ไลฟ์สไตล์

ครูมนตรี ตราโมท

ครูมนตรี ตราโมท

22 มิ.ย. 2553

เมื่อวันที่ 17 มิถุนายนที่ผ่านมาได้มีการจัดงานพิธีไหว้ครูดนตรีไทยประจำปี 2553 ของ พิพิธภัณฑ์บ้านครูมนตรี ตราโมท จังหวัดนนทบุรี ซึ่งงานนี้ถือว่าเป็นการจัดไหว้ครูที่มีความสำคัญกับวงการดนตรีไทย โดยนอกจากจะทำพิธีไหว้ครูดนตรีไทยแล้วก็ยังมีบุคคลสำคัญเข้าร่วมพิ

 นอกจากนั้นยังมีการมอบทุนการศึกษาให้แก่นักเรียนทุนของมูลนิธิฯ และที่สำคัญที่สุดคือมีการทำพิธีรับมอบโองการไหว้ครูดนตรีไทย หรือเรียกอีกแบบหนึ่งว่า การทำพิธีมอบการเป็นประธานประกอบพิธีไหว้ครูดนตรีไทยให้แก่ คุณไชยยะ ทางมีศรี และ คุณศักดิ์ชัย ลัดดาอ่อน ซึ่งทั้งสองท่านเป็นข้าราชการอาวุโสวิชาความรู้ทางด้านดนตรีไทยถือว่าเป็นเอกอุของสำนักการสังคีตกรมศิลปากร โดยผู้เป็นประธานการมอบโองการก็คือ ดร.สิริชัยชาญ ฟักจำรูญ โดยท่านนี้ในอดีตเป็นอธิบดีกรมศิลปากร ปัจจุบันท่านเป็นอาจารย์ถวายการสอนระนาดเอกให้แด่สมเด็จพระเทพพระรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี

 แต่ก็เป็นเรื่องที่น่าแปลกที่ท่าน ดร.สิริชัยชาญ ฟักจำรูญ ยังไม่ได้เป็นศิลปินแห่งชาติ ในวงการดนตรีไทยนั้นผู้ที่จะทำพิธีกล่าวนำโองการไหว้ครูได้จะทำพิธีรับมอบตำราโองการไหว้ครูเสียก่อน ถึงจะมีสิทธิ์เป็นพิธีกรกล่าวนำโองการไหว้ครู ส่วนผู้ที่ได้รับมอบก็จะต้องมีคุณสมบัติอยู่ในตัวก็คือจะต้องเป็นผู้ที่เชี่ยวชาญ รวมถึงมีความรู้ในด้านดนตรีไทยและจะต้องศึกษาเพลงหน้าพาทย์ชั้นสูงชนิดที่เรียกว่าครบถ้วนกระบวนความ และที่สำคัญที่สุดจะต้องผ่านการบวชเป็นพระภิกษุมาแล้วซึ่งคุณสมบัติที่กำหนดนี้เป็นธรรมเนียมประเพณีปฏิบัติที่มีสืบเนื่องกันมานับร้อยปีของวงการดนตรีไทย จึงเท่ากับว่าคุณไชยยะ ทางมีศรีกับคุณศักดิ์ชัย ลัดดาอ่อน ก็จะสามารถทำพิธีเป็นประธานกล่าวนำโองการไหว้ครูดนตรีไทยได้โดยสมบูรณ์แบบและด้วยเหตุนี้นั่นเองจึงทำให้พิธีไหว้ครูดนตรีไทย ณ พิพิธภัณฑ์บ้านครูมนตรีในครั้งนี้จึงมีความสำคัญต่อวงการดนตรีไทยในที่ผมได้กล่าวเอาไว้ในข้างต้นนั่นล่ะครับ

 พอเขียนถึงพีไหว้ครูบ้านครูมนตรี ตราโมทแล้วจะไม่เขียนถึงตัวท่านเลยมันก็จะดูกระไรอยู่เหมือนกัน เพราะจะว่ากันจริงแล้วครูมนตรี ตราโมทหรืออาจารย์มนตรี ตราโมทท่านเป็นศิลปินที่มีความสำคัญต่อวงการดนตรีไทยอย่างแท้จริง รวมถึงท่านเป็นบุคคลที่วงการดนตรีไทยให้ความเคารพนับถือกันทุกๆ คนและทุกๆ สำนัก ที่สำคัญท่านคือศิลปินแห่งชาติคนแรกของวงการดนตรีไทย ดังนั้นผมจึงคิดว่าควรที่จะเขียนประวัติชีวิตโดยสังเขปของท่านให้ท่านผู้อ่านได้สัมผัสกับชีวิตนักดนตรีไทยในระดับตำนาน ว่าท่านมีความสำคัญมากน้อยแค่ไหน 

