
"เริ่มที่หัวใจ"...คอนเสิร์ตปีละหน"คนพูดเพลง"พงษ์เทพ กระโดนชำนาญ
สองสัปดาห์ที่ผ่านมา ยุ่งอยู่กับเรื่องตัดต้นไม้ขยายถนนขึ้นเขาใหญ่ จนนึกว่าจะไม่ได้ไปเล่นคอนเสิร์ตเสียแล้ว
พงษ์เทพ กระโดนชำนาญ เปิดฉากสนทนาด้วยเสียงกลั้วหัวเราะตามสไตล์เฉพาะตัว คอนเสิร์ตที่พูดถึงคือ คอนเสิร์ตปีละหนของคนพูดเพลง จะมีขึ้นในวันเสาร์ที่ 26 มิถุนายน เวลา 18.00 น. นับเป็นครั้งแรกที่ได้เปิดการแสดงบนเวทีหอประชุมใหญ่ ศูนย์วัฒนธรรมแห่งประเทศไทย
“ที่ผ่านมา ต้องไปร่วมประชุม ร่างแถลงการณ์ เสนอข้อเรียกร้อง ให้ข่าว ให้สัมภาษณ์เป็นหลัก เคเบิลทีวี โทรทัศน์ หนังสือพิมพ์ทุกฉบับ เหมือนเป็นตัวเปิดเรื่องให้ ไปช่วยเขาปลูกต้นไม้ ถึงตอนนี้ เราก็หมดภารกิจ เหลือแต่หน้าที่ร้องเพลงต่อไป” ผู้คร่ำหวอดกับเรื่องราวของเขาใหญ่มาตั้งแต่ครั้งจัดคอนเสิร์ตกระทิงอันลือลั่น และต่อต้านการตัดถนนรอบเขาใหญ่มานานนับสิบปีเล่าสถานการณ์ล่าสุด
“ผมว่าสิ่งที่เหลืออยู่ไม่ใช่แค่ต้นไม้ ที่เหลืออยู่คือบทเรียนและแบบอย่างไม่ให้ไปทำอย่างนี้ที่อื่นต่อ มีอีกเยอะ 30 กว่าเส้นทางตามที่ได้ข่าวมา เช่น แถวเกาะเสม็ด อันดามัน สมุย พังงา เลย เชียงใหม่ เชียงราย เป็นเรื่องของวิสัยทัศน์ ของเหตุของผล เพราะเรื่องสิ่งแวดล้อมเป็นเรื่องสากล อย่างอากาศที่เราหายใจ ไม่ได้มีอากาศไทย อากาศอังกฤษ แต่เป็นอากาศของธรรมชาติ”
เจ้าของบทเพลง "เขาใหญ่" อันเป็นตำนานบทหนึ่งของกระแสการอนุรักษ์ผืนป่าดงพญาเย็น บอกต่อไปว่า ในการแสดงคอนเสิร์ตที่จะถึง จึงเตรียมเปิดฉากด้วยกลุ่มเพลงว่าด้วยสิ่งแวดล้อม เช่น รักเรา รักษ์โลก ลำตะคอง ลิงทะโมน นกเงือก เรารักเขาใหญ่ ส่งท้ายด้วยเพลง พลังใจ ให้กำลังใจแก่คนทำงานเพื่อสิ่งแวดล้อมทุกคน
"ผมอยู่ใกล้กับเขาใหญ่มาเกือบตลอดชีวิต เพลงส่วนมากก็เขียนแถวนี้ ถึงจะไปที่โน่นที่นี่ ได้ไอเดียจากที่อื่นยังต้องรวบรวมกลับมาเขียนที่เขาใหญ่ สิ่งที่ผูกพันกับเรา จึงไม่ใช่เรื่องป่าเรื่องเขาอย่างเดียว แต่เป็นเรื่องการทำงาน เป็นชีวิตของเราด้วย นั่งเขียนเพลงที่นี่ ซ้อมเพลงที่นี่ บางทีผมนอนหัวค่ำ ตื่นมาตีสองตีสามเอากีตาร์เสียบตู้ ไม่ต้องเปิดไฟ ซ้อมไปฝึกไป บรรยากาศเงียบสงบ มีสมาธิ เล่นเพลงนกเขาไฟ เพลงหยดน้ำ ไม่ต้องดูคอร์ด ไม่ต้องเปิดไฟ เขาใหญ่ให้ทุกอย่างนะ จึงเหมาะสมที่เราจะมีส่วนปกป้องไว้" ศิลปินเพลง ผู้พำนัก ณ เชิงเขาใหญ่ เล่าความรู้สึก
