
เตือนใช้สารหล่อลื่นทาถุงยางเสี่ยงทำลายคุณภาพ-แนะใช้เจลลี่
กรมวิทย์เผยใช้สารหล่อลื่นไม่ถูกต้องทาถุงยางอนามัย เสี่ยงทำลายคุณภาพทำให้ถุงยางอนามัยแตกขาดง่าย ไม่สามารถป้องกันโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์-การตั้งครรภ์ได้ ควรเลี่ยงใช้เบบี้ออยล์, วาสลีน,น้ำมันทาผิว, น้ำมันพืช แนะใช้เค-วาย เจลลี่, คิว-ซี เจลลี่, กลีเซอรีน
นพ.จักรธรรม ธรรมศักดิ์ อธิบดีกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ เปิดเผยว่า สำนักรังสีและเครื่องมือแพทย์ กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ ได้ทดสอบคุณภาพของถุงยางอนามัยแบบผิวเรียบขนาด 49 มิลลิเมตร 1 ยี่ห้อ 2 รุ่นการผลิต เพื่อทดสอบค่าความดันและปริมาตรขณะแตก ซึ่งเป็นค่าที่แสดงให้เห็นถึงคุณสมบัติของเนื้อยางเกี่ยวกับความเหนียวและความยืดตัวของยาง โดยนำถุงยางอนามัยมาทาด้วยสารหล่อลื่น ทิ้งไว้ 10 นาที และ 30 นาที แล้วนำมาเปรียบเทียบกับตัวอย่างควบคุม ซึ่งเป็นตัวอย่างถุงยางอนามัยรุ่นเดียวกันที่ไม่ได้ทาอะไร และเปรียบเทียบผลตามเกณฑ์ที่กำหนด พบว่าถุงยางอนามัยที่ทา เค-วาย เจลลี่และถุงยางอนามัยที่ทาบอดี้ โลชั่น ซึ่งมีกลีเซอรีนเป็นส่วนประกอบ มีค่าความดันและปริมาตรขณะแตกที่ไม่แตกต่างไปจากตัวอย่างควบคุมและมีค่าเป็นไปตามเกณฑ์ที่กำหนด
ส่วนถุงยางอนามัยที่ทาเบบี้ออยล์ที่มีน้ำมันแร่เป็นส่วนประกอบ พบว่าค่าความดันและปริมาตรขณะแตกต่ำกว่าตัวอย่างควบคุมและมีค่าต่ำกว่าเกณฑ์ที่กำหนดร้อยละ 50 ส่วนถุงยางอนามัยที่ทาวาสลีน อินเทนซีฟ แคร์ ซึ่งมีปิโตรเลียม เจลลี่ เป็นส่วนประกอบ พบมีค่าไม่ต่ำกว่าเกณฑ์กำหนด แต่มีค่าลดลงจากตัวอย่างควบคุมร้อยละ 27 ส่วนถุงยางอนามัยที่ทาน้ำมันพืช พบมีค่าต่ำกว่าเกณฑ์กำหนดร้อยละ 25 และมีค่าลดลงจากตัวอย่างควบคุมร้อยละ 42
“หากผู้ใช้ถุงยางอนามัยต้องการทาสารหล่อลื่นเพิ่ม ควรใช้สารหล่อลื่นที่ละลายได้ในน้ำ เช่น เค-วาย เจลลี่, คิว-ซี เจลลี่, กลีเซอรีน ไม่ควรใช้สารหล่อลื่นที่ละลายในน้ำมัน เช่น เบบี้ออยล์, วาสลีน, น้ำมันทาผิว, น้ำมันพืช ซึ่งมีความเสี่ยงมากในการทำลายคุณภาพถุงยางอนามัย ทำให้ถุงยางอนามัยแตกขาดง่ายขึ้น ไม่สามารถป้องกันโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์หรือป้องกันการตั้งครรภ์ได้” นพ.จักรธรรมกล่าว
นายสุรศักดิ์ ปริสัญญกุล ผอ.สำนักรังสีและเครื่องมือแพทย์ กล่าวว่า ปี 2552 กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ ร่วมกับสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา สุ่มเก็บตัวอย่างถุงยางอนามัยจากร้านค้า โรงพยาบาล หน่วยราชการต่างๆ และตัวอย่างที่ส่งจากกรมควบคุมโรค รวม 461 ตัวอย่าง เพื่อทดสอบคุณภาพถุงยางอนามัย พบว่ามีคุณภาพเข้ามาตรฐานเป็นไปตามเกณฑ์ที่กำหนดถึงร้อยละ 99.3 ทั้งนี้ โดยทั่วไปถุงยางอนามัยจะมีการเติมสารหล่อลื่นอยู่แล้ว