ไลฟ์สไตล์

แขกรับเชิญ-100 ปี พลังศิลป์.....พลังภายในของศ.ประกิต (จิตร) บัวบุศย์

แขกรับเชิญ-100 ปี พลังศิลป์.....พลังภายในของศ.ประกิต (จิตร) บัวบุศย์

19 เม.ย. 2553

คงไม่มีคนไทยคนไหนที่ไม่รู้จักอนุสาวรีย์ประชาธิปไตย ที่มี “พานรัฐธรรมนูญ” ตั้งอยู่ ถึงแม้จะพอมีบ้างที่ไม่ได้เคยเห็นของจริง แต่จะมีสักกี่คนที่จะทราบว่า “พานรัฐธรรมนูญ” ที่อนุสาวรีย์ประชาธิปไตย บนถนนราชดำเนิน กรุงเทพมหานคร นั้น เป็นผลงานการออกแบบ และปั้นหล

 ณ วันนี้ (วันที่ผมได้เขียนบทความชิ้นนี้เมื่อ 5 เมษายน) ศาสตราจารย์ประกิต บัวบุศย์ ศิลปินแห่งชาติ และราชบัณฑิตไทย มีอายุครบ 100 ปี พอดี ตามการนับแบบธรรมเนียมจีน (นับรวมช่วงชีวิตขณะอยู่ในครรภ์มารดาด้วย) หรืออายุครบ 99 ปี ตามแบบสากล ซึ่งยังไม่ปรากฏว่ามีศิลปินท่านใดในโลกที่มีอายุยืนยาว และยังคงสามารถสร้างสรรค์ผลงานศิลปะได้อยู่ 

 ศิลปินแห่งชาติถวัลย์ ดัชนี กล่าวว่า “สามารถบันทึกเป็นสถิติโลกลงในกินเนสบุ๊ก เกี่ยวกับศิลปินที่มีอายุยืนของโลกผู้ที่ยังคงสร้างสรรค์งานศิลปะได้อย่างต่อเนื่อง” แม้นแต่ศิลปินดังของโลกอย่าง ลีโอนาโด ดาวินชี (Leonardo da Vinci), ไมเคิล แองเจลโล (Michelangelo), โมเนท์ (Claude Monet), โรแดง (Auguste Rodin), หรือปิกัสโซ (Pablo Picasso) ก็พากันจากโลกนี้ไปก่อนที่จะมีอายุยืนถึงร้อยปี และถึงแม้นว่าในอดีตจะมีศิลปินแห่งชาติของไทยท่านหนึ่งที่มีอายุยืนยาวถึง 103 ปี คือครูโมท ว่องสวัสดิ์ ก็ตาม แต่ในช่วงตั้งแต่อายุ 90 ปีกว่าขึ้นไปของท่าน ก็ไม่สามารถทำงานสร้างสรรค์ศิลปะได้เหมือนเช่นศาสตราจารย์ประกิต (จิตร) บัวบุศย์

 อาจารย์ประกิตยังคงเขียนรูปได้ แม้ในวัยที่สังขารได้เปลี่ยนแปลงไป มือที่สั่นไหวไปตามวัยของท่าน กลับทำให้การเขียนรูปในแนวอิมเพรชชั่นนิสซึ่ม (Impressionism) และเอ็กเพรสชั่นนิสซึ่ม (Expressionism) ของท่าน กลับมีพลังแบบไม่สั่นคลอน ดูน่าอัศจรรย์ยิ่งนัก ทั้งนี้คงเป็นเพราะพลังอันถูกขับเคลื่อนออกมาจากภายในตัว และประสบการณ์ที่สั่งสมมาอย่างยาวนานของท่าน ทำให้ได้ผลงานที่เต็มเปี่ยมไปด้วยพลัง และดูมีอารมณ์ไหวพลิ้วไปตามมือที่สั่น แบบที่ผมหรือใครๆ พากันเรียกว่าเป็น “ยุคสั่นสู้” ของท่าน มือไม้ที่สั่นคลอนตามสังขารที่ร่วงโรยไม่ได้เป็นผลเสียหรืออุปสรรคแต่อย่างใดกับการทำงานศิลปะในแนวนี้ของอาจารย์ประกิต ซึ่งผิดกับการทำงานศิลปะที่ต้องใช้การตัดเส้นอย่างละเอียดอ่อน เช่น งานภาพเขียนไทย หรืองานจิตรกรรมฝาผนัง

