ไลฟ์สไตล์

พระครูปลัดรัตนวัฒน์"ครูพระ-ครูพระ" แห่งวัดบางพลีใหญ่กลาง

พระครูปลัดรัตนวัฒน์"ครูพระ-ครูพระ" แห่งวัดบางพลีใหญ่กลาง

20 พ.ค. 2553

ในอดีตบทบาทของพระและวัด นอกจากจะเป็นศาสนสถานที่ใช้ประกอบพิธีกรรมทางศาสนาแล้ว ยังเป็นศูนย์กลางทางการศึกษาของชุมชน ช่วงหนึ่งบทบาทของพระด้านการศึกษาอาจจะลดลงบ้าง แต่ปัจจุบันกรมการศาสนา กระทรวงวัฒนธรรม ได้ดำเนินการโครงการพระสอนศีลธรรมในโรงเรียน มาตั้งแต่ปีง

 ต่อมากระทรวงวัฒนธรรมได้ทำข้อตกลงความร่วมมือกับกระทรวงศึกษาธิการ และมีการประชุมร่วมกัน พบว่ากระทรวงศึกษาธิการมีความต้องการพระสอนไปสอนในโรงเรียนเฉพาะที่สังกัดสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.) ไม่น้อยกว่า ๕๘,๐๗๓ รูป โดยเฉพาะโรงเรียนวิถีพุทธ ซึ่งมีอยู่จำนวนมากกว่า ๑๐,๐๐๐ แห่ง และหนึ่งในบรรดาพระสอนศีลธรรมในโรงเรียน และโรงเรียนวิถีพุทธที่มีผลงานโดดเด่น ต้องยกให้ พระครูปลัดรัตนวัฒน์ หรือ พระครูแจ้ รองเจ้าอาวาสวัดบางพลีใหญ่กลาง

  กิจกรรมโรงเรียนวิถีพุทธของโรงเรียนวัดบางพลีใหญ่กลาง ที่พระครูแจ้ดำเนินการ มีความแตกต่างจากโรงเรียนวิถีพุทธอื่นๆ คือ การกำหนดให้ทุกๆ วันพฤหัสบดีเป็นวันพระประจำโรงเรียน ทั้งนี้ได้นิมนต์พระภิกษุสงฆ์ ๕ รูป ให้นักเรียนได้ทำบุญพร้อมๆ กับให้นักเรียนแต่งกายชุดวันนี้วันพระทุกคน ขณะเดียวกันท่านได้จัดตั้งกองทุนการศึกษา และการใช้จ่ายของโรงเรียนวัดบางพลีใหญ่กลาง ชื่อกองทุนพระครูปลัดจรูญ หมอเมือง และทุนสงเคราะห์นักเรียนโรงเรียนวัดบางพลีใหญ่กลาง 

 นอกจากนี้แล้ว พระครูแจ้ยังมีผลงานโดดเด่นด้านการพัฒนาและการก่อสร้าง เช่น สร้างอาคารเรียนโรงเรียนวัดบางพลีใหญ่กลางแบบ สปช.๑๐๕-๒๕๒๙ ขนาด ๘ ห้องเรียน ควบคุมการก่อสร้างอาคารอเนกประสงค์โรงเรียนวัดบางพลีใหญ่กลาง แบบ ๒๐๖-๒๕๒๖ ควบคุมการก่อสร้างรั้วโรงเรียนวัดบางพลีใหญ่กลางความยาว ๒๔๐ เมตร สูง  ๒  เมตร รวมทั้งเป็นประธานดำเนินการจัดหาทุน สมทบทุน และควบคุมการก่อสร้างอาคารเรียน โรงเรียนวัดบางพลีใหญ่กลาง จำนวน ๓ หลัง ได้แก่ อาคารเฉลิมพระเกียรติ ๘๐ พรรษา อาคารมูลนิธิร่วมกตัญญู ๑๗ และอาคารพระครูปลัดจรูญ ฐานธมฺโม  ซึ่งมีมูลค่าประมาณ ๒๕ ล้านบาท เป็นต้น

 “เดิมทีอาตมาคิดว่าการสร้างวัดจะได้บุญมาก เริ่มจากเป็นเณรก็ขนดินขนลูกรังถมที่วัด จากนั้นก็เริ่มงานก่อสร้างภายในวัด เมื่อสร้างวัดไประยะหนึ่ง นายสังข์ทอง ศรีธเรศ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงศึกษาธิการ ซึ่งนับถือเป็นญาติ มาเตือนสติว่า น่าจะไปพัฒนาการศึกษาบ้าง จากนั้นเป็นต้นมาอาตมาจึงจับงานด้านศึกษา เริ่มจากสร้างและพัฒนาโรงเรียนประถมที่อาตมาเรียนจบมา” นี่คือจุดเริ่มต้นของการสร้างโรงเรียนจากคำบอกเล่าของพระครูแจ้ โดยเริ่มมาตั้งแต่ พ.ศ.๒๕๔๐ จนถึงปัจจุบัน

 นอกจากพัฒนาโรงเรียนวัดบางพลีใหญ่กลางแล้ว พระครูแจ้ยังสร้างโรงเรียนอื่นๆ อีกหลายแห่ง เช่น ปรับปรุงอาคาร ๔ ชั้นโรงเรียนบางพลีราษฎร์บำรุง เรียนโรงเรียนเตรียมปริญญานุสรณ์ สร้างสนามเด็กเล่น ที่โรงเรียนวัดบางสะแก อ.สองพี่น้อง จ.สุพรรณบุรี รวมทั้งสร้างและพัฒนาโรงเรียนใน จ.ลพบุรี รวมทั้งจังหวัดอื่นๆ อีกหลายสิบแห่ง ทั้งนี้ท่านจะลงไปคุมงานก่อสร้างตั้งแต่ตอกเสาเข็มจนกระทั่งจัดหาครุภัณฑ์ให้แก่โรงเรียนจนกว่าเด็กจะเข้าเรียนได้

