ไลฟ์สไตล์

มุมมองใหม่-เบญจลักษณ์การเรียนรู้ปั้นเด็กดี-เก่ง-มีความสุข

มุมมองใหม่-เบญจลักษณ์การเรียนรู้ปั้นเด็กดี-เก่ง-มีความสุข

04 พ.ค. 2553

เป้าหมายหลักของปฏิรูปการศึกษาตาม พ.ร.บ.การศึกษาแห่งชาติ พ.ศ.2542 คือ "การพัฒนาเด็กไทยให้เป็นคนดี คนเก่งและมีความสุข" แต่ละโรงเรียนต่างยึดเป้าหมายนี้เป็นหลักชัยในการจัดการศึกษา แต่ใช้วิธีการแตกต่างกันออกไป โดยโรงเรียนบ้านนายผล (แม้นสุวรรณอุปภัมภ์) สำนักงา

 ผอ.อรพรรณ ณ บางช้าง ผอ.โรงเรียน บอกถึงเป้าหมายการจัดการศึกษาว่า โรงเรียนมุ่งพัฒนาเด็กอนุบาล-ป.6 ที่มีกว่า 600 คน ให้เป็นไปตามนโยบายการศึกษาของ กทม.คือ ให้เป็นคนดี มีคุณธรรม ใฝ่รู้ ใฝ่เรียน มีความคิดสร้างสรรค์และเรียนอย่างมีความสุขผ่านการเรียนการสอนในวิชาต่างๆ ด้วยกิจกรรมหลากหลาย เช่น การเป็นโรงเรียนวิถีพุทธ การเรียนวิชาวิทยาศาสตร์

 โดยเปิดโลกการเรียนรู้ของเด็ก ด้วยการนำเด็กออกไปหาความรู้ในโลกกว้างแทนการเรียนแต่ในห้องเรียน เช่น เมื่อเรียนเรื่องสัตว์ก็พาไปทัศนศึกษาสวนสัตว์เขาเขียว พิพิธภัณฑ์สัตว์ทะเล ที่มหาวิทยาลัยบูรพา รวมทั้งมีโครงการนักวิทยาศาสตร์น้อยสนับสนุนให้นักเรียนเข้าแข่งขันวิทยาศาสตร์ระดับเขต เพื่อรับรางวัลจากสำนักการศึกษา กทม.

 ครูบรรชา มุสิกานนท์ วัย 58 ปี ครูต้นแบบวิชาสร้างเสริมประสบการณ์ชีวิต (สปช.) ปี 2544 ของสำนักงานเลขาธิการสภาการศึกษา (สกศ.) และครูสอนวิชาวิทยาศาสตร์ชั้น ป.4-ป.6 โรงเรียนบ้านนายผล (แม้นสุวรรณอุปถัมภ์) อธิบายถึงแนวทางการสอนวิชาวิทยาศาสตร์ว่า การสอนนั้นใช้เทคนิคการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ ซึ่งคิดค้นขึ้นตั้งแต่ปี พ.ศ.2543 และให้ชื่อว่า "เบญจลักษณ์การเรียนรู้" ประกอบด้วย 1.เรียนรู้จากภูมิปัญญา 2.พัฒนาคุณธรรม จริยธรรม ค่านิยม 3.สั่งสมกระบวนการคิด 4.เชื่อมโยงชีวิตด้วยบูรณาการ และ 5.ประสานการเรียนรู้ด้วยกระบวนการกลุ่ม ซึ่งเป็นการใช้กระบวนการสังเคราะห์ความรู้แบบกลุ่ม ผลจากการคิดค้นเทคนิคการสอนนี้ ทำให้ได้รับรางวัลเหรียญเงิน "หนึ่งโรงเรียนหนึ่งนวัตกรรม" จากสำนักงานเลขาธิการคุรุสภาในปี 2547

