
ของเก่าเตือนใจ"อ๊าร์ต"ม.ล.อภิชิตวุฒิชัย
กว่า40 ปีที่หนุ่มหล่อพ่อลูกสองอย่าง"คุณอ๊าร์ต"ม.ล.อภิชิตวุฒิชัยไดเรกเตอร์แห่งบริษัทโฆษณานามว่าดอทดอทดอทจำกัดและลูกชายสุดเนี้ยบของคุณพ่อม.ร.ว.เฉลิมฉัตรวุฒิชัยและคุณแม่เอมอรวุฒิชัยณอยุธยาคลุกคลีอยู่กับของเก่า
อันทรงคุณค่าด้วยเป็นของใช้ส่วนพระองค์ของพลเอกพระเจ้าบรมวงศ์เธอพระองค์เจ้าบุรฉัตรไชยากรกรมพระกำแพงเพ็ชรอัครโยธิน(พระราชโอรสในพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวและเจ้าจอมมารดาวาด)ซึ่งเป็นเสด็จทวดของคุณอ๊าร์ตนั่นเอง
จึงไม่ใช่เรื่องแปลกที่ครอบครัวของเขาจะได้ชื่นชมกับสิ่งของเครื่องใช้ส่วนพระองค์ของเสด็จทวดที่จัดว่าเป็นมรดกตกทอดจากรุ่นสู่รุ่นมาอย่างยาวนานและทุกชิ้นที่เขามีในครอบครองล้วนแล้วแต่มีอายุไม่ต่ำกว่า80-100 ปีแทบทั้งสิ้น
"ของทั้งหมดที่เห็นบางส่วนจะอยู่ในห้องนอนของผมตั้งแต่ผมเด็กๆแล้วของเกือบทุกชิ้นก็เป็นของที่ผมใช้อยู่ทุกวันผมเห็นมาตั้งแต่เด็กก็ออกจะคุ้นเคยพอโตขึ้นมาอายุประมาณ20 ปีก็เริ่มสนใจของที่อยู่ในบ้านถามคุณพ่อว่าของชิ้นนั้นชิ้นนี้เป็นอะไรของใครได้มาจากไหนได้มายังไงซึ่งคุณพ่อท่านความจำเป็นเลิศบอกที่มาที่ไปได้หมดทุกชิ้นแล้วผมเป็นคนช่างค้นช่างเสาะหาพอกลับมาจากต่างประเทศก็เข้าไปดูในห้องเก็บของซึ่งตอนนั้นถูกน้ำท่วมเสียหายไปเยอะมากก็ไปเจอกับพระบรมราชโองการแต่งตั้งของพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวพระราชทานไว้แก่เสด็จทวด
ตอนนั้นพระบรมราชโองการเหล่านี้เปียกน้ำไปกว่าครึ่งเสียหายไปเยอะมากผมก็พยายามทำงานเก็บเงินแล้วเอามาซ่อมไปทีละชิ้นพอผู้ใหญ่เห็นความตั้งใจและสนใจของเหล่านี้ก็เริ่มทยอยให้ของของเสด็จในกรมกับผมมาเรื่อยๆคุณแม่ผมก็มีบทบาทมากเหมือนกันพอท่านเห็นว่าของชิ้นไหนที่พ่อผมไม่ใช้ท่านก็จะบอกให้เอามาให้ผมเสมอซึ่งของบางชิ้นทุกวันนี้ผมก็ยังใช้งานอยู่อย่างเก้าอี้โคมไฟเพื่อนๆมาบ้านผมจะบอกเลยว่าไม่น่าเชื่อว่าบ้านผมจะเก็บของโบราณเอาไว้มากขนาดนี้"หนุ่มนักโฆษณาเกริ่นนำ
