
ถูกยึดเงินมัดจำ
สามีดิฉันเป็นชาวต่างชาติ ได้ทำสัญญาเช่าห้องกับเจ้าของห้อง มีเงินมัดจำจำนวน 2 หมื่นบาท อยู่มา 2 ปีกว่า และเราย้ายออกวันที่ 30เมษายน 2553 ทางเจ้าของห้องได้ให้สามีดิฉันโอนค่าเช่าเดือนสุดท้ายไปไห้ 1 หมื่นบาท แล้วบอกว่า จะโอนค่ามัดจำมาให้เราทีหลัง
หลังจากเวลาผ่านไป กลับไม่มีการติดต่อหรือโอนเงินมาคืนแต่อย่างใด ดิฉันได้พยายามโทรติดต่อไปหลายครั้ง แต่ทางนั้นก็ไม่มีใครรับสาย ดิฉันพยายามไปหาที่ห้อง แต่ก็ไม่มีใครอยู่
พยายามโทรติดต่อไปจนเมื่อเจ้าของห้องรับสาย เขากลับบอกว่า ไม่ต้องโทรมาอีกรำคาญ และจะไม่คืนเงินให้ เขาหาว่าดิฉันขโมยของของเขามา ถ้าขโมยของจริง ดิฉันคงจะหนีไปและไม่พยายามติดต่อขอเคลียร์เงินอย่างนี้ ที่ผ่านมา เมื่อห้องมีปัญหา เมื่อดิฉันโทรไปบอกให้มาเช็ค เขาก็จะไม่มา อ้างว่าติดธุระ ไม่มีเวลา และก็บอกว่าไม่มีปัญหา ไว้จะให้ช่างมาดู ทั้งๆ ที่ห้องก็อยู่ตึกเดียวกัน แต่กลับไม่สนใจมาดู
ช่วยแนะนำให้หน่อยค่ะ ว่าควรจะทำอย่างไรดี อยากไปแจ้งความแต่ก็กลัวตำรวจจะช่วยอะไรไม่ได้
อาภา
ตอบ
ศูนย์ปรึกษากฎหมายชุมชน อาจารย์ชลธิชา สมสอาด คณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยเกษมบัณฑิต แนะนำว่า ก่อนอื่นเลยคงต้องย้อนกลับไปดูที่สัญญาการเช่าห้องที่ทำไว้ ว่ามีกฎข้อบังคับระบุไว้อย่างไรบ้าง มีการระบุไว้หรือเปล่าว่า หลังจากยกเลิกการเช่าต้องคืนเงินค่ามัดจำภายในกี่วัน แล้วถ้าไม่คืนเงิน หมายถึงต้องหักเงินนั้นไว้เป็นค่าเช่าเดือนสุดท้าย หรือว่าเป็นค่าเสียหายที่เกิดขึ้นภายในห้องพัก ต้องดูว่า เข้าข่ายในข้อไหน แล้วมีสิ่งเหล่านี้ระบุไว้ในสัญญาเช่าหรือเปล่า
ถ้ามีการกำหนดไว้อย่างนี้ แล้วผู้ให้เช่าไม่ทำตามสัญญาที่ทำไว้ สามีของคุณก็มีสิทธิที่จะฟ้องร้องในเรื่องนี้ได้เลย แต่สำหรับเรื่องนี้ ถ้าว่ากันในทางกฎหมายแล้ว จะเป็นคดีแพ่งในเรื่องของการเช่าห้อง คุณจึงมีสิทธิที่จะฟ้องเรียกร้องเอาผิดกับเจ้าของห้องเช่าในคดีแพ่ง หลังจากฟ้องแล้วก็ว่ากันไปตามกระบวนการจนถึงที่สุด ศาลตัดสินใจให้ความเป็นธรรม
ขณะเดียวกัน จากการที่ไม่ได้มีการคืนเงินมัดจำให้นับตั้งแต่ที่สามีคุณย้ายออกมาแล้ว ทั้งที่มีการจ่ายค่าเช่าเรียบร้อยแล้ว ดังข้อมูลที่คุณให้มา สามีคุณก็มีสิทธิที่จะแจ้งความเอาผิดเจ้าของห้องเช่าได้ โดยแจ้งความต่อตำรวจในคดีอาญา ฐานฉ้อโกง คือ ไม่ยอมให้เงินมัดจำคืน เพื่อให้ตำรวจดำเนินคดีในเรื่องนี้ให้
ลุงแจ่ม