
โลกใบนี้ดนตรีไทย - ตะกั่วหลุด
ผ่านพ้นปีใหม่ไทยไปได้ 4 วัน ตอนนี้บางแห่งบางที่ฝนก็เริ่มตกพรำๆ แต่กบยังไม่ร้องงึมงำ เพราะเนื่องจากเพิ่งจะเริ่มฤดูฝน ซึ่งก็ถือว่าเป็นเรื่องดีเพราะว่าพระพิรุณที่โปรยปรายลงมานั้น นอกจากจะทำให้อากาศคลายความร้อนลงไปแล้ว ก็ยังทำให้เหตุการณ์บ้านเมืองเราเบาบางลงไ
เอ่อ...แต่ผมลืมนึกไปว่าเขาอาจจะเอาเต็นท์มากางเพื่อหลบฝนก็ได้นี่ หรือยังไงก็แล้วแต่มันยังคงสร้างความลำบากให้ม็อบต่างๆ ได้ทุกม็อบ ถ้าจะให้ดีผมว่า รัฐบาลควรจะทำ พิธีแห่นางแมว เพื่อเพิ่มปริมาณน้ำฝนให้มากกว่าเดิม
ตอนนี้ผมกำลังคิดจะกลับไปตอบคำถามที่มีเข้ามาอยู่เรื่อยๆ มาเรียงๆ แต่พอดีมันมีเรื่องที่อึดอัดคับอกคับใจในเรื่องของคำว่า 2 มาตรฐานของเสื้อแดง แต่อย่าเพิ่งตกใจนะครับเพราะคอลัมน์ของผมจะไม่เขียนอะไรที่มันเกี่ยวข้องกับการเมือง ถึงจะมีบ้างก็แค่แหย่ๆ เอามาหยอกล้อคลายเครียด เช่น แห่นางแมวเพื่อไล่ม็อบ จะบ้าหรือ? มีใครเขาทำกัน ผมเพียงแค่อยากให้ท่านผู้อ่านหัวเราะอยู่ในใจ เมื่ออ่านคอลัมน์ผมเท่านั้น ถ้าจะหัวเราะให้ดังๆ ก็ไม่เป็นไร แต่ระวังคนที่นั่งอยู่ข้างๆ เขาจะว่าเราเป็นคนบ้า แต่ถ้าชอบมากๆ ก็เข้ามาติชมกันได้ที่ www.khun-in.net กันบ้างก็แล้วกัน ไม่ใช่ปล่อยให้เว็บไซต์ของผมมีแต่การถามปัญหา จนผมคิดว่าตอนนี้เว็บไซต์ของผมกลายเป็นเว็บไซต์เจ้าปัญหาไปเสียแล้ว
เอ้า โม้จนลืมไปเลยว่า เจ้า 2 มาตรฐานเสื้อแดง ของผมนั้นมันคืออะไร ความจริงแล้วมันไม่ใช่ 2 มาตรฐานของนปช. แต่มันเป็น 2 มาตรฐานของ ม.ช.ย. ซึ่งหมายถึง ปีศาจแดง แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด รู้สึกว่าในระยะหลัง ไม่ว่าจะเจอกับ บาเยิร์น มิวนิค เชลซี หรือแมนเชสเตอร์ ซิตี้ กรรมการหรือผู้กำกับเส้น คอยจะตัดสินเข้าข้างฝ่ายตรงข้ามเสื้อแดงแมนฯ ยูฯ โดยตลอด นัดเจอกับเสือใต้ แบ็กขวาทำฟาวล์เพื่อตัดเกม องค์บากเบอร์ 7 ไปพูดยุจนกรรมการแจกใบเหลืองที่ 2 ก็เจอใบแดงไปตามระเบียบ แต่เวลามันรุมเตะเวย์น รูนีย์ เป็นว่าเล่น โดยบางคนโดนใบเหลืองไปแล้ว กรรมการก็ทำเป็นเฉย แกล้งทำเป็นลืมเรื่องราวในอดีตที่เกิดขึ้น ส่วนนัดที่เจอกับเชลซียิ่งไปกันใหญ่ ลูกล้ำหน้าประมาณ 1 วา ไลน์แมนก็แกล้งทำเป็นตาบอดให้เชลซีได้ประตูไปซะอย่างงั้น และแย่ไปกว่านั้น ก็คือ 2 นัดนี้แข่งที่บ้านแมนฯ ยูฯ ซะด้วย ผมก็เลยอยากจะเชิญให้คณะกรรมการเหล่านี้มาตัดสินที่สนามของสโมสรการท่าเรือบ้าง แล้วอยากจะดูว่ามันจะกล้าทำแบบนี้อีกไหม แต่ยังไงก็แล้วแต่ เหล่าบรรดาสาวกปีศาจแดงก็ยังไม่หมดหวังในการคว้าแชมป์สมัยที่ 19 เพราะเมื่อนัดล่าสุดเพิ่งจะบุกไปยัดเยียดความปราชัยให้แก่แมนฯ ซิตี้ แถมเชลซีก็เจ๊งชัยให้สเปอร์สอีก ทำให้ช่องว่างก็เหลือแค่ 1 แต้มเท่านั้นเอง
