
ต้นตำรับ "ขนมขาไก่" บ้านท่าเรือ ของขบเคี้ยวขึ้นชื่อชายแดนใต้
แม้ราคายางพาราจะขยับสูงขึ้นอย่างต่อเนื่องในเวลานี้ แต่สำหรับ ยุพา ไชยรัตน์ทอง สตรีรุ่นใหญ่วัย 58 ปี จาก หมู่ 3 ต.ท่าเรือ อ.โคกโพธิ์ จ.ปัตตานี ดูเหมือนจะไม่ยี่ระและหลงใหลได้ปลื้มกับเม็ดเงินจากอาชีพกรีดยางเหมือนชาวสวนคนอื่นๆ เพราะนับแต่ตัดสินใจวางมือจากม
ยุพา เล่าว่า แรกเริ่มเดิมทีหวังเพียงว่าจะใช้เวลาว่างจากการกรีดยางให้เป็นประโยชน์ และรอให้เหตุการณ์ความไม่สงบจังหวัดชายแดนภาคใต้ที่รุมเร้าให้มีสถานการณ์ที่ดีขึ้น จากนั้นค่อยกลับเข้าสวนเพื่อกรีดยางพาราอีกครั้งหนึ่งเท่านั้น แต่หลังจากได้ฝึกปรือความรู้ตามหลักสูตรวิชาทำขนมหลากหลายประเภท จนกระทั่งมาลงตัวกับ “ขนมขาไก่” เพราะรู้สึกว่าในช่วงทดลองได้นำผลงานไปให้สมาชิกในครอบครัวและคนในละแวกใกล้เคียงในหมู่บ้านทดลองชิมลิ้มรส ผลปรากฏว่าได้รับเสียงชื่นชมในรสชาติความอร่อย
จากนั้นจึงขอรับการสนับสนุนความช่วยเหลือจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องใน จ.ปัตตานี เพื่อศึกษาหาตลาด ประกอบกับการส่งเสริมโครงการ “โอท็อป” ของรัฐบาล จึงเป็นเรื่องง่ายที่ทำให้ “ขนมขาไก่”ของอดีตเกษตรกรชาวสวนยางรายนี้ มีโอกาสนำออกเสิร์ฟให้ประชาชนได้ทดลองชิมความอร่อยในงานต่างๆ กระทั่งปัจจุบันนี้ขนมชนิดนี้กลายเป็นที่กล่าวขานถึงในวงกว้างเพียงแค่ช่วงเวลาไม่นาน จนเกิดคำพูดที่ติดปากว่า “ขนมขาไก่ ท่าเรือ" หาซื้อได้ที่ไหน
“เริ่มแรกผลิตขนมขาไก่แล้วนำไปวางจำหน่ายในตลาดของหมู่บ้าน และบางส่วนนำไปจำหน่ายในสถานที่ราชการ ซึ่งสินค้าขายหมดทุกวันทำให้มีกำลังใจผลิตสินค้าเพิ่ม และเริ่มขยายตลาดออกไปเรื่อยๆ จนปัจจุบันไม่ได้วางขายเฉพาะในปัตตานีเท่านั้น แต่ยังกลายเป็นขนมขบเคี้ยวที่กระจายอยู่ทั่ว 3 จังหวัดชายแดนใต้และพื้นที่ใกล้เคียงอีกด้วย” ยุพา กล่าวพร้อมรอยยิ้ม
“ขนมขาไก่ ท่าเรือ” มีให้เลือก 2 แบบ คือแบบหวานโรยงา และชนิดไร้น้ำตาลเหมาะสำหรับคนกลัวอ้วน โดยจะมีทั้งปลีกและส่ง โดยมีกำลังผลิตอยู่ที่ 20-30 กิโลกรัมต่อวัน ซึ่งตลาดใหญ่ในปัจจุบันคือสถานที่ราชการใน จ.ปัตตานี มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ วิทยาเขตปัตตานี สถานศึกษา และร้านค้าหลายแห่งในตลาดทั่วจังหวัด
“รายได้มากหรือน้อยขึ้นอยู่กับช่วงเทศกาล เช่นหากเป็นช่วงสงกรานต์ หรือวันปีใหม่จะมีออเดอร์จากลูกค้าสูงมากเนื่องจากส่วนใหญ่จะนิยมนำไปเป็นของฝากหรือของขวัญ นอกจากนี้การนำสินค้าไปร่วมออกงานในจังหวัดต่างๆ ก็จะขายดี เฉลี่ยกำลังผลิตครั้งละ 100 กิโลกรัม โดยเมื่อหักค่าใช้จ่ายแล้วมีกำไรนับหมื่นบาทเลยทีเดียว” ยุพา กล่าว
เจ้าของขนมขาไก่รายนี้บอกว่า ลำพังผลิตเพื่อจำหน่ายปลีกห่อละ 25บาท ก็ผลิตจนแทบไม่ทัน ดังนั้นแม้นราคายางพาราจะพุ่งสูงก็ไม่สามารถสะกิดให้เจ้าตัวหันกลับไปจับมีดกรีดยางอีกครั้ง เพราะอย่างน้อยการเปลี่ยนบทบาทมาเป็นแม่ค้าผลิตขนมขาไก่ ภายใต้แบรนด์ “ท่าเรือ” ก็ทำให้มีรายได้เป็นกอบเป็นกำ แถมชีวิตก็ไม่ต้องเสี่ยงตกเป็นเป้าผู้ก่อความไม่สงบอีกด้วย
วันนี้ไม่เพียงแค่ “ขนมขาไก่” รสหวาน และรสเค็มเท่านั้นที่ “ยุพา”ผลักดันจนเป็นที่นิยมในหมู่นักบริโภคขนมขบเคี้ยว แต่อดีตสตรีชาวสวนยางรายนี้ยังเข็น “ขนมดอกจอก บ้านท่าเรือ” ออกมาเป็นสินค้าตัวใหม่เพิ่มทางเลือกให้ตลาด และสร้างรายได้แก่ครัวเรือนอีกหนึ่งชนิด และดูท่าว่าจะไปได้สวยตามรอยสินค้าชนิดแรกได้ไม่ยากอีกด้วย
หากใครอยากลองลิ้มชิมรสขนมขาไก่ บ้านท่าเรือ ว่ากรอบอร่อย สมคำร่ำลือแค่ไหน สามารถสั่งไปได้ที่โทร.08-1679-6205 ซึ่งมีบริการจัดส่งทั่วประเทศด้วย
"สุพิชฌาย์ รัตนะ"