ไลฟ์สไตล์

เยี่ยมชม"บางกอกฟลาวเวอร์ เซ็นเตอร์"ดูการผลิตกล้วยไม้ส่งออกครบวงจร

เยี่ยมชม"บางกอกฟลาวเวอร์ เซ็นเตอร์"ดูการผลิตกล้วยไม้ส่งออกครบวงจร

20 มิ.ย. 2553

จากประสบการณ์อันยาวนานกว่า 40 ปี ที่บริษัท บางกอกฟลาวเวอร์ เซ็นเตอร์ จำกัด ดำเนินกิจการด้านการส่งออกกล้วยไม้ไปต่างประเทศตั้งแต่ปี 1969 (พ.ศ.2512) จนถึงวันนี้ ทำให้บริษัทบางกอกฟลาวเวอร์ เติบโตมากลายเป็นบริษัทยักษ์ใหญ่ด้านผลิตกล้วยไม้ส่งออกครบวงจรของประเทศ

ซึ่งจากเริ่มต้นที่ส่งออกกล้วยไม้เพียงในเอเชียจนขยับขยายสู่การส่งออกเกือบทั่วโลกทั้งในสหรัฐอเมริกา  อเมริกาใต้ กลุ่มประเทศสหภาพยุโรป (อียู) ญี่ปุน คาบสมุทรเกาหลี รวมถึงกลุ่มประเทศในตะวันออกกลาง มีทั้งส่งกล้วยไม้ตัดดอก และกล้วยไม้ในขวด ที่ได้รับการรับรองมาตรฐานการปฏิบัติทางการเกษตรที่ดีสำหรับกล้วยไม้ตัดดอก (มกษ.5501-2552) มาตรฐานช่อดอกกล้วยไม้ (มกษ.5001-2552 และมาตรฐานการปฏิบัติที่ดีสำหรับโรงคัดบรรจุดอกกล้วยไม้ (มกษ.5001-2552) จากกระทรวงเกษตรและสหกรณ์

 เพื่อเป็นการเปิดให้สาธารณชนได้แลเห็นการดำเนินกิจการภายในบริษัทบางกอกฟลาวเวอร์ บริษัทจึงเปิดกว้างให้องค์กรภายนอกเข้าเยี่ยมชมกิจกรรมทุกขั้นตอน ล่าสุด สำนักงานมาตรฐานสินค้าเกษตรและอาหารแห่งชาติ (มกอช.) นำคณะสื่อมวลชนแขนงต่างๆ ไปเยี่ยมชมกระบวนการผลิตกล้วยไม้ครบวงจรของบริษัทแห่งนี้ โดยมี วัชระ ทรัพย์สมบูรณ์ ผู้จัดการฝ่ายการตลาดของบริษัท บางกอกฟลาวเวอร์ เซ็นเตอร์ ต้อนรับ พร้อมกับบรรยายสรุปแผนการดำเนินงาน และพาไปชมในส่วนต่างๆ ที่เป็นกระบวนการผลิตกล้วยไม้ตัดดอกส่งและกล้วยไม้บรรจุขวดส่งออก

 บริษัท บางกอกฟลาวเวอร์ เซ็นเตอร์ จำกัด ตั้งอยู่เลขที่ 34/19 หมู่ 7 ถนนเพชรเกษม แขวงหนองค้างพลู เขตหนองแขม กทม. มีเนื้อทั้งหมด 22 ไร่กับ 200 ตารางวา ภายในพื้นที่แบ่งเป็นอาคารสำนักงาน ห้องแล็บใช้สำหรับเพาะเนื้อเยื่อ ห้องคัดดอกกล้วยไม้ ห้องบรรจุภัณฑ์ แปลงสาธิตเปิดราว 2 ไร่ และแปลงระบบปิดหรืออีแว็ป สำหรับกล้วยไม้ในขวดอีก 5 ไร่ มีกล้วยไม้สกุลต่างๆ เช่น สกุลหวาย คัทลียา ฟาแลนนอปซิส แวนด้า ออนซิเดียม ฯลฯ รวมถึงไม้ดอกอย่างอื่นด้วย อาทิ หน้าวัว เป็นต้น

 วัชระ บอกว่า ตลอดระยะเวลาย่างเข้า 41 ปีที่บริษัท บางกอกฟลาวเวอร์ ดำเนินกิจการส่งออกกล้วยไม้ไปต่างประเทศภายใต้เครื่องหมายการค้า "บีเอฟซี" นั้น บริษัทไม่มีแปลงปลูกเป็นของตัวเอง มีแต่แปลงสาธิต หรือแปลงทดลอง และโรงเรือนเท่านั้น แต่บริษัทจะใช้รูปแบบของการส่งเสริมเกษตรกรในเครือข่ายเป็นผู้ปลูก โดยบริษัทจะผลิตกล้าพันธุ์ให้ และเป็นผู้รับซื้อ ซึ่งปัจจุบันมีเกษตรกรในเครือข่ายกว่า 300 ราย กระจายตาม จ.ราชบุรี นครปฐม สุพรรณบุรี และเขตหนองแขมในกรุงเทพฯ ซึ่งเกษตรกรต้องปฏิบัติตามเงื่อนไขของบริษัทให้ได้มาตรฐานสากล ตามที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์กำหนดมา เพื่อเลี่ยงปัญหาในการถูกกีดกันทางการค้าจากประเทศคู่ค้า โดยเฉพาะประเทศคู่ค้าในตลาดอียู ที่ค่อนข้างจะเข้มงวดทั้งเรื่องสารเคมี แมลงศัตรูพืช และเงื่อนไขด้านสิ่งแวดล้อม

