
เมื่อฉันเข้า(อำเภอ)สังคมไปตามหาความสงบ
ถ้าคุณว่าที่นี่เงียบสงบแล้ว ผมว่าสู้ที่อำเภอสังคมไม่ได้เลย ลองไปพักที่นั่นสักคืนสิ แล้วคุณจะรู้ว่าความสงบจริงๆ เป็นอย่างไร เสียงเพื่อนจากวงเหล้าเกริ่นให้ฟัง ยามที่ฉันไปนั่งทอดหุ่ยฟังกีตาร์อะคูสติกบรรเลงแข่งกับสายน้ำโขงที่ไหลเอื่อยอยู่บนแพ ไกยาบาร์ ซึ
อาจเป็นด้วยฉันไม่ชำนาญกับการเดินทางแถบริมแม่น้ำโขง “อำเภอสังคม จ.หนองคาย” จึงไม่เคยผ่านหูกางๆ ของฉันสักครั้งในชีวิต แต่ด้วยระยะทางเพียง 95 กม.จากตัวเมืองหนองคาย จึงไม่ใช่เรื่องยากนักที่คนเดินทางเคี้ยวเอื้องเชื่องช้าอย่างฉัน จะไปนอนบิดขี้เกียจเล่นสักคืน ว่าแล้วฉันก็ฉุดกระชากลากถูเกลอคนหนึ่งให้ไปเป็นเพื่อน
งานนี้ไม่ต้องเอาอะไรไปล่อให้เหนื่อยเพราะข้อเสนอน่าพอใจอยู่ กับการไปนั่งซ้อนท้ายแล้วเกาะเอาไว้อย่าให้หล่น จากนั้น ก็หาเช่ามอเตอร์ไซค์สีแดงแปร๊ดเบิกฤกษ์เบิกชัยให้ไปดี-มาดี แล้วขับขี่ลัดเลาะริมโขงออกไปทางทิศตะวันตกของตัวเมือง
เสียงคนหาปลาริมโขง ตะโกนส่งท้ายมาว่าให้ฉันขับเลียบเลาะริมแม่น้ำโขงไปเรื่อยๆ อย่างไรเสียก็ไม่มีทางหลงเป็นแน่
จนแล้วจนรอดฉันก็หลงอยู่ดี...หากแต่เป็นการหลง “เสน่ห์” ของ ขอบโขง ต่างหาก
เจ้ามอเตอร์ไซค์สีแดงพาฉันแล่นเรื่อยไปตามทิวร่มไม้เงาของต้นก้ามปูที่แผ่กิ่งก้านสาขาไปตามทาง ไม่ว่าฉันกำลังขับรถคู่ไปกับแม่น้ำโขง หรือสายน้ำกำลังไล่แข่งกับฉันอยู่ก็ตาม แต่การได้เห็นแม่น้ำโขงอยู่เคียงคู่ไปตลอดเส้นทางนั้น ฉันรู้สึกอบอุ่นเหมือนมีเพื่อนเดินทางเพิ่มขึ้นอีกคน
ฉันขับผ่านหมู่บ้านแล้วหมู่บ้านเล่า ผ่านแปลงผักนับร้อย บางช่วงของทางก็ได้พบพระเดินธุดงค์เดินตามไหล่ทางน่าเลื่อมใสนัก
เสียงคนซ้อนท้ายข้างหลังค่อนขอดว่า ฉันน่าจะเปลี่ยนชื่อเป็น “ยายแฉะ” นามสกุล “ชอบแวะ” เสียมากกว่า ก็ฉันแวะชมวัดวาอารามต่างๆ จนเสียแทบหมดวัน ไม่ว่าจะเป็น วัดอรัญบรรพต หรือ วัดหลวงปู่เหรียญ ต่อด้วย วัดหินหมากเป้ง ของหลวงปู่เทศก์ เทสรังสี ทั้งสองวัดต่างเป็นศิษย์สายหลวงปู่มั่น ภูริทัตโต ซึ่งฉันดำเนินรอยตามคำสั่งสอนและเจริญภาวนาวิปัสสนากรรมฐานสายนี้อยู่เสมอ
“ยินดีต้อนรับสู่ อ.สังคม” ฉันเกิดอาการหูตั้ง เมื่อเห็นป้ายที่อยู่เบื้องหน้า หลังจากเริ่มเมื่อยก้นกบเต็มที “สังคม” เป็นเมืองเล็กๆ ที่มีความงดงามของแม่น้ำโขงและชีวิตความเป็นอยู่อันเรียบง่ายของชาวบ้าน ฉันปล่อยให้ตัวเองขับมอเตอร์ไซค์ลัดเลี้ยวเข้าหมู่บ้านริมแม่น้ำอย่างไม่คาดหวังว่าจะพบอะไร
แต่การที่เราไม่มีความคาดหวังเอาไว้อยู่ก่อน แต่กลับได้พบกับสิ่งที่ดีเหลือหลาย เลยพาลทำให้คิดไปว่า หัวใจคนเราสามารถพองโตได้มากกว่าปกติอีกหลายเท่า
ความรู้สึกนี้มันเกิดขึ้น เมื่อฉันได้เดินเท้าเปล่าเหยียบทรายเนื้อละเอียดบนขอบแม่น้ำโขง แล้วดูเด็กๆ ที่ยึดชายหาดแห่งนี้เป็นสนามเล่นฟุตบอล หลังจากที่เขาเสร็จงานช่วยพ่อแม่รดน้ำต้นยาสูบและพืชสวนครัวบริเวณนั้น ฉันนั่งทอดตัวลงบนหาดทราย แล้วละเลียดบรรยากาศยามเย็นอย่างไม่เร่งรีบ ช่างงดงามเสียนี่กระไร สายน้ำ ภูเขา ผู้คน หรือแม้กระทั่งยอดหญ้าที่แหงนชี้ฟ้าไปรอต้อนรับดวงดาวที่กำลังขึ้น...