 "ครูบรรชา" อธิบายวิธีการสอนแบบ "เบญจลักษณ์การเรียนรู้" ผ่านบทเรียนวิชาวิทยาศาสตร์หัวข้อ "การขยายพันธุ์พืช" เริ่มแรกพานักเรียนไปที่สวนผลไม้ของภูมิปัญญาท้องถิ่นในพื้นที่ใกล้กับโรงเรียน แล้วแบ่งเด็กออกเป็นกลุ่มละ 3 คน เพื่อให้ไปสำรวจภายในสวนผลไม้ว่ามีพืชผลอะไรบ้าง เช่น มะม่วง กระท้อน มะขวิด ฯลฯ และให้ภูมิปัญญาท้องถิ่นช่วยอธิบายถึงวิธีการขยายพันธุ์ต้นไม้ที่มีทำได้หลายวิธี เช่น เพาะเมล็ด ชำ ตอน ทาบกิ่ง จากนั้นให้นักเรียนแต่ละกลุ่มช่วยกันค้นคว้าหาความรู้และจัดทำสื่อโดยวาดภาพอธิบายถึงประโยชน์ของต้นไม้ และออกมานำเสนอต่อเพื่อนๆ หน้าชั้นเรียน เพื่อแลกเปลี่ยนความคิดและความรู้ระหว่างกัน

 "เด็กๆ ถูกขังในห้องเรียนตั้งแต่อนุบาลและความรู้ที่ออกจากปากครูไม่มีคุณค่าสำหรับเด็ก ซึ่งครูเองก็ไม่ได้รู้จริงทั้งหมด ถ้ายังสอนแต่ในห้องเรียนเด็กจะอึดอัด จึงให้เด็กออกไปเรียนรู้นอกห้องเรียน เพื่อให้ได้สัมผัสของจริง เรียนรู้วิทยาศาสตร์จากสิ่งใกล้ตัวและพูดคุยกับภูมิปัญญาชาวบ้าน และคิดวิเคราะห์ สร้างสรรค์สื่อที่จะนำเสนอต่อเพื่อนๆ ขึ้นมาเอง ซึ่งไม่เพียงแต่เด็กรู้สึกสนุกสนานกับการเรียนวิทยาศาสตร์ แต่ยังทำให้เด็กใฝ่รู้ใฝ่เรียน กระตือรือร้นกับการเรียนเพิ่มมากขึ้น ช่วยปลูกฝังคุณธรรม เช่น มีวินัย ความรับผิดชอบ ซื่อสัตย์ สามัคคี รู้จักทำงานเป็นทีม ช่วยเหลือซึ่งกันและกัน และรู้จักคิดวิเคราะห์ คิดสร้างสรรค์ เชื่อว่าการสอนแบบนี้ จะช่วยให้เด็กไทยรักวิทยาศาสตร์ อยากเป็นนักวิทยาศาสตร์และนักวิจัยที่เมืองไทยยังขาดแคลนอยู่" ครูบรรชาบอกถึงผลที่ได้จากการสอน

 "เปรมกมล ภู่จีบ" หรือ "น้องแอล" นักเรียนชั้น ม.2 โรงเรียนกาญจนาภิเษกวิทยาลัย นครปฐม (พระตำหนักสวนกุหลาบมัธยม) ซึ่งเคยเรียนวิชาวิทยาศาสตร์กับครูบรรชาตอนชั้น ป.5 และ ป.6 ที่โรงเรียนบ้านนายผล (แม้นสุวรรณอุปถัมภ์) บอกว่า ชอบวิธีการสอนของครูบรรชามาก เพราะได้ทำโครงงาน ทดลองและเรียนรู้วิทยาศาสตร์จากธรรมชาติและสิ่งรอบตัว ทำให้รู้สึกสนุกกับการเรียน และเชื่อว่าวิทยาศาสตร์ไม่ใช่เรื่องยากและเป็นเรื่องใกล้ตัว อีกทั้งเพื่อนๆ ในห้องรู้จักแบ่งงานกัน ทำงานเป็นทีม มีความสามัคคีและช่วยเหลือซึ่งกันและกัน ทำให้เกิดแรงจูงใจ และคิดว่าอยากเป็นหมอในอนาคต ซึ่งนอกจากจะรักษาผู้ป่วยแล้ว จะทำวิจัยควบคู่ไปด้วย เพื่อคิดค้นยาใหม่ๆ ช่วยรักษาโรคต่างๆ

  สนใจแลกเปลี่ยนเรียนรู้วิธีการสอนแบบ "เบญจลักษณ์การเรียนรู้" กับครูบรรชา ติดต่อได้ที่โรงเรียนบ้านนายผล (แม้นสุวรรณอุปถัมภ์) เลขที่ 39/2 หมู่ 2 ถนนบางบอน 5 ซอย 3 เขตบางบอน กทม. โทร.0-2450-3664