ไลฟ์สไตล์

ท่องแดนมนุษย์กินคนเมดาน-ทะเลสาบโตบา-บาสตากีร์

ท่องแดนมนุษย์กินคนเมดาน-ทะเลสาบโตบา-บาสตากีร์

23 พ.ค. 2553

08.00 น. คณะศึกษาดูงานขององค์การบริหารส่วนตำบลอัยเยอร์เวง กว่า 40 ชีวิต มีกำหนดเดินทางไปดูงานที่มาเลเซีย และอินโดนีเซีย 2 ประเทศที่อยู่ในข่ายโครงการพัฒนาเขตเศรษฐกิจสามฝ่าย อินโดนีเซีย มาเลเซีย และไทย หรือที่เรียกว่า สามเหลี่ยมเศรษฐกิจ (Indonesia-Malaysia

อำเภอเบตง จังหวัดยะลา ตั้งอยู่ในขอบข่ายการพัฒนาเพื่อรองรับโครงการพัฒนาเขตเศรษฐกิจสามฝ่ายฯ ในอนาคต ซึ่งถึงแม้ใช้เวลาเกินกว่า 10 ปี แต่ก็เป็นเรื่องจำเป็นเพื่อความมั่นคงในภูมิภาคนี้  

     คณะของเราผ่านพรมแดนไทย-มาเลเซีย ที่กิ่งอำเภอโกร๊ะ รัฐเปรัค เข้าเมืองบัตเตอร์เวอร์ต ข้ามไปเกาะปีนัง เราแลกเปลี่ยนเงินบาทไทยเป็นเงินรูเปียห์ของอินโดนีเซีย ซึ่งอยู่ในอัตรา 10,000 รูเปียห์เท่ากับ 32.25 บาท

 ขึ้นเครื่องจากสนามบินนานาชาติ ที่เกาะปีนัง เพียง 25 นาที ก็ถึงสนามบินโนโปเลียของเมดาน หลังกินข้าวเย็น เราก็ออกเดินทางโดยรถบัสไปยังทะเลสาบโตบา ซึ่งตั้งอยู่บนปล่องภูเขาไฟที่ใหญ่ที่สุดในเอเชีย ระยะทางประมาณ 170 กิโลเมตร จากเมืองเมดาน ด้วยถนนหลักของเกาะสุมาตรเหนือ ที่แคบเพียง 2 จราจร ใช้เวลาเดินทาง  4 ชั่วโมง  จึงถึงโรงแรม Danau Toba Cottage ที่พักแห่งแรกในคืนนั้น

รุ่งเช้า เราก็ล่องเรือเฟอร์รี่ในทะเลสาบโตบา ด้วยทัศนียภาพที่สวยงาม กับน้ำเขียวใสที่ลึกกว่า 4,750  เมตร บนผิวน้ำมีความสูงจากระดับน้ำทะเลกว่า 1,400 เมตร เพราะเป็นปล่องภูเขาไฟขนาดมหึมาที่มีน้ำมหาศาลขังอยู่ จึงเป็นสถานที่แปลกไม่เหมือนทะเลสาบใดๆ ในโลก 

ขณะนั่งบนเรือ มีเด็กๆ พื้นเมือง 3 คน มาร้องเพลง ประกอบเครื่องดนตรี ขวดแก้ว และขวดพลาสติก ประสานเสียงแนวเรกเก้ ผสมบทสวดในโบสถ์คริสต์ เพื่อแลกเงินเล็กน้อยจากแขกผู้มาเยือน  พวกเราฟังจนเพลิน จนถึงเกาะ  Samosir  ก็พบชนพื้นเมืองที่ส่วนใหญ่เป็นผู้หญิง ชักชวนพวกเราซื้อสินค้าพื้นเมืองราคาถูก ระหว่างที่เราเดินเลาะผ่านกลางหมู่บ้าน มีจุดหมายที่ลานประหาร!!!

ระหว่างทางประมาณ 1 กิโลเมตร เราสังเกตเห็นสถาปัตยกรรมบ้านทรง จั่วแหลม เก้าอี้ โต๊ะประชุมหินโบราณกลางหมู่บ้าน โบสถ์คริสต์ชาวฮอลันดากว่าร้อยปี  เมื่อเข้าไปนั่งในศาลาตรงหน้าลานประหาร   เราได้ชมการสาธิตพิธีกรรมการประหารสมาชิกชนเผ่าผู้ที่ผิดลูกผิดเมียผู้อื่น หรือเชลยเผ่าศัตรู โดยผู้ถูกประหารจะถูกมัดมือ มัดเท้า ถูกบิดตา นอนบนโต๊ะหิน ถูกควักเครื่องในสดๆ เอาไปกิน ก่อนจะถูกตัดหัวเอาไปแช่ในทะเลสาบ 7 วัน ระว่างนั้นห้ามชนในเผ่าไปกินหรือใช้น้ำในทะเลสาบ ถือเป็นพิธีกรรมที่ชนเผ่าฯ ปฏิบัติมากว่า 400 ปี ก่อนชาวฮอลันดาผู้ยึดครองจะเข้ามายกเลิก