หลังจากได้ระบายความในใจไปแล้ว ผมก็จะกลับไปตอบคำถามที่เข้ามาทางเว็บไซต์ โดยคำถามแรกจัดเป็นคำถามที่ดีจาก คุณอำพล ซึ่งถามว่า ตะกั่วติดระนาดหลุดบ่อยไม่ทราบว่าเป็นเพราะเหตุใดและวิธีแก้จะทำยังไงดีครับ
ในลักษณะนี้ผมคิดว่าคุณอำพลคงจะเป็นนักระนาดระดับมือสมัครเล่น มันคงจะยากที่จะแก้ไขด้วยตัวเอง มีทางเดียวต้องเอาไปให้ช่างหรือผู้ชำนาญช่วยแก้ไข แต่ถ้าจะพูดถึงเรื่องของตะกั่วที่ติดระนาดของคุณอำพลที่มันหลุดบ่อยนั้น สาเหตุก็คือจากการผสมตะกั่วไม่ได้มาตรฐาน หรือไม่ก็ตะกั่วที่ติดอยู่นั้น หมดสภาพ ก็คือตะกั่วที่ติดระนาดนั้นจะต้องผสมกับเทียนสีผึ้ง ด้วยการใช้ความร้อนหล่อหลอมให้เข้ากันและต้องมีปริมาณที่ทำให้ตะกั่วนั้นเหนียวแบบพอดีๆ ซึ่งถ้าผสมเทียนสีผึ้งมากเกินไปก็จะทำให้ตะกั่วไม่มีน้ำหนัก เวลานำไปติดระนาดก็จะทำให้มีจำนวนมากเกินไปจนล้นลูกระนาด
แต่ตรงกันข้าม ถ้าตะกั่วผสมเทียนสีผึ้งน้อยเกินไป ก็จะทำให้ตะกั่วมีอาการที่เรียกว่าร่วนหรือไม่เหนียว และแบบนี้พอนำไปติดระนาดก็จะทำให้ตะกั่วไม่จับกับเนื้อไม้ของระนาด ซึ่งเราตีแล้วก็จะทำให้ตะกั่วหลุดออกจากลูกระนาดโดยง่าย บอกง่ายๆ ว่าเป็นการผสมตะกั่วที่ไม่ได้มาตรฐานนั่นเอง ซึ่งลักษณะนี้จะพบอยู่บ่อยๆ กับการเลือกซื้อผืนระนาดราคาถูก
ผมคิดว่าระนาดของคุณอำพลก็คงจะเป็นในลักษณะนี้ วิธีแก้ก็คือเลาะตะกั่วออกให้หมด และนำไปผสมเทียนสีผึ้งใหม่ให้ได้มาตรฐานแล้วก็นำไปติดใหม่ ที่สำคัญก็จะต้องเทียบเสียงใหม่อีกด้วย การผสมตะกั่วกับเทียนสีผึ้งในบางครั้ง เราคิดว่ามันพอดีแล้ว แต่ว่าเทียนสีผึ้งที่เรานำมาผสมก็อาจจะมีคุณภาพไม่ดี หรือผสมพวกเทียนไข มันก็จะทำให้ตะกั่วลื่นไม่เกาะผิวของลูกระนาดอีกนั่นแหละ และก็ยังมีอีกในบางกรณีที่ตะกั่วระนาดผสมได้ดีอยู่ในมาตรฐาน แต่เนื้อไม้แกร่งหรือแข็งเกินไป ก็ทำให้มีโมเลกุลหนาแน่น เนื้อตะกั่วไม่ยอมซึมลงไปข้างในเนื้อไม้ของลูกระนาด ก็จะทำให้หลุดง่ายเหมือนกับของคุณอำพล ซึ่งในลักษณะนี้ให้นำมีดหรือของมีคมมาขูดที่ผิวของผืนระนาดให้เป็นรอยสี่เหลี่ยมคล้ายกับลายผ้าขาวม้า ตรงจุดที่จะติดตะกั่ว ลักษณนี้คนโบราณจะเรียกว่า สักผืนระนาด ก่อนติดตะกั่ว และก็จะทำให้ระนาดของคุณอำพลไม่หลุดบ่อยหรืออาจจะไม่หลุดอีกต่อไป
เอาล่ะครับฉบับนี้หมดเนื้อที่อีกแล้ว เดี๋ยวฉบับหน้าค่อยมาพบกันใหม่นะครับ ลาล่ะครับ... สวัสดี
"ขุนอิน"