ไลฟ์สไตล์

 "สไนเปอร์"คำตอบสุดท้าย...เสธ.แดง

"สไนเปอร์"คำตอบสุดท้าย...เสธ.แดง

15 พ.ค. 2553

ตั้งแต่หัวค่ำวันวาน (13 พฤษภาคม 2553) ถึงวันนี้เจ้าหน้าที่กองพิสูจน์หลักฐาน (พฐ.) และสำนักงานนิติวิทยาศาสตร์ ก็ยังไม่สามารถเข้าไปเก็บหลักฐานหรือตรวจหาวิถีกระสุนลอบยิง พล.ต.ขัตติยะ สวัสดิผล หรือเสธ.แดง ผู้ทรงคุณวุฒิกองทัพบก ณ ลานอนุสาวรีย์ ร.6 สวนลุมพินีไ

 ดังนั้น ปริศนาดำมืดที่ว่าใครเป็นคนยิง ยิงมาจากไหน จึงอยู่นอกเหนือความหยั่งรู้และยากต่อการลงความเห็นอย่างสิ้นเชิง !?!

 นับตั้งแต่มีการชุมนุมของกลุ่มคนเสื้อแดงยืดเยื้อยาวนานร่วม 2 เดือน มีข่าวกระเซ็นกระสายออกมาเป็นระยะๆ ว่าจะมีการลอบสังหารแกนนำเสื้อแดง และตัวเสธคนดังเองก็ตระหนักดีในข่าวนี้ หรืออาจจะรู้ดีถึงขั้นว่าอาจจะเป็นตัวเขาเองด้วยซ้ำไป

 ไม่มีการยืนยันแหล่งที่มาของข่าว แต่ในแวดวงคนในเครื่องแบบทั้งสองสีก็มีการพูดถึงหนาหู

 การปลีกตัวออกจากกองทัพและประกาศความเป็นศัตรูกับผู้นำกองทัพอย่างเด่นชัดของเสธ.แดง สร้างความไม่พอใจให้ใครหลายๆ คน หลากหลายกลุ่ม ทั้งแวดวงสีกากีที่กำลังแสวงหาอำนาจแบบก้าวกระโดด กลุ่มคนที่ขัดเคืองใจที่เสธ.แดงทำให้กองทัพเสื่อมเสียอย่างไม่เคยปรากฏมาก่อน รวมถึงการเสียชีวิตของ พ.อ.ร่มเกล้า ธุวธรรม รองเสธ.พล.ร.2 รอ.จากเหตุการณ์มิคสัญญี 10 เมษา 53

 หลังผ่านเหตุการณ์ครั้งนั้น ว่ากันว่าในกลุ่มพี่น้องและผองเพื่อนที่มีความสนิทสนมกับ พ.อ.ร่มเกล้า ถึงกับเปรยด้วยความเคียดแค้นและครึกโครมว่า "เพื่อนต้องไม่ตายฟรี"

 ด้วยเหตุนี้เลยทำให้เสธ.แดงที่ถูกมองว่าเป็นคนอยู่เบื้องหลังเหตุการณ์ครั้งนั้นเพิ่มความระวังตัวมากยิ่งขึ้น ยิ่งหลังจาก "เมธี อมรวุฒิกุล" หนึ่งในกลุ่มฮาร์ดคอร์ถูกจับกุมออกมาแฉแผนการวันมิคสัญญี แล้วปรากฏชื่อเสธ.แดงถูกโยงเข้าไปเกี่ยวข้องในฐานะผู้สั่งการ นายทหารคนดังก็ยิ่งเพิ่มมาตรการป้องกันรัดกุมมากกว่าครั้งไหนๆ

 ภาพที่ครั้งหนึ่งเคยเดินไปไหนมาไหนได้อย่างอิสรเสรี ด้วยท่าทีผึ่งผายทะนงตน แม้จะถูกออกหมายจับหลายใบ แต่เขาก็ไม่เคยเกรงกลัวใคร มาบัดนี้เสธ.แดงเลือกที่จะคลุกอยู่ใจกลางม็อบ

 ยามว่างก็เดินตรวจตราความเรียบร้อยๆ บริเวณรอบกลางจุดชุมนุม พร้อมกับไปแวะเวียนให้กำลังใจบรรดาการ์ดเสื้อแดงและกลุ่มผู้ชุมนุมที่หลงใหลได้ปลื้มในตัวของเขา

 ท่ามกลางปัญหาคาราคาซังระหว่างรัฐบาลกับแกนนำเสื้อแดง ไม่อาจหาบทสรุปร่วมกันได้ มีกระแสข่าวเล็ดลอดออกมาอีกเป็นระลอกๆ ว่าจะมีปฏิบัติการเด็ดหัวแกนนำเพื่อยุติปัญหา

 ข่าวโคมลอยที่ว่าลือหนักถึงขั้น "นายหญิง" แบ่งสันปันส่วนกระจายท่อน้ำเลี้ยงไปให้ทหารมะเขือเทศ เพื่อให้ปฏิบัติการเด็ดหัวแกนนำ หวังป้ายสีให้รัฐบาลหมดความชอบธรรมในการบริหารประเทศ จนเกิดการยุบสภาแล้วเสนอตั้งรัฐบาลแห่งชาติ

 แล้วข่าวเช่นนี้มีหรือที่คนอย่างเสธ.แดงจะไม่ระแคะระคาย ?!!

