรียนรู้คาถาอาคมต่างๆ มากมาย จากนั้นจึงได้ออกเดินธุดงค์ไปตามที่ต่างๆ เป็นเวลานานปี จนมาถึงบริเวณที่เป็น วัดพะเนียงแตก ในทุกวันนี้ ที่เรียกชื่อวัดนี้ ก็เพราะว่าหลวงพ่อทา ท่านได้เอานิ้วอุดกระบอกไฟพะเนียง ที่ชาวบ้านจุดกัน ปรากฏว่า กระบอกไฟพะเนียงระเบิดแตกออก แต่มือท่านไม่เป็นอะไรเลย ชาวบ้านจึงเรียกวัดนี้ วัดหลวงพ่อพะเนียงแตก และต่อมาเรียกสั้นๆ เป็น วัดพะเนียงแตก ในสมัย ร.๕ ทรงบูรณปฏิสังขรณ์องค์ พระปฐมเจดีย์ และทรงแต่งตั้งพระเถระ ๔ รูป เพื่อทำหน้าที่พิทักษ์และเฉลิมพระเกียรติองค์พระปฐมเจดีย์ ประจำทั้ง ๔ ทิศ พระครูอุตรการบดี ประจำทิศเหนือ ซึ่ง หลวงพ่อทา ได้รับการแต่งตั้งตำแหน่งนี้เป็นรูปแรก และรูปต่อมาคือ หลวงปู่บุญ วัดกลางบางแก้ว ** หลวงพ่อทา มรณภาพเมื่อปี ๒๔๖๓ สิริรวมอายุ ๘๔ปี
** ควันหลง จาก ฟุตบอลโลก ส่งผลให้เกิดโจรผู้ร้ายชุกชุมมากขึ้น ทั้งคดีลักเล็กขโมยน้อย จนถึงการปล้นเงินปล้นทอง ปรากฏขึ้นทุกแห่งหน สุจริตชนคนทั่วไป ต่างเดือดร้อนไปตามๆ กัน ก็ต้องเพิ่มความระมัดระวังกันมากขึ้น โดยเฉพาะ คนในวงการพระ นอกจากระวังทรัพย์สินเงินทองของตัวเองแล้ว ต้องระวังเรื่องการ ซื้อพระ จากคนแปลกหน้า...ที่อาจจะเอาพระที่ขโมยมาขายให้ท่านก็ได้ จะกลายเป็น รับซื้อของโจร ไปก็ได้....พบกันใหม่ในวันเสาร์ และวันอาทิตย์ต่อไป...ขอขอบพระคุณ...นะมัสเต ***