แล้วจะพูดเรื่องการเมืองไหม? เราโพล่งถาม
"จริงๆ เรื่องสังคม การเมือง คงหนีไม่พ้น แต่อยากคุยแบบผ่อนคลายนะ ให้เกิดความเข้าใจ เข้าใจแล้วจะได้คลาย ไม่เหนื่อยกันเกินไป อยากบอกกับเพื่อนฝูงแฟนเพลงว่า ให้มองเป็นการเปลี่ยนแปลงของสังคม ที่เกิดขึ้นเป็นกงล้อประวัติศาสตร์ที่ต้องหมุนไป ไม่ใช่อยู่ๆ บัดนี้ประเทศไทยจะสงบไปแล้วตลอดชาติ เพียงแต่ว่า ประเทศไทย กงล้อประวัติศาสตร์มันเล็ก จะวนมาบ่อย เหยียบตีนกันบ่อย กว่าจะเปลี่ยนแปลง เป็นกฎเกณฑ์ทางสังคมที่เมืองไทยต้องเดิน ต้องเจอไป ต้องมีเจ็บ มีทุกข์ มีสุขเป็นธรรมดา"
พงษ์เทพ เตรียมกลุ่มบทเพลงว่าด้วยคนเล็กคนน้อย คนรากหญ้าของสังคม ไม่ว่าจะเป็นเพลง อึดอัด ทางใครทางมัน คนเดินดิน คนกับหมา ยายพร ลุงใส แก้มตุ่ย ครูไม่ใหญ่ ต้นขับขี่ รวมถึงสามช่าอารมณ์เสียดสี เช่น 105 แหนบหัก สุเนไพ ผู้แทนใคร หยุดพักสายตา ตายหยังเขียด มาบรรเลงประกอบการพูดคุยเรื่องสังคมการเมือง ให้สนุกชนิดลุกขึ้นมาเต้นด้วยได้ โดยมีบทเพลงอยากพูดถึงอยู่เพลงหนึ่ง คือ จันทราคาลิปโซ่
"ชีวิตผมที่เป็นนักดนตรีมาจนทุกวันนี้ เริ่มจากวงจันทราคาลิปโซ่นี่แหละ ตั้งแต่ยุค 1950-1960 จะมีวงดนตรีพวกนี้ ป่าสักคอมโบ้ จันทราคาลิปโซ่ แสดงตามงานวัด แต่เล่นเพลงฝรั่งด้วยนะ อย่างเพลงของซานตานา แบล็ค ซับบาธ เขาจะเรียกรวมๆ ว่า เพลงโซล ของไทยเรียกสามช่า เวลาเล่นเขาก็จะประกาศ "รอบนี้สามช่า รอบหน้าโซล" แตน แต้น แตน แต้น แต่น...โหย...เต้นกันมันเลย ทั้งที่ฟังไม่ออกหรอก" พงษ์เทพเผยเบื้องหลังความประทับใจ
"สมัยนั้น เพลงฝรั่งส่วนใหญ่ในบาร์ มีแต่ชนชั้นสูงทั้งนั้น ไม่ก็ในแคมป์ฝรั่ง บ้านนอกอย่างเราเข้าไม่ได้ แล้วไม่กล้าเข้าด้วย เพราะฉะนั้น มาโซโลกันตามงานวัดเลย ผมเห็นแล้วผมชอบ ไปยืนเกาะขอบเวที ตอนหลังเขาเห็นก็เรียก เฮ้ย...ไปช่วยๆ เขาเก็บของเก็บเครื่อง แล้วก็ตามเขาไปดูนักดนตรี สมัยก่อนใส่กางเกงขาบานเป้าต่ำ มีเอฟเฟกท์ตัวเดียวนะ วางไกลๆ เวลาจะเหยียบ มือกีตาร์เขาต้องสลัดขากางเกง โอ้โฮ คนกรี๊ด เราอยากเป็นนักดนตรีเลย ฝันเลยนะ”