 มีปฏิบัติการลับๆ เกิดขึ้นก่อนหน้าวันที่ 13 พฤษภาคมราว 2-3 วัน มีการสนธิกำลังกัน 2 หน่วยงานให้วางกำลังสำหรับปฏิบัติภารกิจดูแลความปลอดภัยในมุมสูง

 แต่แล้ววันที่ 13 พฤษภาคม ก็มีความเคลื่อนไหวตลอดทั้งวัน โดยศูนย์อำนวยการแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉิน (ศอฉ.) ออกมาประกาศมาตรการกดดันผู้ชุมนุมที่แยกราชประสงค์ ทั้งปิดการจราจร 4 เส้นทางเกิดเป็นสี่เหลี่ยมขนาดใหญ่ที่มีกลุ่มผู้ชุมนุมอยู่ใจกลาง

 ขณะเดียวกันก็มีการตัดน้ำ ตัดไฟ และตัดสัญญาณโทรศัพท์ มีการเสริมบังเกอร์และด่านสกัดในหลายจุด พร้อมทั้งขอความร่วมมือให้บริษัทห้างร้านในละแวกข้างต้นปล่อยพนักงานกลับบ้านก่อนกำหนด

 ช่วงหัวค่ำผู้สื่อข่าวต่างประเทศขอสัมภาษณ์ พล.ต.ขัตติยะ และเขาก็ยินยอมเลือกจุดให้สัมภาษณ์บริเวณหน้าพระบรมราชานุสาวรีย์ รัชกาล 6 นั่นคือความผิดพลาดเพียงครั้งเดียวของทหารนักรบ และมันก็มากพอที่จะทำให้เขาได้รับบาดเจ็บปางตาย

 ลานพระบรมราชานุสาวรีย์ รัชกาล 6 เป็นสถานที่เปิดโล่ง เสธ.แดงยืนหันหลังให้พระบรมราชานุสาวรีย์ ด้านซ้ายเป็น รร.ดุสิตธานี ด้านขวาเป็นห้างสรรพสินค้าโรบินสัน เขาถูกลอบยิงกระสุนเข้าขมับซ้ายทะลุขวา

 แม้ในชั้นนี้เจ้าหน้าที่ พฐ.และสำนักงานนิติวิทยาศาสตร์จะยังเข้าพื้นที่ไปตรวจหาวิถีกระสุนไม่ได้ แต่จุดที่เป็นไปได้ที่คนร้ายซุ่มยิงนั้นน่าจะอยู่ที่ "บนสะพานลอย" ข้ามถนนพระราม 4 เลย รร.ดุสิตธานี ไปเล็กน้อย

 นั่นน่าจะเป็นยุทธภูมิที่เหมาะสมที่สุด หากว่าใครคนหนึ่งจะคิดร้ายต่อใครคนใดก็ตามที่ออกมายืนเด่นอยู่หน้าลานพระบรมราชานุสาวรีย์ รัชกาล 6 !?!

 หลังเกิดเหตุมีคนเก็บปลอกกระสุนขนาด .223 ที่สามารถใช้ได้กับปืนเอ็ม 16 ด้วย แต่ชนิดที่พบน่าจะเป็นแบบชนิดพิเศษที่ใช้กับปืนไรเฟิล ที่มีความเร็วค่อนข้างสูง อานุภาพรุนแรง ระยะหวังผล 250 เมตร

 โดยคนร้ายน่าจะวางปืนพาดกับราวสะพานที่มีสแลนสีดำปกคลุมอำพรางอยู่ เล็งผ่านกล้องกำลังขยายสูง อาศัยช่วงที่มีเสียงอาวุธปืนดังขึ้นหลายนัดแล้วลงมือ "ลั่นไก" ระหว่างเสธ.แดงกำลังยืนให้สัมภาษณ์  

 แม้ไม่ต้องใช้ผู้เชี่ยวชาญ แต่ระยะทางระหว่างสะพายลอยกับลานพระบรมราชานุสาวรีย์ รัชกาล 6 อยู่ราวๆ 200 เมตร อันเป็นระยะหวังผลของปืนชนิดนี้ ที่สำคัญคนร้ายทำงานกันเป็นทีม มีคนคอยชี้เป้าเหมือนกับทีมสังหารอาชีพ !?!

 ทันทีที่เสธ.แดงทรุดฮวบลงกับพื้น พร้อมกับเลือดไหลทะลักออกจากบาดแผล สร้างความตื่นตระหนกแก่นักข่าวชาวต่างชาติที่กำลังยืนสัมภาษณ์อยู่ นักข่าวไทย และคนใกล้ชิด ต่างช่วยกันนำร่างหมดสติขึ้นรถส่งโรงพยาบาล

 ละแวกนั้นแวดล้อมไปด้วยโรงพยาบาลใหญ่ ทั้ง รพ.จุฬา รพ.ตำรวจ หรือแม้แต่ รพ.พระมงกุฎ ที่อยู่ห่างออกมา แต่คนใกล้ชิดหลีกเลี่ยง ด้วยเกรงว่าจะเกิดปัญหาในภายหลัง จึงตัดสินใจนำส่ง รพ.หัวเฉียว

 และเมื่อญาติพี่น้องเสธ.แดงมาถึงโรงพยาบาลจึงติดต่อทีมแพทย์จากวิทยาลัยแพทยศาสตร์กรุงเทพมหานครและวชิรพยาบาล เดินทางมารับตัวเสธ.แดงไปรักษาต่อที่ รพ.วชิระ จนถึงขณะนี้อาการก็ยังโคม่า

 หลังเหตุลอบยิงเหตุการณ์ก็บานปลายเกือบจะกลายเป็นสงครามกลางเมือง โดยทุกคนลืมข้อเท็จจริงหนึ่งไปถนัดใจ คือ ใครกันแน่เป็นคนอยู่เบื้องหลัง และยังไม่ทันจะได้พิสูจน์หาความจริง ทั้งสองฝ่ายก็เผชิญหน้าเข้าห้ำหั่นกันทันที