
พึ่งตนพึ่งธรรมวันพระ-สมการธรรมะ...สไตล์บุญชัยโกศลธนากุล
การนำธรรมะมาอธิบายให้ผู้คนเข้าใจเพื่อนำมาใช้กับชีวิตและงาน เป็นอีกความสามารถของ ดร.บุญชัย โกศลธนากุล กรรมการผู้อำนวยการ สถาบันพัฒนาภาษา Fast English
นอกจากเป็นเจ้าของสถาบันสอนภาษายังเป็นวิทยากรบรรยายในต่างๆ จัดรายการวิทยุ CEO Vision คลื่นเอฟเอ็ม ๙๖.๕ ทุกวันอาทิตย์เวลา ๐๙.๐๐-๑๐.๐๐ น. และหนึ่งในผู้เขียนหนังสือ จริต ๖ ศาสตร์ในการอ่านใจคน มียอดจำหน่ายกว่าแสนเล่ม
เขาเป็นคนเรียนเก่งสมาธิดีตั้งแต่เด็ก ได้ทุนจากองค์กรระหว่างประเทศนับครั้งไม่ถ้วน เรียนจบปริญญาเอกจากอเมริกา ซึ่งการเรียนเป็นเรื่องง่ายๆ สำหรับเขา แต่เรื่องพุทธธรรมเป็นเรื่องที่ลึกซึ้ง เขาศึกษาจนคิดว่าตัวเองบรรลุ แต่พบว่าตัวเองกำลังจะบ้า จนในที่สุดค้นพบจุดสมดุลของชีวิต โดยมีธรรมะนำทาง...
ก่อนจะมาถึงจุดนี้อาจารย์เป็นคนเรียนเก่งและได้ทุนมากมายเคยตกอยู่ในภาวะหลงตัวเองบ้างไหม
ผมเป็นคนเรียนเก่งสมาธิดีมาก ผมสวดมนต์คาถาชินบัณชรวันละ ๙ ครั้งเคยได้ทุนระหว่างประเทศ ๑๗ ทุน เรียนจบมหาวิทยาลัยดังๆ แต่ทำไมชีวิตไม่ค่อยมีความสุข ก็เลยถามตัวเองว่า นี่คือสิ่งที่เราแสวงหาหรือ
ตอนไปเรียนเมืองนอกผมได้ไปอ่านหนังสือวิสุทธิมรรค แนวทางปฏิบัติกรรมฐาน ๔๐ แบบ เขียนโดยพระศรีลังกา และได้อ่านกาลามสูตร คือ อย่าเชื่อตามที่ทำต่อๆ กันมา อย่าเชื่อเพราะเป็นศาสดา ...ผมเข้าสู่ธรรมะโดยบังเอิญ แต่ไม่ว่าจะฝึกสมาธิระดับญาณ ก็ยังไม่มีความสุข พยายามศึกษาให้ลึกขึ้น ผมปฏิบัติกับพระอาจารย์มหาเหรียญ ธนลาโภ วัดป่าธรรมชาติ เมืองลาพวนเต แคลิฟอร์เนีย และพระไทยอีกหลายรูป
ผมเคยตกอยู่ในความหลงยึดมั่นถือมั่น จับผิดคนอื่นตลอดเวลา คิดว่าตัวเองเก่ง เพราะอ่านหนังสือเยอะ รู้ไปทุกอย่าง ฝึกจนได้สมาธิสูง รวมจิตได้ เวลาเรียนหนังสือจำได้หมด ทำให้เราอวดดี ถือเนื้อถือตัว
รู้ว่าเดินทางผิดตอนไหนคะ
ก็เกือบบ้านึกว่าบรรลุเป็นพระอรหันต์ ตอนนั้นกำลังเรียนปริญญาเอกในอเมริกา เจ้าอาวาสวัดไทยแต่ละองค์บอกว่า โยมเป็นฆราวาสที่ปฏิบัติบรรลุมรรคผลสูงมาก ทำให้ฮึกเหิม และรู้ว่าอารมณ์ผู้บรรลุเป็นอย่างไร ตอนนั้นหลงแรงมาก เกือบหลุดโลก
แต่ทำไมข้างในร้อนรุ่มจนได้สนทนากับพระอาจารย์มหาเหรียญเพื่อให้เช็กภาวะจิต ท่านบอกว่า จิตเหมือนผ้าดำเปื้อนน้ำมัน แค่นั้นแหละ...โกรธ จนได้รู้ตัวว่า ถ้าเราบรรลุธรรม ก็ไม่น่าจะโกรธ
ที่บอกว่าเกือบบ้าเป็นอย่างไรคะ
