ไลฟ์สไตล์

มุมมองใหม่-ตลาดน้ำคลองลัดมะยมสอนคุณธรรม-ประชาธิปไตย

มุมมองใหม่-ตลาดน้ำคลองลัดมะยมสอนคุณธรรม-ประชาธิปไตย

18 พ.ค. 2553

ปฏิรูปการศึกษาทศวรรษที่ 2 เน้นการเรียนรู้นอกห้องเรียน ให้นักเรียนใช้ประสบการณ์ที่เก็บเกี่ยวได้จากแหล่งเรียนรู้ต่างๆ ช่วยกล่อมเกลาและสร้างพัฒนาการด้านอื่นๆ ควบคู่ไปกับด้านวิชาการ "ตลาดน้ำลัดมะยม" ย่านตลิ่งชัน กทม. เป็นอีกตัวอย่างแหล่งเรียนรู้นอกห้องเรียนใ

 ชวน ชูจันทร์ ประธานประชาคมตลาดน้ำคลองลัดมะยม เล่าว่า ตลาดน้ำลัดมะยมไม่ใช่เพียงตลาดน้ำขายของกินของใช้ให้นักท่องเที่ยวเท่านั้น เป้าหมายแท้จริงที่ชาวชุมชนบางระมาด ก่อตั้งตลาดนัดขึ้นมาเพราะต้องการเปลี่ยนวิธีคิดของคนในชุมชนในเรื่องของการพัฒนาแบบพึ่งตัวเอง และรื้อฟื้นชุมชนเข้มแข็งกลับมาพร้อมกับกับอนุรักษ์คลองในย่านนี้ที่มีอยู่กว่า 30 สาย ถือเป็นเส้นเลือดสำคัญหล่อเลี้ยงเรือกสวนไร่นาที่ชุกชุมมากในอดีต รวมถึงเป็นทางสัญจรหลักด้วย

 จึงได้เปิดหลักสูตรชาวสวน ให้นักเรียน เกษตรกร ชาวบ้าน เรียนรู้เรื่องการทำความทำสวน ซึ่งเป็นอาชีพหลักในอดีตของคนย่านตลิ่งชั่น รวมถึงชุมชนต่างๆ แถบชานเมืองรอบกรุงเทพฯ เช่น หลักสูตรชาวสวนสำหรับนักเรียน จะไม่เน้นสอนเรื่องวิชาการทำเกษตรมาก เช่น ปลูกส้ม ปลูกมะม่วงยังไง เพราะไม่ได้นำไปใช้ในชีวิตประจำวัน แต่จะฉายภาพให้เด็กๆ ได้รู้จักสวน อธิบายให้เข้าใจทำไมสวนต้องยกร่อง มิฉะนั้นน้ำท่วมพืชก็จะตายหมด ในสวนเขาปลูกพืชอะไรบ้าง สวนกับไร่ต่างกัน เพื่อให้เด็กเห็นคุณค่า เป็นการปลูกจิตสำนึกนำไปสู่การอนุรักษ์อาชีพดั้งเดิมของคนในย่านนี้

 นอกจากนั้นยังมีกิจกรรม “เลี้ยงควาย“ นำเจ้าทุยจาก จ.อุทัยธานี มาให้คนกรุงเทพฯ ดู เพราะสมัยนี้เด็ก หรือแม้กระทั่งผู้ใหญ่บ้างคนไม่รู้จักควาย แยกระหว่างวัวกับควายไม่ได้ เพราะฉะนั้นจึงมีกิจกรรมให้เลี้ยงควาย ขี่ควาย และถ่ายรูปกับควาย รวมถึงมี “สวนเจียมตน” ให้เข้าไปเดินดูสวนไม้ยืนต้น สมุนไพร ภายในสวนมีป้ายอธิบายต้นไม้หลากหลายชนิด และยังมีห้องสมุดเล็กๆ ให้เด็กๆ มานั่งอ่านหนังสือกันด้วย เพื่อสะท้อนรากเหง้าสังคมเกษตรกรรม

