'ธัญ’ (THANN) ร่วมกับแพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านผิวหนังและความงาม แนะเคล็ดลับดูแลผิวช่วง 'หน้าร้อน' พร้อมเทคนิคการทา 'ครีมกันแดด' ไอเทมสำคัญที่ไม่ควรมองข้าม
ช่วงหน้าร้อน “ครีมกันแดด” กลายเป็นไอเทมสำคัญ ที่สาวๆ ควรพกพา เพื่อจะได้ไม่ต้องกังวลกับปัญหาผิวคล้ำเสียจากแสงแดด กระ ฝ้า ริ้วรอย รวมถึงผิวแก่ก่อนวัย ‘ธัญ’ (THANN) แบรนด์ผลิตภัณฑ์เพื่อการดูแลสุขภาพผิวและเส้นผม จึงร่วมกับ แพทย์หญิงสุธาสินี ตันสุริยวงษ์ แพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านผิวหนังและความงาม แนะ “เคล็ดลับดูแลผิวช่วงหน้าร้อน พร้อมเทคนิคการทาครีมกันแดด”
พญ.สุธาสินี แนะว่า การได้รับแสงแดดในช่วงเวลาและปริมาณที่เหมาะสมจะทำให้ร่างกายได้รับวิตามินดีซึ่งเป็นส่วนสำคัญต่อการเสริมสร้างมวลกระดูกให้แข็งแรง แต่หากผิวหนังไม่ได้รับแสงแดดเลย หรือโดนแดดน้อยเกินไป อาจทำให้เกิดอาการกระดูกเปราะบางลงและเสี่ยงต่อการเป็นโรคกระดูกพรุนได้ ดังนั้นแสงแดดจึงมีทั้งประโยชน์และโทษต่อร่างกาย
แสงแดดประกอบด้วยรังสีอินฟราเรด และรังสีอัลตราไวโอเลต ซึ่งเป็นรังสีที่เป็นตัวการทำร้ายผิวของเรา ยิ่งผิวสัมผัสกับแสงแดดนานเท่าไหร่ ย่อมส่งผลกระทบต่อผิว แบ่งเป็น 2 ระยะ คือ ระยะสั้น ทำให้ผิวไหม้แดด เกิดอาการแดง แสบ ร้อนผิว เกิดอาการแพ้แสง ส่วนในระยะยาวจะทำให้ผิวแก่ก่อนวัย ผิวเกิดความเหี่ยวย่น เนื่องจากคอลลาเจนใต้ชั้นผิวถูกทำลาย รวมถึงการเกิดริ้วรอย กระ ฝ้า และอาจลุกลามเป็นโรคผิวหนังได้
ปัจจุบันมีการพัฒนาผลิตภัณฑ์ครีมกันแดด เพื่อปกป้องผิวจากแสงแดดหลากหลายชนิดเพื่อให้เลือกใช้ได้ถูกต้องตามประเภทผิว หรือเลือกใช้ให้ตรงตามประเภทของกิจกรรม
เราสามารถพิจารณาปัจจัยหลักในการปกป้องผิวจากรังสียูวีแต่ละประเภทได้จากค่า SPF (Sun Protection Factor) คือ ค่าที่บอกถึงประสิทธิภาพในการปกป้องผิวจากรังสี UVB เป็นค่าระยะเวลาที่ผิวสามารถทนต่อแสงแดดได้โดยที่ผิวเราไม่ไหม้ คำนวณจากระยะเวลาที่ผิวทนต่อแสงแดดได้คูณกับค่าของ SPF ตัวอย่างเช่น คนเอเชียผิวขาวทั่วๆ ไปสามารถโดนแสงแดด 20 นาทีก่อนที่ผิวจะเริ่มอักเสบแสบแดง การใช้ผลิตภัณฑ์กันแดดที่มีค่า SPF30 จะช่วยให้ผิวเราจะสามารถทนต่อแสงแดดได้นานขึ้นคิดเป็น 20 นาที x ค่า SPF30 = 600 นาที หรือ 10 ชั่วโมง
- ค่า SPF 15 สามารถป้องกันรังสี UVB ได้ 93.3% เหมาะสำหรับผู้ที่ทำกิจกรรมภายในอาคาร ตึก หรือบ้าน แต่ไม่มีการโดนแสงแดดเลย สำหรับผู้ที่มีผิวสองสี หรือผิวสีน้ำผึ้ง ค่า SPF ในระดับนี้ หากอยู่กลางแสงแดดนานเกินไปอาจก่อให้เกิดอาการผิวแดงเล็กน้อย
- ค่า SPF 30 สามารถป้องกันรังสี UVBได้ 96.7% เหมาะกับกิจกรรมกลางแจ้งที่มีเงาร่มและอากาศที่ไม่ร้อน
- ค่า SPF 50 สามารถป้องกันรังสี UVBได้ 98% เหมาะสำหรับกิจกรรมที่อยู่กลางแจ้ง หรือสถานที่แสงแดดแรงจัด เช่น ทะเล ภูเขา
ส่วนอีกสิ่งหนึ่งที่ควรให้ความสำคัญ คือ ค่า PA (Protection grade of UVA) บ่งบอกถึงประสิทธิภาพในการปกป้องรังสี UVA โดยใช้เครื่องหมายบวก (+) ในการแสดงระดับของประสิทธิภาพ ปัจจุบันค่า PA++++ ถือว่าเป็นค่าที่มีประสิทธิภาพในการป้องกันรังสี UVAได้มากกว่า 16 เท่า
การเลือกครีมกันแดดให้เหมาะกับรูปแบบหน้าร้อน เพื่อให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุด คือเลือกให้เหมาะกับสภาพผิว โดยไม่ก่อให้เกิดการแพ้ มีประสิทธิภาพในการป้องกันรังสียูวีได้กว้างครอบคลุมทั้ง UVA และ UVB หากต้องทำกิจเลือก SPF ที่เหมาะสมกับไลฟ์สไตล์อย่างวันไหนต้องทำกิจกรรมกลางแจ้งมากๆ ก็ควรเลือกชนิดที่กันน้ำหรือกันเหงื่อได้ ควรทาในปริมาณที่พอเหมาะและเหมาะสม ประมาณ 2 ข้อนิ้วมือ หรือปริมาณเท่าเหรียญสิบบาท และควรทาซ้ำทุกๆ 2 ชั่วโมง หากเป็นครีมกันแดดชนิดที่ไม่กันน้ำ ควรทาซ้ำเมื่อเหงื่อออกมากหรือระหว่างทำกิจกรรม ควรทาให้ครอบคลุมพื้นที่บริเวณลำคอ ใบหู และบ่าด้วย
ข่าวที่เกี่ยวข้อง