 "บริษัทเราถือเป็นบริษัทส่งออกกล้วยไม้เก่าแก่อีกบริษัทหนึ่ง เดิมทีเราเน้นตลาดเอเชีย อย่างเพื่อนบ้านสิงคโปร์ เกาหลี ญี่ปุ่น จากนั้นขยายไปสหรัฐอเมริกา อเมริกาใต้ ยุโรป ตอนนี้พูดได้ว่าส่งไปเกือบทั่วโลกแล้ว รวมถึงตลาดในตะวันออกกลางด้วย ซึ่งแต่ละปีจะส่งกล้วยไม้ตัดดอกตกปีละ 100 ล้านบาท กล้วยไม้ในขวดหรือบรรจุขวดอีก 200 ล้านบาท" วัชระ กล่าว

 ในบรรดากล้วยไม้ตัดส่งออกนั้น ผู้จัดการฝ่ายการตลาดของบริษัท บางกอกฟลาวเวอร์ บอกว่า กล้วยไม้สกุลหวายส่งออกมากที่สุด เนื่องจากกล้วยไม้สกุลนี้ออกดอกตลอด ขณะที่กล้วยไม้บางสกุลจะออกปีละ 1-2 ครั้งเท่านั้น และราคาสูง โดยเฉพาะสกุลแวนด้า ราคาจะสูงมาก แต่เขายอมรับว่าปัจจุบันปริมาณการส่งออกน้อยลง เนื่องจากบางประเทศหยุดชะงัก อย่างประเทศโรมาเนีย บางประเทศมีเงื่อนไขเพิ่มขึ้นอย่างอียู มีการกำหนดว่ากล้วยไม้ที่ส่งไปนั้นต้องมีดอกบานอย่างน้อย 4 ดอก และมีการตรวจสอบด้านการเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมหรือไม่ ขณะเดียวกันบางประเทศเมื่อถึงช่วงเทศกาล มีความต้องการเร่งด่วน 4-5 หมื่นดอก จึงไม่สามารถจัดส่งให้ได้ กระนั้นแม้ว่าการส่งออกในแต่ละปีมีปริมาณหรือจำนวนที่ส่งน้อยลง แต่มูลค่าเพิ่มขึ้น เนื่องสินค้ามีคุณภาพได้มาตรฐานราคาจึงเพิ่มด้วย จึงไม่ค่อยมีผลกระทบด้านรายได้แต่ประการใด

 หลังจากที่ฟังบรรยายสรุปแล้ว วัชระพาไปชมกระบวนการผลิต จุดแรกเป็นโรงเรือนคัด และตัดแต่งดอก ซึ่งพนักงานทุกคนต้องพิถีพิถันกับการตรวจสอบดอกไม้ในแต่ละช่อ โดยเฉพาะเรื่องกลีบบานที่จะส่งไปอียู ในแต่ละช่อต้องมีดอกบานอย่างน้อย 4 ดอก ออกจากโรงเรือนคัดดอกสู่ห้องเย็นที่บรรจุกล่อง เป็นกล่องกระดาษ 1 กล่องใหญ่จะมี 5 กล่องเล็ก สามารถบรรจุดอกได้กล่องละ 60 ช่อ

 ออกจากโรงบรรจุภัณฑ์เข้าโรงเรือนเพาะกล้วยไม้ในขวด ซึ่งวางเรียงรายในพื้นที่ราว 5 ไร่ ซึ่งวัชระบอกว่า กล้วยไม้บรรจุขวดภายใน 1 ขวด จะมีต้นกล้าของกล้วยไม้ 40 ต้น ซึ่งกล้วยไม้ในขวดที่ว่านี้เป็นที่ต้องการมากในตลาดโลก แต่ละปีบริษัทต้องผลิตเพื่อส่งออกปีละ 5.5 ล้านต้น มีมูลค่า 200 ล้านบาท แต่กว่าจะได้ขายนับตั้งแต่เริ่มต้นเพาะเนื้อเยื่ออย่างสกุลหวายต้องใช้เวลา 6-9 เดือนกว่าจะขายได้ ขณะที่แวนด้า ต้องใช้เวลานานถึง 4 ปี เป็นต้น

 แปลงสุดท้ายของการเยือนบริษัท บางกอกฟลาวเวอร์ เพื่อดูกระบวนการผลิตกล้วยไม้ส่งออกนั้นเป็นแปลงเปิดในเนื้อที่ 2 ไร่ ซึ่งมีกล้วยไม้หลากหลายชนิดทั้งสกุลหวาย ฟาแลนนอปซิส แวนด้า คัทลียา ออนซิเดียม รวมถึงดอกหน้าวัว และไม้ใบ เป็นต้น

 ราว 2 ชั่วโมงกับการดูงานและกิจกรรมต่างๆ ของบริษัท บางกอกฟลาวเวอร์ เซ็นเตอร์ จำกัด ในครั้งนั้น กระทั่งเกือบเที่ยงทุกคนก็อำลา เพื่อมุ่งหน้าไปชมกิจกรรมด้านการเกษตรอินทรีย์อีกหลายแห่งทั้งใน จ.สมุทรสงคราม และสมุทรปราการเป็นรายการต่อไป

ดลมนัส  กาเจ