 “หลายต่อหลายชุมชนเกษตรในชานเมืองถูกทำลายลงเพราะราคาที่ดินที่แพงขึ้น คนในชุมชนขายที่สร้างเป็นหมู่บ้านจัดสรรที่อยู่กันแบบต่างคนต่างอยู่ ทำให้ชุมชนเกษตรดั้งเดิมล่มสลาย เช่น บางมด ทุกวันนี้เราไม่มีส้มบางมดให้กินแล้ว หรือสวนเมืองนนทบุรีขึ้นชื่อในการปลูกผลไม้ก็หมดไป สิ่งแวดล้อมถูกทำลาย โดยเฉพาะลำคลองที่เคยมีความสำคัญในอดีต ทุกวันนี้ตื้นเขินและเต็มด้วยขยะ“ ลุงชวนกล่าว
 ปัจจุบันชาวชุมชนตลาดน้ำลัดมะยมให้ความสำคัญอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมและลำคลองให้สะอาด  เพราะถ้าชาวบ้านไม่ช่วยกันรักษาความสะอาดของคลอง ก็จะไม่มีนักท่องเที่ยวมาเยี่ยมชม มีการแบ่งเวรกันทำความสะอาด คูคลอง รวมถึงมีกิจกรรมล่องเรือโบราณชมสวน นักเรียนเป็นมัคคุเทศก์ ตลาดแห่งนี้เป็นตลาดปลอดเหล้า เบียร์ บุหรี่ และยังมีกิจกรรมใหม่ๆ เช่น ตลาดวิถีพุทธ จะชักชวนเด็กๆ ย่านตลาด พ่อค้า แม่ค้า และผู้ที่สนใจพาครอบครัวไปวัดศิริวัฒนารามที่อยู่ใกล้ชุมชนในวันพระใหญ่ เพื่อเข้าโบสถ์ฟังเทศน์ฟังธรรม และนิมนต์พระที่เข้าใจเด็กมาเทศน์ให้ฟัง

 “ตลาดน้ำลัดมะยม เริ่มต้นจากการคุยของชาวบ้านไม่กี่คน ช่วยกันลงแรงและทุนเท่าที่มี สร้างร้านขายขนม กล้วยทอด ข้าวแกง ฯลฯ ไปตามกำลังทุนที่มี โดยไม่มีการกู้เงินมาลงทุนหรือไม่ต้องไปของบประมาณจากใครมาทำ จนทุกวันนี้ ตลาดน้ำเติบโตจนมีแม่ค้า พ่อค้า กว่า 300 คน และกว่า 80 % เป็นคนในชุมชน มีเงินหมุนเวียนต่อเดือนประมาณ 1-2 ล้านบาท”

 ลุงชวนกล่าวว่า เป้าหมายสำคัญที่ก่อตั้งตลาดน้ำลัดมะยม คือ ต้องการเปลี่ยนวิธีคิดของคนในชุมชนให้รู้จักการพึ่งตัวเอง ให้ชาวบ้านรู้จักสร้างกิจกรรมทางเศรษฐกิจและวางแผนบริหารจัดการด้วยตัวเอง ไม่ใช่รอให้คนอื่นหรือรัฐมาแก้ปัญหา หรือคอยทำอะไรให้ ซึ่งจะช่วยสร้างชุมชนให้กลับมาเข้มแข็ง มีอาชีพในพื้นที่รองรับ คนหนุ่มสาวที่เรียนจบจะสามารถกลับมาทำงานที่บ้านตัวเองได้ ไม่ต้องไปทำงานที่อื่น แค่เปิดร้านขายของเล็กๆ น้อยๆ มีรายได้พอเลี้ยงตัวแต่มีความสุข เป็นการใช้ชีวิตตามหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง เป็นการปูทางไปสู่การมีส่วนร่วมในระบอบประชาธิปไตยที่ถูกต้องและแท้จริง
 เมื่อเปลี่ยนวิธีคิดให้ชาวบ้านรู้จักพึ่งตัวเอง รู้จักรวมกลุ่มกันวางแผนทำมาหากินแล้ว ชาวบ้านจะสามารถออกแบบนักการเมืองที่ต้องการได้ จะไม่เลือกนักการเมืองที่ใช้เงินซื้อเสียงหรือนักการเมืองประเภทสร้างถนนให้ แต่จะเลือกคนที่มีแนวทางการพัฒนาที่สอดรับกับชุมชน สอดรับกับกิจกรรมทางเศรษฐกิจของเขา รู้จักการต่อรอง แจ้งความประสงค์ของชุมชนต่อภาครัฐ ไม่ใช่รอให้ภาครัฐละลายงบประมาณไปกับโครงการที่ไม่ได้เป็นประโยชน์ต่อชุมชน สนใจแลกเปลี่ยนประสบการณ์ ขอข้อมูลได้ที่ลุงชวน โทร.08-9215-2659 หรือ 0-2422-4270