ไลฟ์สไตล์

สภากาชาด-รพ.จุฬาฯแถลงยืนยันจุดยืนเป็นกลาง

สภากาชาด-รพ.จุฬาฯแถลงยืนยันจุดยืนเป็นกลาง

30 เม.ย. 2553

สภากาชาด-รพ.จุฬาฯ ร่วมแถลงข่าวยืนยันจุดยืนเป็นกลาง ไม่ได้อยู่ฝ่ายใด ตามหลักกาชาด พร้อมยันชัดไม่มีทหาร-ตำรวจซุ่มในโรงพยาบาล เป็นไปได้เห็นแสงไฟของ จนท. ทำให้เข้าใจผิดคิดว่าเป็นทหาร เผยตลอดช่วงเช้ามีการย้ายผู้ป่วยบางส่วนออกจาก รพ.แล้ว ทั้งส่งต่อและให้กลับบ้า

 ที่อาคารเทิดพระเกียรติ์ สภากาชาดไทย เมื่อวันที่ 30 เมษายน เวลา 11.30 น. นายแผน วรรณเมธี เลขาธิการสภากาชาดไทย พร้อมด้วยผู้บริหารสภากาชาดไทย อาทิ นายเตช บุนนาค นายสวนิต คงสิริ ศ.นพ.ศักดิ์ชัย ลิ้มทองกุล ผู้ช่วยเลขาธิการสภากาชาดไทย และศ.นพ.อดิศร ภัทราดูลย์ ผู้อำนวยการโรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ ได้ร่วมแถลงข่าวต่อสถานการณ์การชุมนุมของกลุ่ม นปช. โดยเฉพาะกรณีที่มีแกนนำ นปช.ขอบุกตรวจค้นโรงพยาบาลเมื่อคืนที่ผ่านมา  ( 29 เม.ย.) โดยนายแผน กล่าวว่า โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์เป็นส่วนหนึ่งสภากาชาดไทย ที่ยึดหลักมนุษยธรรมเพื่อคุ้มครองชีวิตและสุขภาพประชาชน โดยไม่เลือกเชื้อชาติ ศาสนา ไม่ลำเอียง ไม่มีการแบ่งแยก ซึ่งรวมถึงความคิดเห็นทางการเมืองโดยจะยึดความเป็นกลาง เพราะกาชาดไม่อาจเข้าข้างฝ่ายหนึ่งฝ่ายใด ไม่ว่ากรณีใด ซึ่งมีความอิสระในการดำเนินการ ถือเป็นหลักการที่ต้องดำเนินการตลอด

 ศ.นพ.อดิศร กล่าวว่า โรงพยาบาลจุฬาฯ ยึดหลักการกาชาดที่ต้องเป็นกลาง และให้การรักษาผู้ป่วยทุกคนไม่ว่าจะมาจากเหตุการณ์ใด กลุ่มไหน แต่เมื่อเข้ามายังโรงพยาบาลแล้ว จะให้การรักษาเหมือนกันหมด ซึ่งขอยืนยันว่า เราไม่เคยอนุญาตหรือร้องขอให้ทหารหรือตำรวจเข้ามาอยู่ในพื้นที่โรงพยาบาลตามที่มีการกล่าวอ้าง เพราะทราบว่าจะนำไปสู่การยั่วยุกลุ่มผู้ชุมนุม ดังนั้นจึงขอยืนยันว่า การที่มีข่าวว่ามีกลุ่มคนเข้ามาในโรงพยาบาลนั้น ยืนยีนว่าไม่มีแน่นอน

 การดูแลผู้ป่วยนั้น ทางโรงพยาบาลได้ดูแลอย่างดีที่สุดตั้งแต่เริ่มมีการชุมนุมที่แยกราชประสงค์ และขยายมายังแยกสีลม ซึ่งการย้ายผู้ป่วยออกจากอาคาร ภปร. และ สก. นั้น เพราะเกรงอันตรายที่อาจเกิดขึ้นกับผู้ป่วยที่พักรักษาตัวในอาคารสูง อีกทั้งอาคาร สก. เป็นอาคารที่มีแต่ผู้ป่วยเด็กและผู้ป่วยผ่าตัดสมองที่ต้องการพักผ่อน และไม่ควรได้รับผลกระทบ
 
 ศ.นพ.อดิศร กล่าวว่า ส่วนที่ต้องประกาศปิดบริการผู้ป่วยนอก ซึ่งเริ่มต้นเมื่อวานเป็นวันแรกนั้น เป็นเพราะก่อนหน้านี้มีเสียงระเบิดที่หน้าโรงพยาบาล สร้างความโกลาหนให้ผู้ป่วยและเจ้าหน้าที่อย่างมาก ซึ่งต่างพากันวิ่งหนี ถ้าหากเรายังเปิดบริการเหมือนเดิมก็เกรงว่าอาจเกิดเหตุการณ์เหยียบกันตายได้ ดังนั้นจึงต้องดบริการเพื่อความปลอดภัย เพื่อลดผู้ป่วยในโรงพยาบาลให้น้อยที่สุด รวมถึงคลินิกพิเศษ และจะเปิดบริการอีกครั้งเมื่อเหตุการณ์ดีขึ้น