เจ้าของสถิติการแสดงสดมาราธอนทั้งเล่นทั้งร้องทั้งพูดคนเดียววงเดียวห้าหกชั่วโมง โดยมีแฟนเพลงเหนียวแน่นติดตามผลงานมายาวนาน ให้ความเห็นต่อยุคสมัยปัจจุบันต่อไปว่า
"สมัยนี้ เราห่างไกลไปจากอารมณ์ของความเป็นมนุษย์ เพราะเราอยู่กับโลกไซเบอร์มากไป แทนที่จะหาเวลาคุยกัน กลายเป็นว่าเดี๋ยวส่งเมลไปให้ เปิดดูแล้วกัน แล้วเวลาที่เหลือไปไหน ก็ไปใช้กับอะไรที่ไม่ได้เป็นสาระเท่าไหร่เลย นี่คือปัญหา เหมือนใกล้ชิดกัน แต่จริงๆ ยิ่งห่างกัน ถึงจะมี 3G แต่เวลาคุณร้องไห้ ไม่มีใครได้เห็นแววตาที่แท้จริงหรอก เสียงคุณเวลาสะอึกสะอื้นอย่างไร ไม่มีทางครบถ้วน เหมือนเราฟังออเคสตราด้วย MP3 เขาเล่นกันสามสิบสี่สิบชิ้น จะได้ยินดนตรีดีๆ ได้อย่างไร ออกมาเหมือนจักจั่น ...อี้อออี้ออ... ได้รู้แค่ว่าเขาเล่นเพลงอะไร แต่อรรถรสมันไม่ได้ แม้กระทั่งเวลาเราโทรศัพท์ เรายังได้ยินแต่เสียงหุ่นยนต์ เสียงเครื่องตอบรับ เสียงความเป็นคนมันหายไป”
คอนเสิร์ตปีละหนของคนพูดเพลงครั้งนี้ จึงเป็นการกลับมาของความรู้สึกดีๆ เป็นการไถ่ถามห่วงใยถึงจิตวิญญาณ ด้วยบทเพลงแห่งความทรงจำที่นำมาแสดงเป็นชุดใหญ่ๆ ให้ได้ซาบซึ้งใจกัน ทั้ง ยิ้มเหงาๆ เส้นขอบฟ้า คนที่เรารัก ลมรำเพย คิดถึงบ้าน หรือ วันเวลา “อยากให้มาเจอกัน มาเห็นแววตากัน มาคุยกันผ่านบทเพลงและเสียงดนตรี มีทุกข์มาระบาย มีสุขมาแบ่งปัน มาฟังเสียงของความเป็นคนด้วยกัน” พงษ์เทพ กล่าวทิ้งท้ายเชิญชวน
เสาร์ที่ 26 มิถุนายนนี้ เวลาดีหกโมงเย็น พบกับเสียงจากพงษ์เทพ กระโดนชำนาญ “เริ่มที่หัวใจ” ครั้งแรกบนเวทีหอประชุมใหญ่ ศูนย์วัฒนธรรมแห่งประเทศไทย กับ 60 เพลงทั้งเก่าและใหม่ บรรเลงให้อิ่มอารมณ์ บัตรราคา 500, 700, 1,000 และ 1,500 บาท พิเศษ บัตร 1,500 บาท รับ VCD บันทึกการแสดงสด Acoustic Live in Bangkok #1 ฟรี ซื้อได้ที่ร้านน้อง ท่าพระจันทร์ โรบินสัน สาขาบางรัก-รัชดาฯ-สุขุมวิท-รังสิต-รามอินทรา ร้านเมนูเพลง แฮปปี้แลนด์บางกะปิ หรือ กลุ่มดินสอสี โทร.0-2623-2838-9