รู้เลยว่าคนบ้าคิดยังไงย้ำคิดย้ำทำ และเชื่อจริงๆ ว่าสิ่งที่ตัวเองทำถูก ต้องการบังคับโลกตามที่ตัวเองต้องการ ลึกๆ แล้วรู้ว่าไม่ใช่ แต่ความคิดมาแรง ตอนนั้นฝึกสมาธิวันละ ๗-๘ ชั่วโมงไม่เรียนแล้ว เพราะเป็นอาจารย์ จะบ้าก็เพราะความคิด ความคิดเป็นเรื่องน่ากลัวมาก
ตอนนั้นพฤติกรรมไม่ปกติแต่คุมไม่ได้ สติก็มีน้อย ยังจำอารมณ์นั้นได้ ถ้ามีสติต้องรู้เนื้อรู้ตัวและควบคุมได้ แต่อาการเกือบบ้า เหมือนหมดความหวังในชีวิต และรู้ว่ากำลังเดินตกเหว มีอารมณ์กลัว แต่ยังรักตัวเอง เหมือนติดยา แต่ผมไม่ได้ติดยานะ เหมือนคนหมกมุ่นกับตัวเองทั้งวันทั้งคืน แล้วจำได้หมดว่าพระอรหันต์ต้องมีบุคลิกอย่างไร ตอนนั้นรู้จริงๆ ว่าคนบ้าเป็นอย่างไร
แล้วกลับสู่ภาวะปกติได้อย่างไร
เรื่องของการฝึกญาณน่ากลัวมากเพราะเหตุนี้จึงต้องมีพระคุม แต่ถ้าฝึกแค่สติปัฏฐาน ๔ ไม่ต้องมีคนคุม เหมือนน้ำที่ค่อยๆ หยดลงขวด ผมเห็นผู้ปฏิบัติธรรมบางคน ยิ่งปฏิบัติยิ่งเศร้าหมอง เบื่อหน่ายโลก นั่นเป็นแค่กะพี้ ถ้าปฏิบัติเป็นจะรู้สึกผ่องใส ถ้าเมื่อใดรู้สึกเบื่อหน่ายนั่นมาจากความคิด สรรพสิ่งในโลกนี้ ทุกข์เพราะความคิด ความคิดทำให้เกิดอารมณ์ สมการอันนี้ไม่ค่อยมีคนพูด ภาษาพระชอบพูดว่า จิตมันไม่ชัด ถ้าพูดชัดๆ คือ ถ้าไม่ควบคุมความคิด ก็ก่อให้เกิดอารมณ์ ไม่บวกก็ลบ จะไม่มีความสุขจริงๆ แต่ถ้าเป็นเรื่องความรู้สึกก็คือจิต
ผมได้ศึกษาจากเทปธรรมะของหลวงปู่เหรียญวรลาโภ วัดอรัญบรรพต หนองคาย ท่านพูดประโยคหนึ่งที่ผมจำมาตลอดว่า ความคิดไม่ใช่จิตจิตไม่ใช่ความคิด ความรู้สึกคือจิต จิตคือความรู้สึก
เพราะเกจิอาจารย์เตือนสติทำให้อาจารย์ปรับเปลี่ยนความเข้าใจให้ถูกต้องมากขึ้น?
ตอนนั้นพระอาจารย์ถามว่าฝึกแบบไหนมา พวกนักคิดชอบสงสัย เป็นพวกกำลังความคิดแรง ต้องกลับมาที่ฐานอารมณ์ ทำจิตให้เบา ท่านให้ทิ้งความคิด เพื่อไม่ให้จิตกระเพื่อม ตอนนั้นเหมือนคนป่วย ต้องพักฟื้น และต้องปล่อยวางก่อน
ดูเหมือนอาจารย์จะสนใจธรรมะมากกว่าวิชาทางโลก
วิชาทางโลกเรียนง่ายมากผมได้ เอ บวก ตลอด เพราะกำลังสมาธิ มองอะไรก็เห็นทะลุ เพราะคนให้โอกาส เมตตาเรา และเรามีพื้นฐานเรื่องนี้อยู่แล้ว
เคยขัดแย้งกับใครบ้างไหม
ตอนกลับมาเมืองไทยอยู่กระทรวงต่างประเทศและอีกหลายแห่ง ตอนนั้นฝึกได้แค่สมถะวิปัสสนา แล้วคิดว่าดี เก่งและแน่ นั่นยังเป็นแค่ความคิด ผมยังดักความคิดไม่เป็น มีปัญหาตลอด และรู้สึกว่าไม่ใช่ชีวิตที่ต้องการ ตอนนั้นยังรุ่มร้อน ยังต้องการให้คนชื่นชม เราไม่รู้จะคุมความคิดยังไง พระบอกว่าสอนไม่ได้ สมัยพุทธกาล พระพุทธองค์เก่งในเจโตปริยญาณ มองทะลุจริตคน ผมเขียนไว้ในจริต ๖ ถ้าจิตพร้อมจะคลิกทันที
