
ความชั่วไม่ทำเสียเลยดีกว่า
ปัญหาผู้คนไร้ศีลธรรม มีแต่ความเห็นแก่ตัวจัด และมีความเหี้ยมโหดต่างๆ อันเป็นปัญหาร้ายแรงที่เกิดขึ้นในสังคมอย่างดกดื่นอยู่ในทุกวันนี้
ปัญหาการใช้อำนาจไม่เป็นธรรมของบุคคลผู้มีอำนาจที่หลงอำนาจก็ดี ปัญหาเด็กวัยรุ่นใจแตก ปัญหาความเละเทะสำส่อนในกิเลสกาม และปัญหาการตัดสินใจฆ่าตัวตายอย่างง่ายดาย เพราะความผิดหวังในชีวิตก็ดี เหล่านี้เป็นต้นนั้น ล้วนแต่เกิดจากการขาดสติสัมปชัญญะ รู้จักยับยั้งชั่งใจพิจารณาปัญหาและหาทางแก้ปัญหาด้วยความสุขุมรอบคอบ เหล่านี้ ล้วนมีมูลเหตุมาจากการขาดคุณธรรม ข้อปัญญาอันเห็นชอบ ขาดหิริโอตตัปปะ ไม่มีศีลสังวร และไม่มีอินทรีย์สังวร ทั้งสิ้น
เคยมีผู้ถามปัญหากับอาตมาว่า เมื่อสถานการณ์ทางสังคมเป็นอย่างนี้ ทางพระพุทธศาสนามีทางใดจะช่วยอย่างไรได้บ้าง ?
ข้อนี้ขอเจริญพรว่า กรรมดี หรือกรรมชั่ว เป็นเรื่องเฉพาะตน ใครทำกรรมดี ย่อมได้รับผลดี คือได้รับผลเป็นความเจริญและสันติสุขเอง ส่วนใครทำกรรมชั่ว ก็ย่อมได้รับผลชั่ว คือได้รับผลเป็นความทุกข์เดือดร้อนเอง สมดังที่สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าได้ตรัสเรื่องฤาษีผู้มีศีล ได้กล่าวภาษิตกับท้าวสมพรจอมอสูร (พุทฺธ สํ.ส. ๑๕/๙๐๓/๓๓๓) ผู้ไร้ศีลธรรมว่า
"ยาทิสํ วปเต พีชํ ตาทิสํ ลภเต ผลํ
กลฺยาณการี กลฺยาณํ ปาปการี จ ปาปกํ."
บุคคลหว่านพืชเช่นใด ย่อมได้ผลเช่นนั้น ผู้ทำกรรมดี ย่อมได้รับผลดี ผู้ทำกรรมชั่ว ย่อมได้รับผลชั่ว สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าจึงได้ตรัสว่า
“อกตํ ทุกฺกตํ เสยฺโย ปจฺฉา ตปฺปติ ทุกฺกตํ
กตญฺจ สุกตํ เสยฺโย ยํ กตฺวา นานุตปฺปติ.”
“ความชั่วไม่ทำเสียเลยดีกว่า เพราะความชั่วย่อมเผาผลาญทีหลัง ก็กรรมใดทำแล้ว ไม่เดือดร้อนในภายหลัง กรรมนั้นแหละเป็นความดี ทำแล้วประเสริฐกว่า.”
เพราะฉะนั้น ผู้ปรารถนาความเจริญและสันติสุข ไม่ปรารถนาความทุกข์เดือดร้อนก็จะต้องงดเว้นความประพฤติปฏิบัติที่ไม่ดี ที่ไม่ชอบ ที่เหลวไหล ไร้สาระเสีย พึงประพฤติปฏิบัติดี ปฏิบัติชอบเอง จึงจะได้รับผลเป็นความเจริญและสันติสุขเอง สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า และพระสงฆ์ผู้ศึกษาและปฏิบัติธรรมตามรอยบาทพระพุทธองค์ ก็เป็นแต่เพียงผู้ชี้ทางให้เท่านั้น
สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ผู้ทรงรู้แจ้ง ทรงเห็นแจ้ง ผู้ตรัสรู้โดยชอบด้วยพระองค์เอง ได้ทรงประทานหลักธรรมสำหรับประพฤติปฏิบัติตน เพื่อให้ถึงความเจริญสันติสุข และให้ถึงความพ้นทุกข์ไว้ใน (ขุ. ธ. ๒๕/๒๔/๓๙) ว่าดังนี้
สพฺพปาปสฺส อกรณํ กุสลสฺสูปสมฺปทา
สจิตฺตปริโยทปนํ เอตํ พุทฺธาน สาสนํ.
"พระราชญาณวิสิฐ (หลวงป๋า)"