จากนั้นก็มุ่งสู่หมู่บ้าน Tomok  เพื่อเข้าชมสุสาน  Raja Sidabutar สุสานอายุกว่า 200 ปี รวมทั้งเครือญาติ
 Raja Sidabutar ถือเป็นตำนานราชาจอมขมังเวทที่มีความศักดิ์สิทธิ์ เป็นที่หวั่นเกรงของชาวเกาะ  Samosir ทั้งมวล ซึ่งบริเวณสุสานจะมีศิลปะการแกะสลักลวดลายท้องถิ่นที่สวยงามมีเอกลักษณ์เฉพาะ  อาทิ รูปสลักจิ้งจก ที่หมายความถึง “การปรับตัว” โดยชาวเกาะ Samosir จะต้องปรับตัวเพื่อให้อยู่ด้วยกันด้วยความสามัคคี 

อีกประการหนึ่งที่น่าสนใจ คือวัฒนธรรมการเลือกภรรยาหรือสะใภ้นั้น จะพิจารณาจากหน้าอกเป็นหลัก ยิ่งใหญ่ยิ่งดี เพราะเป็นประโยชน์ในการเลี้ยงบุตร  เพราะที่นี่เฉลี่ยบุตร 8 คน ต่อภรรยา 1 คน

 วันรุ่งขึ้น เราแวะดื่มกาแฟน้ำขิงสมุนไพร กับกล้วยหินทอดร้อนๆ บนความสูงกว่า 1,700 เมตร เหนือระดับน้ำทะเล ประมาณหนึ่งชั่วโมงเราก็ถึงน้ำตก Sipiso-Piso ซึ่งเป็นน้ำตกที่สูงถึง 110 เมตร  พุ่งจากยอดหน้าผา และไหลลงยังทะเลสาบโตบา
  จากนั้นมุ่งหน้าสู่เมือง Brastagi Highland  เราเข้าพักที่เโรงแรม Grand Mutala เมืองที่สูงอากาศดี มีตลาดนัด BKT.Gundang  หรือตลาดการเกษตรที่มีพันธุ์ไม้แปลกตาที่มีชื่อประจำเมือง  

วันต่อมา ออกเดินทางกลับสู่เมืองเมดาน เราเข้าเที่ยวชมวัง Malmoon วังของสุลต่านองค์น้อยที่ปัจจุบันมีอายุเพียง 11 ขวบ เพราะสุลต่านผู้พ่อประสบเหตุเครื่องบินตกเมื่อ 2 ปีที่แล้วที่อาเจะห์  วัง Malmoon เป็นอาคารคอนกรีตกึ่งไม้  มีอายุกว่า 200 ปี ผ่านยุครุ่งเรือง ยุคอาณานิคม จนกระทั่งยุคสาธารณรัฐในปัจจุบัน  

จากนั้นเราเดินทางไปยังตลาดสิ่งทอ โดยเฉพาะผ้าถุง ที่นี่ราคาถูกกว่าเรา 3-5 เท่า  ต่อด้วยแวะไปห้างเครื่องหนัง
วันสุดท้าย เราไปเดินจับจ่ายสินค้าเลียนแบบในห้างใหญ่กลางเมือง ตรงหน้ามัสยิดรายา เก่าแก่กว่า 200 ปี ก่อนที่จะขึ้นเครื่องกลับปีนังในตอนบ่าย จนกระทั่ง 18.00 น. เราก็มาถึงอำเภอบาลิ่ง รัฐเคดาห์ ประเทศมาเลเซีย ปิดฉากทริปด้วยอาหารมื้อใหญ่ที่ผู้กำกับตำรวจอำเภอบาลิ่งเลี้ยงรับรองคณะฯ อันได้แก่ สเต๊ะ แกงกะหรี่ปลา ปลาทอด เนื้อแดง ผัดพัก และตบท้ายด้วยชาชักตามแบบฉบับ 

เราพักที่โรงแรมฯ ในอำเภอโกร๊ะ รัฐเปรัค มาเลเซีย ในคืนนั้น ก่อนที่จะเดินทางกลับฝั่งไทยในวันรุ่งขึ้น  ผมยังจำความรู้สึกคิดถึงเมืองไทย ขณะรถบัสกำลังเคลื่อนผ่านเส้นแบ่งเขตไทย-มาเลเซีย อย่างไม่รู้ลืม     

 ในวันนี้ แม้บ้านเราติดลบในสายตาชาวโลก แต่ผมก็อยากจะบอกกับคนไทยว่า ถ้าเปรียบเทียบบริบทกับประเทศเพื่อนบ้านเราโดยรอบแล้ว ประเทศไทยเรายังน่าอยู่ คนไทยเรายังน่าคบกว่ามากโขทีเดียวครับ...

www.oknation.net/blog/localbetong