ธรรมะถ้าใช้ผิดจะอันตรายเหมือนซื้อยาไม่ถูกโรค คนส่วนใหญ่ที่ปฏิบัติมีปัญหาเพราะจุดนี้ พระพุทธองค์บอกว่า ธรรมะคือ โอสถ แต่บางคนศึกษาไม่ถูกทาง ปฏิบัติธรรมแล้วอัตตาแรงชอบตัดสินว่า คนนั้นคนนี้ถูกหรือผิด จริงๆ แล้วเมื่อรับรู้แล้วปล่อยวาง ถ้าต้องพูดก็พูด ถ้าฝึกจนถึงขั้นสูงจะเห็นความงามของพุทธธรรม ปรับสภาวะตามความเป็นจริง ไม่ได้ปรับตามความคิด
ธรรมะ...ถ้าใช้ผิดอันตรายอย่างไรคะ
ต้องส่องในไม่ส่องนอก หลวงปู่ดุลย์ที่ผมนับถือบอกไว้ว่า จิตที่ส่งออกคือ สมุทัย ผลของจิตที่ส่งออกคือ ทุกข์ อย่างผมกำลังพูดกับคุณ ผมพูดจากความคิด แต่อีกส่วนผมก็ต้องส่องใน
คำว่ารูป สังเกตได้ด้วยตาหู จมูก ลิ้น และกาย นั่นเป็นเรื่องเด็กๆ จริงๆ แล้ว รูป รวมความคิด ด้วยซึ่งพระพุทธองค์บอกว่ามี ๖ ฐาน ดังนั้นต้องมองดูอารมณ์ แต่ไม่มองความคิด ถ้ามองความคิดจะบ้า เพราะเหวี่ยงไปเรื่อย เหมือนที่ผมจะบ้าเพราะไปเห็นความคิด ตอนนั้นผมปรุงแต่ง
ความยากก็คือการคุมความคิด
ผมฝึกกับเกจิอาจารย์แต่ก็ยังคุมไม่อยู่ ๑๐ ปีที่แล้วผมเริ่มฝึกดูอารมณ์ ซึ่งเหมาะมากกับคนยุคปัจจุบัน ฐานกายผมฝึกกับคุณแม่สิริ กรินชัย แต่ควบคุมความคิดไม่ได้ แนวทางแบบนั้นเหมาะกับพวกโมหะจริตที่ซึมๆ เบื่อๆ ปลุกให้ตื่น ถ้าเป็นนักคิด ตัวที่ปราบปรามได้ต้องดูอารมณ์ด้วยการส่องใน ต้องถามตัวเองเรื่อยๆ ว่า สุขหรือทุกข์หรือเฉยๆ
พอเริ่มส่องในอาจารย์เห็นอารมณ์ตัวเองอย่างไรคะ
ตอนออกจากงานที่กระทรวงต่างประเทศกำลังจะไปเป็นอาจารย์ที่คณะรัฐศาสตร์ จุฬาฯ เราคิดว่า เราเก่งมาก สอนเมืองนอก ๔-๕ ปี ปรากฏว่า เขาไม่รับ แล้วบอกว่าภาษาอังกฤษไม่ดี ผมรับเรื่องนี้ไม่ได้ ผมร้องไห้ เจ็บใจ ตอนนั้นรู้เลยว่าทุกข์ เพราะเราชอบคุมโลก เราไปคิดเองว่า สถาบันการศึกษาไม่ควรมีเรื่องการเมือง ซึ่งเป็นเรื่องความคิดของเรา
ถ้าเราปฏิบัติถูกจะรู้เนื้อรู้ตัว พลังจิตที่เกิดขึ้นจะเหนือความคิด ไม่ว่าปฏิบัติสำนักใดก็ตาม ต้องจบลงด้วยความรู้สึก คนที่ยืนยันคือ หลวงปู่เหรียญ วรลาโภ บอกว่า จิตคือความรู้สึก ความรู้สึกจึงว่องไวมาก มีเมตตาและปัญญา เมื่อปฏิบัติเข้าใจแล้ว ตัวจิตจะเป็นปัญญา พระพุทธเจ้าบอกว่า มหาสติปัฏฐานสี่เป็นทางลัด
ต้องฝึกคุมความคิดอย่างไรคะ
เราไม่คุมความคิดแต่เราจะปลุกสติให้ตื่น ทำให้เข้มข้น เมื่อมีสติระบบหนึ่ง ก็จัดการกับนิวรณ์ห้า ที่ลึกกว่านั้นคือ จัดการกับตัวกูของกู ต้องใช้ตัวปัญญา คืออนิจจัง ทุกขัง อนัตตา แต่ละคนใช้ไม่เหมือนกัน