 “ยืนยันว่าขณะนี้โรงพยาบาลจุฬาฯ ยังเปิดให้บริการอยู่ แต่เฉพาะที่จำเป็นเท่านั้น โดยในส่วนห้องฉุกเฉินก็ยังเปิดบริการ เพียงแต่ย้ายจากเดิมที่อยู่ด้านหน้าฝั่งสีลมมาที่ตึกจงกลนีแทน ส่วนผู้ป่วยที่ต้องผ่าตัดก็ยังมีอยู่ แต่ในรายที่ไม่เร่งด่วนได้เลื่อนออกไปก่อน อย่างไรก็ตามขณะนี้โรงพยาบาลจุฬาฯ มีผู้ป่วยในประมาณ 600 คน จากจำนวนเตียงรองรับได้ 1,500 เตียง ทั้งหมดได้ย้ายมาอยู่อาคารฝั่งถนนอังรี-ดูนังแล้ว โดยในจำนวนนี้มีผู้ป่วยที่สามารถกลับบ้านเองได้ประมาณ 100 กว่าคน และยังมีบางส่วนอยู่ระหว่างการประสานส่งต่อไปรักษายังโรงพยาบาลอื่น แต่ทั้งนี้ก็ขึ้นอยู่กับความสมัครใจของผู้ป่วยเอง” ศ.นพ.อดิศร กล่าว และว่า สำหรับในวันนี้ยังคงมีผู้ป่วยนอกที่เดินทางมาขอรับการรักษาประมาณ 300 คน

 นพ.อดิศร กล่าวว่า ส่วนการถวายการรักษาแด่สมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก ซึ่งเดิมประทับรักษาที่อาคารวชิรญาณสามัครพยาบาร ที่ตั้งอยู่ฝั่งถนนราชดำริ ได้มีการทูลเชิญย้ายไปประทับยังอาคาร 1 ฝั่งถนนอังรี-ดูนัง และขณะนี้ทางคณะสงฆ์อยู่ระหว่างหารือว่าจะย้ายสมเด็จพระสังฆราชฯ ไปรักษาที่โรงพยาบาลศิริราชหรือไม่ จะทราบผลหารือในวันนี้ อย่างไรตามเบื้องต้นได้ประสานไปยัง นพ.ธีระวัฒน์ กุลทนันท์ คณบดีคณะแพทยศาสตร์ ศิริราชพยาบาล เพื่อเตรียมการรองรับแล้ว ทั้งนี้ในช่วงที่มีการชุมนุมของ นปช.และมีเสียงดังนั้น สมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราชฯ ทรงตรัสว่า ไม่รู้สึกกลัว และทางคณะสงฆ์ก็บอกว่า ไม่เป็นไรยังไม่ต้องย้ายอาคาร แต่พอมีการปะทะที่อนุสรณ์สถานแห่งชาติ จึงได้ทำการประเมินสถานการณ์ใหม่ และเห็นควรให้ย้ายสถานที่ประทบไปอาคารอื่นเพื่อความปลอดภัย

 ผู้สื่อข่าวถามว่า จะฝากอะไรไปถึงกลุ่มผู้ชุมนุมหรือไม่ ศ.นพ.อดิศร กล่าวว่า ได้ฝากมาหลายครั้งแล้ว ซึ่งหากทำได้อยากให้กลุ่มผู้ชุมนุมถอยร่นห่างจากโรงพยาบาลจุฬา โดยเฉพาะทางเข้าออก เปิดทางสะดวกให้กับเจ้าหน้าที่และหยุดการตรวจค้นกระเป๋าหากเห็นว่ามีบัตรเจ้าหน้าที่โรงพยาบาล และขอให้ลดเสียงดังลง นอกจากนี้ควรถอยเพื่อให้โรงพยาบาลสามารถเปิดแผนกฉุกเฉินตรงอาคารได้หน้าได้ เพราะตรงจุดังกล่าวมีศักยภาพในการช่วยเหลือผู้บาดเจ็บและผู้ป่วยฉุกเฉินได้มากกว่า 

 นอกจากนี้ ศ.นพ.อดิศร ยังได้กล่าวถึงกรณีที่มีกระแสข่าวว่า มีแพทย์ในโรงพยาบาลจุฬาฯ ล่ารายชื่อเพื่อปลดตนออกจากตำแหน่งผู้อำนวยการโรงพยาบาล เนื่องจากปล่อยให้ผู้ชุมนุมเข้ามาตรวจค้นโรงพยาบาลเมื่อวานนี้นั้น ว่า ยืนยันว่าได้ทำหน้าที่อย่างเต็มที่แล้ว ซึ่งหากไม่เจรจาให้ส่งตัวแทนเข้ามาตรวจค้น อาจทำให้มีการบุกค้นอย่างแน่นอน ซึ่งจะทำให้เปิดผลเสียตามมามากกว่า ดังนั้นเพื่อความบริสุทธิ์ใจ และโปร่งใสของโรงพยาบาล ตนจึงให้มีการส่งตัวแทน นปช.เข้ามาแทน ทั้งนี้หากแพทย์ไม่พอใจ และจะล่ารายชื่อ ก็คงปล่อยให้เป็นไปตามกระบวนการ