 สำหรับงานในแนวเอ็กเพรชชั่นนิสซึ่ม  ซึ่งเป็นผลงานเขียนสีน้ำมันในช่วงหลังของศาสตราจารย์ประกิตนั้น ท่านบอกว่า “มันคั้น และกลั่นกรองออกมาจากข้างในตัวเราเหนือกว่าอิมเพรชชั่นนิสซึ่มเสียอีก”

 อาจารย์จิตร บัวบุศย์ เป็นครูใหญ่ของผมเมื่อสมัยปี 2503 เมื่อครั้งก่อนสมัยสงครามโลกครั้งที่ 2 ท่านได้ไปเรียนการเขียนรูปแนวอิมเพรชชั่นนิสซึ่มจากประเทศญี่ปุ่น กับครูชาวญี่ปุ่นผู้เป็นลูกศิษย์ของโมเนท์ และติดอยู่ที่ประเทศญี่ปุ่นกว่า 4 ปี

 ครั้นเมื่อมีโอกาสไปประเทศฝรั่งเศส ท่านได้ไปเยี่ยมชมบ้านและห้องทำงานศิลปะของศิลปินดังอย่าง โมเนท์ และโรแดง ผู้เป็นศิลปินในดวงใจของท่าน ในขณะที่เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยที่เฝ้าห้องเผลอ ครูของผมได้แอบไปนั่งเก้าอี้ของโรแดง พร้อมกับทำท่าหลับตาและก้นสั่น เป็นการขอพลังทำงานจากศิลปินใหญ่ และพลังนั้นก็ได้ติดตัวท่านมาจนถึงทุกวันนี้

 ท่านยังได้เล่าถึงเมื่อครั้งได้ออกแบบและปั้นหล่อ “พานรัฐธรรมนูญ” สำหรับอนุสาวรีย์ประชาธิปไตยที่มีขนาด 3 เมตร และน้ำหนัก 3 ตันครึ่ง ให้ฟังว่า ใช้เวลาเกือบ 3 เดือน เพื่อให้ทันงานเฉลิมฉลอง ระหว่างปั้นดินหล่อพานรัฐธรรมนูญ อาจารย์ได้สั่งอุปกรณ์สิ่งของต่างๆ เพื่อใช้ในการทำงาน แต่ด้วยความเร่งรีบ และตั้งใจทำงาน จึงมิได้เก็บใบเสร็จรับเงินต่างๆ ให้เป็นที่เป็นทาง เกิดปลิวหายตกหล่นไปบ้าง ครั้นเมื่องานแล้วเสร็จ ยังได้ขอลาป่วยต่อไปอีกกว่า 10 วัน เหตุเพราะการเร่งทำงานหามรุ่งหามค่ำ แบบไม่ได้หลับไม่ได้นอน ซึ่งนอกจากจะส่งผลให้ท่านต้องป่วยแล้ว ยังต้องถูกหักเงินเดือนอีกหนึ่งปีครึ่งอีกด้วย เพราะเหตุที่หาใบเสร็จสั่งของได้ไม่ครบถ้วน ตามแบบศิลปินที่จิตใจมุ่งมั่นแต่การทำงานศิลปะเพียงอย่างเดียว มิได้สนใจเรื่องอื่นใดประสบการณ์ในครั้งนั้นจึงเป็นบทเรียนอันมีค่ายิ่งบทหนึ่งสำหรับท่าน

