ไลฟ์สไตล์

"หลวงพ่อปากแดง" 
แห่ง...วัดพระธาตุลำปางหลวง จ.ลำปาง

"หลวงพ่อปากแดง" แห่ง...วัดพระธาตุลำปางหลวง จ.ลำปาง

02 เม.ย. 2553

วัดพระธาตุลำปางหลวง เป็นที่รู้จักอย่างดีของนักท่องแดนธรรม ในฐานะที่เป็นปูชนียสถานสำคัญทางพุทธศาสนา ขณะที่ความงดงามในสถาปัตยกรรมของวัดไม้ที่เก่าแก่ที่สุดของประเทศไทยแห่งนี้ ยังเชื้อเชิญให้นักท่องเที่ยวแวะเวียนเข้าไปสัมผัสอย่างไม่ขาดสาย ซึ่งนอกจากความสวยงาม

  ไม่ปรากฏบันทึกที่ชัดเจนว่า วัดพระธาตุลำปางหลวงสร้างมาในยุคสมัยใด แต่ตามตำนานเชื่อกันว่า ในสมัยพุทธกาล พระพุทธเจ้าพร้อมด้วยพระเถระ ๓ องค์ ได้เสด็จจาริกไปตามบ้านเมืองต่างๆ จนถึงบ้านลัมภะการีวัน (บ้านลำปางหลวง) พระพุทธเจ้าประทับเหนือดอยม่อนน้อย มีชาวลัวะคนหนึ่งชื่อ ลัวะอ้ายกอน เกิดความเลื่อมใส ได้นำน้ำผึ้งบรรจุกระบอกไม้ป้างมะพร้าว และมะตูม มาถวายพระพุทธเจ้า

 พระพุทธองค์ได้ฉันน้ำผึ้ง แล้วทิ้งกระบอกไม้ป้างไปทางทิศเหนือ แล้วทรงพยากรณ์ว่า สถานที่แห่งนี้ต่อไปจะมีชื่อว่า "ลัมพกัปปะนคร" แล้วทรงลูบพระเศียร ได้พระเกศามาหนึ่งเส้น มอบให้แก่ลัวะอ้ายกอนผู้นั้น

 ลัวะอ้ายกอนได้นำพระเกศานั้นบรรจุในผอบทองคำ และใส่ลงในอุโมงค์พร้อมกับถวายแก้วแหวนเงินทองเป็นเครื่องบูชา แล้วแต่งยนต์ผัด (ยนต์หมุน) รักษาไว้ และถมดินให้เรียบเสมอกัน แล้วก่อเป็นพระเจดีย์สูง ๗ ศอกเหนืออุโมงค์นั้น

 ในสมัยต่อมามีกษัตริย์เจ้าผู้ครองนครลำปางอีกหลายพระองค์มาก่อสร้าง และบูรณะซ่อมแซม จนกระทั่งเป็นวัดที่มีความงามอย่างที่เห็นอยู่ในปัจจุบัน

 ส่วนทางประวัติศาสตร์ มีบันทึกในพงศาวดารลำปางว่า "ครั้ง พ.ศ.๒๒๗๕ พม่าแผ่อิทธิพลปกครองอาณาจักรล้านนา และเข้ายึดครองนครเชียงใหม่ ลำพูน โดยแต่งตั้งเจ้าผู้ครองนครอยู่ภายใต้การปกครองของกษัตริย์พม่า ท้าวมหายศเจ้าผู้ครองนครลำพูนได้ยกกำลังมายึดนครลำปาง โดยได้มาตั้งค่ายอยู่ภายในวัดพระธาตุลำปางหลวง" จึงคาดได้เพียงว่า วัดพระธาตุลำปางหลวงจะสร้างมาก่อนหน้า พ.ศ.๒๒๗๕ หรือมีอายุไม่น้อยกว่า ๒๗๘ ปี เป็นเบื้องต้น