พวกที่ชอบบังคับโลกลองหันมาทำความเข้าใจกับ อนัตตา โลกเป็นไปตามเหตุและปัจจัยถ้าเข้าใจก็จะเบา ส่วนพวกยึดมั่นถือมั่น ต้องหันมามองเรื่องทุกข์ พวกมีงานมากมายชีวิตวุ่นวายตลอด ก็ต้องรู้จักคำว่า อนิจจัง
การนำธรรมะมาใช้ต้องสอดคล้องกับจริตของคนคนนั้นด้วย
เอาง่ายๆทุกสิ่งในโลกนี้ ไม่ได้เกิดจากสุญญากาศ มีเหตุปัจจัยที่ทำให้เกิด พุทธธรรมลึกซึ้งมาก ไม่ใช่แค่การสมาทานศีล ๕ จะทำความดีต้องขออนุญาตพระ ซึ่งตลกมาก แต่พิธีกรรมประเพณีต้องมี เพื่อดึงให้คนเข้ามาปฏิบัติ อย่างไรก็ตามควรมองพุทธศาสนาให้ลึกซึ้ง เพราะเป็นอภิปรัชญาเปลี่ยนคนได้
นำมาปรับใช้กับชีวิตอย่างไรคะ
คนเราเกิดมาต้องมีความสุขที่เราทำมาหากิน หรือเรียนก็เพื่อความสุข แต่ความสุขไม่ได้เกิดขึ้นตามธรรมชาติ ต้องมีหลักการดำรงชีวิต เพราะจิตใจมนุษย์เป็นโรคจิตอ่อนๆ คือ ข้อ ๑.มีความอยากตลอดเวลา อยากมี อยากเป็น อยากได้ ถ้าไม่มีความอยากก็มี ข้อ ๒.ความโกรธอาฆาต หรือไม่ก็ ข้อ ๓.ความเบื่อหน่ายในชีวิต เมื่อไม่ได้สิ่งที่ตัวเองต้องการก็เบื่อ รวมถึงข้อ ๔.ความฟุ้งซ่าน และข้อ ๕.ย้ำคิดย้ำทำ อันนี้น่ากลัวมาก
ทั้ง๕ ข้อ ทำให้ผมสนใจพุทธศาสนา พระพุทธเจ้าเรียกว่านิวรณ์ ๕ ถ้าองค์ประกอบนี้เกิดขึ้นในจิตใจจะหาความสุขไม่ได้ พระพุทธเจ้าเปรียบจิตเหมือนน้ำ ถ้าอะไรตกลงไปก็มองไม่เห็น เพราะจิตมีตัณหา เวลาเราโกรธเกลียดใคร ก็เหมือนน้ำกำลังเดือดและร้อน มองอะไรไม่ชัด จนเกิดความทุกข์ หรือเวลาเบื่อหน่ายโลกก็เหมือนน้ำที่มีสาหร่าย เวลาเราฟุ้งซ่าน ก็เหมือนน้ำที่กระเพื่อมตลอดเวลา เราทุกข์เพราะนิวรณ์ ๕ แต่คนส่วนใหญ่ไม่เคยดูสภาวะจิตตัวเอง ไม่รู้ว่านิวรณ์ตัวไหนกระหน่ำในใจ ถ้าเรารู้ก็แก้ได้ด้วยอริยสัจ ๔
ในฐานะผู้บริหารมีวิธีการปกครองลูกน้องอย่างไรคะ
ต้องสอนทางโลกก่อนเวลาจะสอนใคร ก็ต้องดูภาวะอารมณ์ของเขาด้วย ธรรมชาติร่างกายมนุษย์ต้องกินอาหาร จิตก็เหมือนกัน ต้องมีกำลังสมาธิเป็นอาหาร ทุกวันนี้ที่เรามองสิ่งต่างๆ ไม่เป็นตามความเป็นจริง เพราะเราไม่เคยฝึกสมาธิ แต่สมาธิอย่างเดียวไม่ได้ เพราะความคิดเจือไปด้วยกิเลส ตัณหา อุปาทาน
พระพุทธเจ้าสอนให้เอาจิตออกจากความคิดเพราะความคิดครอบงำจิตใจ มนุษย์จึงทุกข์เพราะถูกกิเลสกระชาก พุทธธรรมสอนให้เรารู้เนื้อรู้ตัว รู้ภาวะจิตใจ มองเห็น ฟังได้ยิน สัมผัสรู้สึก พูดแล้วรู้ว่าพูดอะไร เมื่อสติปรากฏชัด จิตอยู่เหนือความคิด ก็จะรู้เหตุ รู้ผล รู้ตน รู้เวลา รู้สถานที่ ทำให้อยู่รอดได้ พุทธธรรมทำให้คนมีความสุขทุกสภาวะ
เพ็ญลักษณ์ ภักดีเจริญ