
จี้พัฒนากาแฟสู่มาตรฐานจีเอพีรุกตลาดตปท.
กรมส่งเสริมการเกษตร เร่งปรับปรุงสวนกาแฟเสื่อมโทรม และพัฒนาผลผลิตให้ได้มาตรฐานจีเอพี ลดผลกระทบอาฟตา รุกตลาดต่างประเทศ
นายอรรถ อินทลักษณ์ อธิบดีกรมส่งเสริมการเกษตร กล่าวว่า ตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม ที่ผ่านมาไทยมีพันธกรณีต้องลดภาษีและต้องยกเลิกมาตรการโควต้าภาษีสินค้ากาแฟภายใต้เขตการค้าเสรีอาเซียน (อาฟตา) โดยกาแฟสำเร็จรูปต้องลดภาษีเหลือร้อยละ 0 เมล็ดกาแฟเหลือร้อยละ 5 โดยไทยมีเกษตรกรปลูกกาแฟทั่วประเทศราว 3 หมื่นครัวเรือน เป็นโรบัสต้า ร้อยละ 93 แหล่งผลิตอยู่ภาคใต้ และอาราบิก้าร้อยละ 7 แหล่งผลิตอยู่ภาคเหนือ
เพื่อไม่ให้ผู้ปลูกกาแฟได้รับผลกระทบ ขณะเดียวกันเพิ่มขีดความสามารถการแข่งขันทางการค้า คณะรัฐมนตรีได้เห็นชอบยุทธศาสตร์กาแฟปี 2552-2556 ในการเพิ่มประสิทธิภาพและลดต้นทุนการผลิตด้วยปรับปรุงสวนกาแฟที่เสื่อมโทรม โดยกรมส่งเสริมการเกษตรได้รับสนับสนุนงบจากกองทุนปรับโครงสร้างการผลิตภาคเกษตร มาดำเนินกิจกรรมในแปลงของเกษตรกร จ.ชุมพร และจ.ระนอง
อีกทั้งกรมได้พัฒนาผลผลิตให้ได้มาตรฐานจีเอพี ปี 2553 ได้บูรณาการร่วมกับโครงการส่งเสริมการผลิตสินค้าเกษตรปลอดภัยและได้มาตรฐาน จัดอบรมเกษตรกรเรื่องระบบการผลิตตามมาตรฐาน จีเอพี ให้คำปรึกษาแนะนำและตรวจประเมิน ดำเนินการใน 11 จังหวัด แหล่งปลูกกาแฟสำคัญได้แก่ ชุมพร ระนอง สุราษฎร์ธานี กระบี่ นครศรีธรรมราช เชียงราย เชียงใหม่ แม่ฮ่องสอน น่าน ลำปาง และประจวบคีรีขันธ์
อธิบดีกรมกล่าวอีกว่า เมื่อเสร็จสิ้นโครงการ คาดว่าผลผลิตของเกษตรกรจะเพิ่มขึ้น ทั้งนี้จากสถิติของสำนักงานเศรษฐกิจการเกษตร ปี 2551 จาก 143 กิโลกรัมต่อไร่ เป็น 250 กิโลกรัมต่อไร่ เมื่อผลผลิตเพิ่มขึ้นต้นทุนการผลิตต่ำลง ทำให้โอกาสในการแข่งขันกับกาแฟต่างประเทศเพิ่มขึ้น