 นายบุญธรรม ตราโมทคือชื่อเดิมของครูมนตรี ตราโมทซึ่งท่านเป็นชาวตำบลท่าพี่เลี้ยง เมืองสุพรรณบุรี ครูมนตรี เกิดเมื่อวันที่ 17มิถุนายน 2443 ถ้าท่านยังมีชีวิตอยู่ก็จะมีอายุครบ110 ปี ในวันไหว้ครูที่ผ่านมาพอดี ครูมนตรี ตราโมทเป็นบุตรของนายเยิ้มและนางทองอยู่ หลังจากจบการศึกษาชั้นมัธยมศึกษา 3 จากโรงเรียนประจำจังหวัดสุพรรณบุรี ซึ่งในตอนนั้นถือว่าเป็นหลักสูตรสูงสุดของจังหวัดสุพรรณบุรี ท่านจึงคิดไปเรียนต่อที่กรุงเทพฯ แต่บังเอิญว่าท่านมีโรคภัยไข้เจ็บรบกวนอยู่ตลอดจึงได้ตัดสินใจไม่ไปเรียนต่อ และด้วยเหตุที่บ้านของท่านอยู่ติดกับวงปี่พาทย์ใกล้กับวัดสุวรรณภูมิท่านจึงมีความคุ้นเคยกับวงปี่พาทย์มาตั้งแต่เด็ก จึงได้ตัดสินใจไปเรียนปี่พาทย์อย่างจริงจังกับ ครูสมบุญ นักฆ้อง ซึ่งท่านนี้เป็นครูสอนปี่พาทย์ประจำอยู่ที่วงวัดสุวรรณภูมิ และในบางครั้งครูมนตรี ตราโมทก็จะตามไปเรียนถึงบ้านครูสมบุญ ซึ่งอยู่ไกลกันเป็นเวลาหลายเดือน 

 หลังจากที่ท่านได้ฝึกหัดปี่พาทย์ที่จังหวัดสุพรรณบุรี เป็นเวลา 2 ปี จึงได้ไปอยู่ที่จังหวัดสมุทรสงคราม ซึ่งสมัยนั้นจะนิยมเรียกว่าบางช้าง โดยในยุคนั้น นอกจากกรุงเทพฯ และพระนครศรีอยุธยาแล้ว ก็มีจังหวัดสมุทรสงครามนี่แหละ ที่จะถือว่ามีครูสอนปี่พาทย์ที่เก่งและมากด้วยวิชาความรู้อยู่หลายท่าน และก็จะมีชื่อเสียงมากกว่าจังหวัดอื่นๆ ดังนั้นครูมนตรี ตราโมท จึงฝากตัวเป็นศิษย์ของ ครูสมบูญ สมสุวรรณ  ตำบลบางกระพ้อม สมุทรสงคราม  โดยที่บ้านของครูสมบูญ สมสุวรรณ จะมีทั้งปี่พาทย์และแตรวง ครูมนตรี จึงได้เรียนวิชาระนาดเอก ฆ้องวงใหญ่และปี่คลาริเนต ซึ่งกล่าวโดยสรุปครูสมบูญ สมสุวรรณ เป็นครูที่มีความเอาใจใส่ต่อลูกศิษย์เป็นอย่างมาก ประกอบกับครูมนตรี ก็เป็นผู้ที่มีความขยันหมั่นเพียร จึงทำให้ท่านได้รับความรู้จากครูสมบูญ เป็นอย่างมาก หรือแม้กระทั่งวิธีการแต่งเพลงไทย ครูสมบูญ ก็เป็นผู้แนะนำหลักเกณฑ์การแต่งเพลงไทยให้แก่ครูมนตรี จนกระทั่งท่านได้กลายเป็นบรมครูที่แต่งเพลงไทยให้พวกเราชาวดนตรีไทย ได้ใช้ได้บรรเลงกันถึงทุกวันนี้

 เอาล่ะครับ ประวัติของท่านยังไม่จบเพียงแค่นี้ แต่ว่าเนื้อที่หมดแล้ว เอาไว้ฉบับหน้าค่อยมาอ่านกันใหม่ก็แล้วกันนะครับ...สวัสดีครับ

"ขุนอิน"