ไลฟ์สไตล์

เพื่อนร่วมทีมกู้ชีพวชิระพยาบาลยันทำหน้าที่อส.ต่อ

เพื่อนร่วมทีมกู้ชีพวชิระพยาบาลยันทำหน้าที่อส.ต่อ

15 พ.ค. 2553

ที่โรงพยาบาลวชิระ เมื่อวันที่ 15 พ.ค. เวลา 16.15 น. เจ้าหน้าที่อาสาสมัครกู้ชีพวชิระพยาบาล กว่า 10 คน ได้รวมตัวกันที่โรงพยาบาลวชิระเพื่อเดินทางไปร่วมงานพิธีศพ นายบุญทิ้ง ปางศิลา เจ้าหน้าที่อาสาสมัครกู้ชีพ วชิระพยาบาล ที่วัดเทวราชกุญชร ย่านเทเวศร์ ที่เสียช

 นายพงศ์ศักดิ์ วรรัตน์ ณ อยุธยา หนึ่งในทีมอาสาสมัครกู้ชีพวชิระพยาบาล กล่าวว่า รู้เสียใจต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ซึ่งนายบุญทิ้งถือเป็นเพื่อนร่วมงานที่ดี จากที่ได้ทำงานร่วมกันมา 1 ปี หลังจากที่ได้ย้ายมาจากหน่วยอื่น ถือได้ว่าเป็นคนที่มีน้ำใจที่จะช่วยเหลือเพื่อนมนุษย์ด้วยกัน เพราะอาสาสมัครกู้ชีพนอกจากเป็นงานที่ช่วยเหลือคนแล้ว ทำด้วยความสมัครใจ ไม่มีรายได้หรือค่าตอบแทนใดๆ แต่เป็นการทำงานเพื่อช่วยสังคม ยอมรับว่างานอาสาสมัครกู้ชีพเป็นงานที่เสี่ยงอันตราย ซึ่งอุปกรณ์ในการป้องกันทั้งหมดต้องซื้อหามากันเอง ไม่มีใครสนับสนุน

 นายพงศ์ศักดิ์ กล่าวต่อว่า นายบุญทิ้งจะประจำอยู่หน่วยเคลื่อนที่เร็ว ซึ่งจะเป็นหน่วยหน้าที่นำออกไปก่อนเพื่อช่วยเหลือผู้บาดเจ็บทันทีที่มีผู้แจ้งมา ซึ่งจะสำรวจดูว่ามีผู้บาดเจ็บ ณ ที่เกิดเหตุจริงหรือไม่ และบาดแผลที่ได้หรือรุนแรงแค่ไหน และจะเป็นหน่วยที่ประสานมายังศูนย์เพื่อที่จะนำรถพยาบาลฉุกเฉินออกไปช่วยเหลือ

 “รู้เสียใจต่อการจากไปของเพื่อนร่วมงาน และไม่คิดว่าจะเกิดขึ้นได้ เพราะเราแต่งตัวด้วยชุดสีขาวชัดเจนถือเป็นสัญลักษณ์  อย่างไรก็ตามแม้ว่าจะมีอาสาสมัครที่เสียชีวิตลงจากการปฏิบัติหน้าที่ แต่พวกเราก็ยังที่จะทำงานในหน้าที่นี้ต่อไป เพราะถ้าหาเราไม่ทำแล้วใครจะทำ” นายพงศ์ศักดิ์ กล่าว

 ด้าน นายมณเฑียรรัตน์ สุขุมโน เพื่อนร่วมงานอาสาสมัครกู้ชีพวชิระพยาบาล กล่าวว่า นายบุญทิ้งได้เข้าไปช่วยเหลือผู้บาดเจ็บในพื้นที่เพียงเดียวหลังจากที่ได้รับแจ้งตอนเวลา 19.00 น. ของวันที่ 14 พ.ค. ที่ผ่านมา ทั้งนี้จากการออกช่วยเหลือผู้บาดเจ็บจากเหตุการณ์ความไม่สงบทางการเมืองตั้งแต่ที่มีการชุมนุมมา ยังไม่มีอาสาสมัครคนใดที่เสียชีวิตหรือแม้กระทั่งได้บาดเจ็บ ซึ่งนายบุญทิ้งถือเป็นรายแรก แต่ทั้งนี้พวกเราก็จะยังคงทำงานอาสาสมัครต่อไปเท่าที่สามารถทำได้ เพราะหากถ้าเราไม่ทำก็คงไม่มีใครทำเช่นกัน

 ขณะที่ นายวีระ ยิ้มย่อง รุ่นน้องที่เข้าเป็นอาสาสมัครกู้ชีพวชิระพยาบาล ซึ่งยังเรียนอยู่ชั้นมัธยมปีที่ 6 กล่าวยอมรับว่า รู้สึกกลัวเหมือนกันหลังจากที่มีรุ่นพี่ถูกยิงในขณะที่เข้าช่วยเหลือ แต่ก็ยังจะทำหน้าที่ต่อไป เพียงแต่การทำงานหลังจากนี้คงต้องระมัดระวังตัวเองมากขึ้น เพราะไม่เคยคิดว่าจะมีเหตุการณ์แบบนี้ ทั้งนี้ในวันนี้ได้มีคำจากศูนย์ปฏิบัติการสั่งห้ามเข้าพื้นที่สีแดงเด็ดขาดแล้ว โดยให้รอรับผู้บาดเจ็บเพียงรอบนอกตามจุดที่กำหนดไว้เท่านั้น ซึ่งจะมีทหารเป็นผู้นำผู้บาดเจ็บออกจากพื้นที่มาส่งเอง