
เที่ยวนี้ขอเล่า-ออสโลที่เริงร่า
ก็ไม่ใช่ทุกมุมของออสโล(Oslo) ที่ดูร่าเริง เบิกบาน ด้วยภูมิทัศน์และภูมิอากาศในแบบสแกนดิเนเวียบางมุมอาจจะดูหงอยเหงา บางมุมก็ช่างโรแมนติกจับใจ
แต่ถ้ามีทั้งมุมโรแมนติกแจ่มใส น่านั่ง น่าแฮงก์ ก็เห็นจะเป็นย่านเอเคอร์ บรูค (Aker Brygge) ซึ่งเป็นท่าเรือที่นอกจากจะมีไว้ให้ผู้คนสัญจรไปยังเกาะต่างๆ ที่นี่ยังถูกใจที่สุดสำหรับคนชอบแฮงก์เอาท์
นั่นก็เพราะย่านนี้เป็นแหล่งรวมผับบาร์ ร้านอาหารเก๋ๆ คาเฟ่ชิลๆ ยามเย็นย่ำไปจนถึงค่ำคืน มุมนี้ของออสโลจึงไม่เคยเหงา
สถาปัตยกรรมรูปแบบแปลกใหม่และทันสมัยมาหาดูได้แถวนี้สำหรับหนุ่มสาวนักช็อป ถึงแม้ร้านรวงจะเยอะสู้ถนน คาร์ล โยฮันส์ เกท (Karl Johans Gate)ไม่ได้ แต่สำหรับของเก๋ของแนว ต้องมาสรรหาจากแถวนี้
ดูเหมือนฉันมาถึงย่านเอเคอร์บรูคในช่วงไพร์มไทม์พอดิบพอดี ผู้คนเลยหนาตา มีทั้งคนที่กำลังจะสัญจรไปและมาจากเกาะอื่นๆ นักท่องโลกที่มาเดินหามุมดินเนอร์ และเจ้าถิ่นที่บางคนยังอยู่ในชุดทำงาน และมาหาอะไรเย็นๆ จิบแถวท่าเรือ เย็นย่ำไปจนถึงค่ำคืนจึงเป็นช่วงน่ามองเอเคอร์บรูคที่สุด
นี่ยังไม่พร่ำพรรณนาถึงแถวๆท่าเรือนะ ที่ตอนแดดร่มลมตกจะมีแต่คู่รักมานั่งเอาไหล่เบียดกัน ทอดสายตามองผืนน้ำ จิบเบียร์ สนทนา หยอกเอิน และบางคู่ลงเอยกันที่รสจูบอันหวานฉ่ำ
เรือใบเรือยอชท์ เรือโดยสาร ไปจนถึงเรือไวกิ้ง ทุกอย่างลอยเท้งเต้งอยู่ตรงท่าเรือ พวกมันไม่รู้ตัวหรอกว่า กลายเป็นเครื่องประดับให้ออสโลดูเริงร่าและอารมณ์ดี
เวิ้งอ่าวไพเพอร์วิคา(Pipervika) คือย่านที่ทำให้ฉันเดินเที่ยวอย่างสบายอารมณ์ ยิ่งถ้าเป็นยามแดดร่มลมโชย
แต่ที่หลายคนพูดถึงออสโลคือศาลาว่าการ (Town Hall) แนวอาร์ตเดคโคที่มีสถาปัตยกรรมที่ดูทันสมัย มีทั้งน้ำพุ สวน และประติมากรรมเติมแต่งให้น่ามอง ใกล้กับศาลาว่าการเป็น The Nobel Peace Centre สถานที่ๆมีการจัดแสดงเกี่ยวกับผู้ที่ได้รับรางวัลอันทรงเกียรติในทุกๆ ราย
และใช่ว่าจะมีแต่ปารีส ลอนดอน มิลาน หรือฟลอเร็นซ์เท่านั้นที่มีพิพิธภัณฑ์ดีๆ เอาไว้ให้คนรักศิลปะได้ตามรอยไปชมงานศิลปะดีๆ แต่ออสโลก็มีพิพิธภัณฑ์เอาไว้ให้พวกคออาร์ตได้มาเดินเตร็ดเตร่กัน