 วิธีการหาปัจจัยมาสร้างโรงเรียนนั้น พระครูแจ้ บอกว่า แรกเริ่มอาจจะเป็นเรื่องยาก แต่เมื่อเริ่มได้แล้วไม่ใช่เรื่องยาก พระต้องเป็นผู้แนะ พระต้องเป็นผู้นำ ปัจจัยที่ญาติโยมถวายเข้ามาต้องทำให้เกิดประโยชน์ เก็บสะสมเอาไว้มากๆ ก็เป็นการสร้างกิเลสให้แก่ตัวเองเปล่าๆ ที่สำคัญคือ จะเป็นคนใช้เงินเองทั้งหมด โดยไม่ได้จ้างผู้รับเหมามาก่อสร้าง เมื่อคุมงานก่อสร้างและสร้างเองนอกจากจะถูกเงินแล้ว งานที่ได้ออกมายังมีคุณภาพอีกด้วย

 ทุกๆ วัน หากเว้นว่างจากการคุมงานก่อสร้าง พระครูแจ้จะเข้าไปสอนศีลธรรมเด็กในโรงเรียน โดยหมุนเวียนไปทุกระดับชั้นทุกห้อง ทั้งนี้ท่านจะใช้ธรรมะง่ายๆ พร้อมกับยกตัวอย่างข่าว ละคร รวมทั้งเหตุการณ์บ้างเมืองมาประกอบการอธิบาย เพื่อง่ายต่อการทำความเข้าใจ ขณะเดียวกันท่านก็ยังฝึกพระลูกวัดอีกหลายรูปเพื่อสืบทอดปณิธานด้านส่งเสริมการศึกษา

 “ก่อนที่พระจะเข้าโรงเรียน เด็กๆ ส่วนใหญ่ขาดศีลธรรม เมื่อพระเข้าไปในโรงเรียน สอนเรื่องศีลธรรม เรื่องสมาธิ ให้การอบรม โดยทุกๆ วันพฤหัสบดีได้กำหนดให้เป็นวันพระประจำโรงเรียนบางพลีราษฎร์บำรุง รวมทั้งให้เด็กนักเรียนเข้าใจถึงความสำคัญในพุทธศาสนา ในขณะที่โรงเรียนวัดบางพลีใหญ่กลางกำหนดวันพระตามปฏิทิน คือ ขึ้น-แรม ๘ และ ๑๕ ค่ำ ปรากฏว่าเด็กที่จบการศึกษาสามารถสอบเข้าเรียนต่อในระดับอุดมศึกษาได้มากขึ้น” พระครูแจ้กล่าวอย่างภูมิใจ

   ชาติภูมิพระครูแจ้

 พระครูปลัดรัตนวัฒน์ หรือ พระครูแจ้ รองเจ้าอาวาสวัดบางพลีใหญ่กลาง อายุ ๔๖ ปี พรรษาที่ ๒๖ บรรพชาเป็นสามเณร ณ วัดบางพลีใหญ่กลาง เมื่อวันที่ ๙ กุมภาพันธ์ ๒๕๑๘ ขณะอายุ ๑๓ ปี เมื่ออายุครบ ๒๐ ปี ได้อุปสมบท ณ วัดบางพลีใหญ่กลาง เมื่อวันที่ ๓ มกราคม ๒๕๒๕ โดยมีพระครูวิบูลฐาปนกิจ เป็นพระอุปัชฌาย์ พระครูโสภณธรรมาภรณ์ เป็นพระกรรมวาจารย์ และมีพระปลัดพะยอม เป็นพระอนุสาวนาจารย์ ได้ฉายาว่า “ฐานธมฺโม” ทั้งนี้สอบได้นักธรรมชั้นเอกตั้งแต่ยังเป็นสามเณร

 พ.ศ.๒๕๓๐ ได้สมณศักดิ์ฐานานุกรมที่ พระครูสมุห์จรูญ พ.ศ.๒๕๓๕ ได้เลื่อนสมศักดิ์ ฐานานุกรมที่ พระครูปลัดจรูญ ฐานธมฺโม และเมื่อวันที่ ๕ ธันวาคม ๒๕๕๐ ได้เลื่อนสมศักดิ์ ฐานานุกรมที่ พระครูปลัดรัตนวัฒน์ 

 ตลอดระยะเวลาที่บวชมา ๒๖ พรรษา พระครูปลัดรัตนวัฒน์ได้อุทิศแรงกายแรงใจในการส่งเสริมสนับสนุนการศึกษามาอย่างต่อเนื่อง มีผลงานดีเด่นด้านพัฒนาสังคม เป็นที่ประจักษ์ต่อสังคม ทั้งนี้มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย (มจร.) ได้ถวายปริญญาพุทธศาสตรบัณฑิตกิตติมศักดิ์ (พธ.บ.) สาขารัฐศาสตร์ เมื่อวันอาทิตย์ที่ ๙ พฤษภาคม ๒๕๕๓ ที่ผ่านมา

เรื่องและภาพ ไตรเทพ ไกรงู