ด้วยความชื่นชอบของโบราณอีกทั้งของแต่ละชิ้นยังพรั่งพร้อมไปด้วยประวัติอันทรงคุณค่าจึงไม่แปลกที่เขาจะหวงของทุกชิ้นอย่างสุดใจแต่ก็พร้อมที่จะให้"คมชัดลึก"ร่วมเดินทางย้อนกลับไปในอดีตกับของใช้ส่วนพระองค์ของเสด็จทวดอย่างเต็มภาคภูมิคุณอ๊าร์ตเล่าว่าสมัยเด็กยังไม่รู้ถึงคุณค่าของสิ่งเหล่านี้สักเท่าไรผิดกับปัจจุบันที่ทุกชิ้นเป็นวัตถุที่มีคุณค่าทางใจชนิดที่ว่าไม่สามารถหาอะไรมาแทนได้
"เวลาผมนั่งมองของทุกชิ้นเหมือนผมได้ย้อนกลับไปในอดีตสมัยของเสด็จทวดแล้วตอนนี้ผมทำงานเกี่ยวกับโฆษณาต้องบอกเลยว่าของทุกชิ้นของพระองค์ท่านเป็นแรงบันดาลใจให้ผมคิดและสร้างสรรค์งานได้เยอะมากแม้งานของผมที่ทำออกมาจะดูโมเดิร์นแต่ทุกชิ้นล้วนมีแนวคิดของความโบราณแอบแฝงอยู่ผมรักและจำของได้หมดทุกชิ้นแต่ก็มีบางชิ้นที่ผมเสียใจมากคือชิ้นที่เป็นพาสสปอร์ตของเสด็จทวดคือก่อนหน้านี้ก็ใส่อยู่ในกรอบไม้เก่าๆแต่ด้วยความที่ผมซุ่มซ่ามทำหล่นกระดาษซึ่งเก่าและกรอบมากจึงมีบางส่วนที่หายไปจำได้ว่าคืนนั้นผมนั่งเรียงให้เหมือนเดิมจนถึงตี3 รุ่งเช้าถึงเอาไปใส่กรอบใหม่
แล้วก็มีอีกชิ้นหนึ่งเป็นโถเซรามิกสำหรับใส่TOBACCO ก็ทำตกแตกละเอียดต่อหน้าต่อตาผมก็มานั่งต่อใหม่ไม่หลับไม่นอนอีกเหมือนเดิมแล้วก็มีบางชิ้นที่สูญหายไปด้วยเหตุสุดวิจัยจริงๆคือตู้เสื้อผ้าทำจากไม้สีน้ำเงินลายสวยมากจำได้ว่าตอนนั้นที่บ้านรื้อตำหนักท่านย่า(พระวรวงศ์เธอพระองค์เจ้าวิมลฉัตร)เพื่อสร้างใหม่เด็กคนงานที่บ้านก็ไม่รู้เรื่องเอาตู้ใบนี้ไปขายให้แก่คนขายของเก่าซะส่วนอีกชิ้นที่ไม่เคยลืมเลยคือโคมไฟแก้วผ่านการใช้งานมานานมากแล้วเกิดแตกผมก็จำต้องโยนทิ้งไปด้วยมือของผมเองทุกวันนี้ผมยังเสียดายของเหล่านั้นอยู่เลยแต่ก็เข้าหลักพุทธศาสนาที่ไม่มีอะไรจีรังของเหล่านี้ประเมินราคาไม่ได้ผมเคยคิดจะทำประกันให้แก่ของเหล่านี้ทางบริษัทประกันก็บอกผมให้ผมตีมูลค่าของแต่ละชิ้นมาก่อนแล้วผมจะตีมูลค่าให้ได้ยังไงเพราะทุกชิ้นเป็นของเก่าซึ่งหามูลค่าไม่ได้แต่มีมูลค่าทางใจสำหรับผมแทน"คุณอ๊าร์ตเล่าด้วยสีหน้าเปื้อนยิ้ม
และแม้บางคนจะกลัวของโบราณที่มากไปด้วยความขลังของเจ้าของคนเก่าและกาลเวลาที่ผันแปรแต่สำหรับคุณอ๊าร์ตแล้วเขากลับมีความสุขที่ได้ครอบครองและทุกครั้งที่ได้เชยชมนั่นหมายถึงเครื่องเตือนใจให้เขาทำดีประพฤติดีทำคุณประโยชน์เพื่อสังคมและที่สำคัญต้องซื่อสัตย์สุจริตไม่ว่าจะคิดหรือทำอะไร...
เรื่อง/ ศรีพรเหล่าวณิชยา
ภาพ/ ม.ล.อภิชิตวุฒิชัยและอุทรศรีพันธ์