พิพิธภัณฑ์ระดับโลกตลอดจนแกลเลอรีชั้นดีก็ล้วนแต่อยู่ที่ออสโลทั้งสิ้นแม้แต่สวนสาธารณะก็ยังมีงานศิลปะโชว์อยู่
ไม่ว่าจะเป็นพิพิธภัณฑ์เดินเรืออันยอดเยี่ยมที่มีเรือไวกิ้งให้ชม พิพิธภัณฑ์ประวัติศาสตร์ พิธภัณฑ์สกี และพิพิธภัณฑ์มุนช์ที่แสดงภาพเขียนนับร้อยโดยอัจฉิยะบุคคลชาวนอร์เวย์
นอกจากพิพิธภัณฑ์ที่กระจายอยู่ทั่วเมืองแล้วยังมีอาคารเก่าแก่กระจายอยู่ทั่วออสโล แต่มุมที่ผู้คนมักไปตามหาความโบราณคือกำแพงเมืองที่ป้อมในยุคกลาง สร้างตั้งแต่ศตวรรษที่ 13 เดิมทีมีไว้สอดส่องพวกศัตรูแต่ปัจจุบันคือมุมที่เห็นวิวทิวทัศน์ที่สวยเริ่ดของออสโล
แต่ตามทัศนะของฉันมุมที่ทำให้ออสโลน่าตื่นตาตื่นใจ อยู่ที่สวนประติมากรรมอย่างวิกแลนด์ (Vigeland Sculpture Park) ที่ตั้งอยู่ในสวนสาธารณะโฟรกเนอร์(Frogner Park)
ไม่เพียงจัดแต่งสวนและน้ำพุอย่างน่าดู แต่สวนแห่งนี้ยังมีรูปปั้นเปลือยทำจากสัมฤทธิ์และหินแกรนิตแกะสลักโดยชาวนอร์เวย์ที่ชื่อกุสตาฟ วิกแลนด์ ตั้งโชว์อยู่กว่า200 ชิ้นงาน ส่วนใหญ่เป็นงานปั้นที่บอกเล่าชีวิตของผู้คนในแต่ละช่วงแต่ละวัย
ฉันออกจะแปลกใจนิดๆทั้งที่ชาวนอร์เวย์ไม่ได้นับถือศาสนาพุทธ แต่ก็เชื่อในเรื่องกฎเกิดแก่เจ็บตาย หรือเวียนว่ายตายเกิดด้วยหรือนี่
งานชิ้นที่ผู้คนตามหาคือ Angry Boy เป็นรูปปั้นเจ้าหนูขี้โมโหกำลังร้องห่มร้องไห้และทำท่ากระทืบเท้าเหมือนกำลังโดนผู้ใหญ่ขัดใจ รูปปั้นนี้เคยหายไปจากสวนแห่งนี้มาครั้งหนึ่งแล้ว แต่เจ้าหัวขโมยไม่รู้ทำอีท่าไหน ขโมยออกไปได้แล้ว แต่เอาเจ้าหนูไปหย่อนไว้ในกองขยะเสียนี่ เจ้าหนูเลยได้กลับมายืนโพสท่ากระจองอแงอยู่ที่เดิม
ยังมีรูปปั้นเปลือยในอิริยาบถแปลกตาอีกมากมาย ที่ทำให้สวนแห่งนี้กลายเป็นสวนที่ไม่ธรรมดา แต่ที่แน่ๆสุนทรีย์คับสวนเชียวล่ะ
ได้แต่นึกขอบคุณรถไฟยุโรป(สอบถามที่ดีทแฮล์มฯ 0-2660-7067-9, หรือคลิกwww.raileurope.fr) ที่พาฉันขโยกเขยกมาจนถึงที่นี่ เมืองมากเกาะ รวยทะเลสาบกว่า 300 แห่ง และอุดมสมบูรณ์ไปด้วยผืนป่าสีเขียว ทุกหย่อมหญ้าของออสโลจึงมีศิลปะและธรรมชาติแทรกตัวอยู่ ทุกอย่างผสมกันจนออสโลเป็นเมืองเริงร่าที่อยู่ด้วยเราร่าเริงอย่างผิดปกติ
กาญจนา หงษ์ทอง