 ผลงานชิ้นสำคัญอื่นๆ ของท่านอาจารย์ประกิตมีมากมาย เช่น ผลงานการปั้นพระพุทธรูปทักษิณมิ่งมงคล ที่ภาคใต้ และที่ จ.อำนาจเจริญ ผลงานการปั้นพระพุทธรูปใหญ่ๆ หลายชิ้น และรวมถึงงานบูรณะภูเขาทอง กรุงเทพมหานคร และพระตำหนักดอยตุง ส่วนผลงานด้านสถาปัตยกรรม ท่านได้ออกแบบสร้างอาคารในวิทยาลัยเพาะช่าง ซึ่งเป็นอาคารไทยร่วมสมัยที่เป็นต้นแบบของอาคารราชการไทยเช่นทุกวันนี้

 สำหรับงานด้านวิชาการนั้น ท่านยังทำงานด้านการค้นคว้าโบราณคดี และอารยธรรมสยามและสุวรรณภูมิ และมีงานเขียนตำราทางวิชาการ รวมทั้งการจัดทำหลักสูตรการเรียนการสอนให้กับวิทยาลัยเพาะช่างด้วย กล่าวได้ว่า นอกจากท่านจะเป็นศิลปินผู้มีผลงานศิลปะที่เต็มเปี่ยมไปด้วยพลังศิลป์แล้ว ท่านยังเป็นทั้งนักวิชาการ สถาปนิก และนักประวัติศาสตร์คนสำคัญคนหนึ่งของไทยอีกด้วย

 อาจารย์ถวัลย์ ดัชนี ศิลปินแห่งชาติไทย ผู้มีชื่อเสียงระดับนานาชาติ ยังได้กล่าวอีกว่า “ประกิต เขียนรูปได้ดีกว่าจิตร” ผมได้ถามอาจารย์ประกิต เมื่อมีโอกาสได้พบกับท่านเมื่อวันที่ 21 กุมภาพันธ์ 2553 และท่านได้ตอบอย่างหนักแน่นว่า “จริง!” พร้อมกับเสียงหัวเราะ... และพยักหน้ารับอย่างอารมณ์ดี

 อาจารย์ประกิตยังได้กล่าวชมเชยว่า “ถวัลย์เป็นศิษย์ที่ดี มีความจริงใจ รู้จักเคารพในระบบอาวุโส (senior & junior) แบบไม่มีใครเสมอเหมือนเลย”

 ในวันนี้ ศาสตราจารย์ประกิต (จิตร) บัวบุศย์ ในวัยที่มีอายุครบ 100 ปี ยังมีความทรงจำอันดีเยี่ยม และได้พิสูจน์ตนเองแล้วว่า การทำงานศิลปะนั้นมิอาจมีสิ่งใดที่จะเป็นอุปสรรคได้ทั้งสิ้น ถึงแม้นในยามที่ร่างกายได้เปลี่ยนแปลงไป ถึงแม้มือจะสั่นไหว แต่กลับกลายเป็นพลังแห่งการสั่นสู้ ที่สามารถสร้างสรรค์ผลงานให้ดูมีอารมณ์ ความรู้สึกที่เคลื่อนไหว ได้ดีกว่าเมื่อครั้งมือนิ่งๆ เสียอีก

กมล ทัศนาญชลี 

 ในเดือนที่องศาทางการเมืองร้อนระอุเช่นนี้ นอกจาก ศาสตราจารย์ประกิต บัวบุศย์ จะมีอายุครบ 100 ปีแล้ว ยังต้องนึกถึง "พานรัฐธรรมนูญ" สัญลักษณ์แห่งประชาธิปไตย บนถนนราชดำเนิน ที่ท่านได้สร้างไว้ด้วย

 โอกาสนี้ จึงไม่เพียง กมล ทัศนาญชลี  จะยกย่องท่านในฐานะที่ยังไม่ปรากฏว่ามีศิลปินท่านใดในโลกที่มีอายุยืนยาว และยังคงสามารถสร้างสรรค์ผลงานศิลปะได้อยู่ ทว่ายังเป็นการเชิดชูถึง "ครู" แห่งวงการศิลปะของแท้จากศิษย์คนหนึ่งอีกด้วย