นี่ฉันบ้าไปแล้วหรือ ถึงได้เห็นอะไรก็งดงามไปหมด หรือคือสิ่งที่หายากในเมืองหลวง พอได้เจอ ก็เลยกลายเป็นทวีคูณกว่าคนอื่นไป
ฉันเลือกพักอยู่เกสต์เฮ้าส์ที่ตั้งอยู่ริมแม่น้ำ อันล้อมรอบไปด้วยแปลงพืชผักเศรษฐกิจ ซึ่งคนแถบนี้ปลูกกันแทบทุกครัวเรือน ฉันทิ้งตัวนอนลงบนเปลยวนแล้วเอนกายอ่านหนังสือ อย่างสบายใจ
...อ่านสักพัก ฉันก็หยุดวางหนังสือลงบนตักแล้วหันไปชมวิวของแม่น้ำแห่งสายสัมพันธ์ไทยลาวที่อยู่เบื้องหน้า วิถีชีวิตอันเรียบง่าย และความเงียบสงบของที่นี่ ดึงอุณหภูมิหัวใจที่ขึ้นๆ ลงๆ ไม่คงที่ของฉันให้ดำดิ่งลงสู่จุดนิ่งกับตัวเองอย่างไม่ยากเย็นนัก
ค่ำนี้...ทุกสิ่งทุกอย่างรอบข้างช่างมืดสนิท..จนฉันรู้สึกอึดอัดกับบรรยากาศแบบนี้ที่ไม่ค่อยพานพบในเมืองหลวงนัก แต่เมื่อหนีไปไหนไม่พ้น ฉันจึงต้องทำความรู้จักกับมัน และเริ่มชอบมากขึ้นเพราะความมืดทำให้ฉันสงบนิ่งอย่างหมดจด เมื่อคุ้นเคยกับความมืดแล้ว ฉันจึงเริ่มมองเห็นความสว่างในนั้นอย่างชัดเจน..
ท้องฟ้าที่นี่เจิดจรัสไปด้วยดวงดาวนับพัน เหมือนมันย้ายสัมมะโนครัวมาอยู่รวมกันที่ อ.สังคม อยู่เพียงแห่งเดียว ฉันมองไม่เห็นแม่น้ำโขงแล้ว หากแต่ความเงียบเชียบทำให้ฉันยังได้ยินเสียงสายน้ำไหลขับกล่อมฉันไปตลอดทั้งคืน
เสียงเรือจ้างข้ามฟากไทย-ลาว ปลุกให้ฉันตื่นมาดูน้ำค้างยอดหญ้า และสูดอากาศบริสุทธิ์ให้เต็มปอด อีกครั้ง ก่อนฉันจะกล่าวสวัสดียามเช้าและบอกลา อ.สังคม พร้อมพกความสงบกลับบ้านไปด้วย...ไม่รู้ว่าเมื่อไปเจอความวุ่นวายในเมืองหลวงมากๆ เข้า มันอาจจะหนีกลับบ้านโดยไม่บอกกล่าวฉันก็ได้
...แต่ก็ไม่เป็นไร ฉันชอบกลับมาตามหาอยู่แล้ว โดยเฉพาะที่นี่...อ.สังคม...ความสงบ ช่างมีชุกชมเสียเหลือเกิน