 ในบริเวณกว่า ๓๐ ไร่ ของวัดพระธาตุลำปางหลวง นอกจากจะปรากฏศิลปกรรม สถาปัตยกรรม พระพุทธรูป และโบราณสถานสำคัญ อาทิ องค์พระธาตุเจดีย์ พระแก้วมรกต พระเจ้าล้านทอง วิหารน้ำแต้ม หอพระพุทธ ประตูโขง ซึ่งเป็นที่รู้จักอย่างแพร่หลายแล้ว เวลานี้พระพุทธรูปปากแดงยังเป็นที่สนใจของผู้พบเห็น

 รอบตัววิหารยังร่มรื่นไปด้วยต้นมะพร้าวน้อยใหญ่ ปูพื้นสนามหญ้าสีเขียวสะดุดตา ขณะที่สีทองของตัววิหารยังถูกขับให้จรัสแสงยามแดดต้องแสง ความสวยงามที่มีขึ้น ทำให้สถานที่แห่งนี้กลายเป็นอีกจุดหนึ่งที่นักท่องเที่ยวชื่นชอบในการถ่ายรูปตามจินตนาการที่หลากหลาย

 ภายในวัดพระธาตุลำปางหลวง มีหลายสิ่งที่ใช้เป็นปริศนาธรรมแก่ผู้มาเยือนได้ฉุกคิด และนำไปเป็นแนวทางในการดำเนินชีวิต ขณะเดียวกันยังเป็นแหล่งสั่งสมเรื่องราวทางประวัติศาสตร์ รอให้ผู้สนใจเข้ามาศึกษาค้นคว้า ทางวัดจึงหวังว่า ความนับถือในพระพุทธรูปปากแดงจะเป็นอีกหนึ่งในปุจฉาที่รอให้ค้นพบถึงความจริงแห่งธรรมที่ปราศจากเรื่องราวของปาฏิหาริย์

 วัดพระธาตุลำปางหลวง ตั้งอยู่ใน อ.เกาะคา จ.ลำปาง ห่างจากถนนพหลโยธิน ลำปาง-กรุงเทพฯ ประมาณ ๔ กิโลเมตร นอกจากความน่าสนใจภายในรั้ววัดแล้ว ยังมีบริการนั่งรถม้าอันเลื่องชื่อ ชมทัศนียภาพความสวยงามรอบวัด และวิถีชีวิตชุมชนรอบข้าง

 ว่ากันว่า ใครมาลำปางแล้วไม่ได้เข้าสักการะและเยี่ยมชมวัดพระธาตุลำปางหลวง ซึ่งเป็นที่มาของชื่อจังหวัดแห่งนี้ นับว่าไปไม่ถึงลำปาง แต่หากใครได้เข้าไปสัมผัสเยี่ยมชมแล้ว คงเกิดความประทับใจ จนต้องหาโอกาสกลับมาเยือนเป็นครั้งที่ ๒

พระศรีศากยะมุณี
  พระพุทธรูปปากแดงประดิษฐานเป็นองค์พระประธานภายในวิหารวัดพร้าว หรือวัดลุ่ม อันเป็นวัดบริวารของวัดพระธาตุลำปางหลวง หรือวัดบน 

 พระพุทธรูปปากแดงองค์นี้คาดว่าจะสร้างขึ้นพร้อมๆ กับวัดพระธาตุลำปางหลวง มีชื่อว่า "พระศรีศากยะมุณี" เป็นพระพุทธรูปปางมารวิชัย ขนาดหน้าตักประมาณ ๒ เมตร สูง ๓ เมตร ก่อนหน้านี้ปรากฏเพียงองค์พระประธานโดดเด่นอยู่บนแท่นฐาน แต่มีการสร้างวิหารครอบภายหลัง พ.ศ.๒๕๑๐

 ชื่อของ "พระพุทธรูปปากแดง" ถูกเรียกตามรูปลักษณ์ที่ปรากฏ โดยนอกจากองค์พระประธานจะมีปากสีแดงคล้ายทาด้วยลิปสติกแล้ว ด้านหน้าองค์พระประธานยังมีพระพุทธรูปขนาดเล็กตั้งอยู่เบื้องหน้า ซึ่งมีปากสีแดงด้วยเช่นกัน ขณะที่วิหารวัดพร้าวยังถูกบูรณะอย่างสวยงาม ตัววิหารทั้งภายนอกและภายในขับด้วยพื้นสีแดงประดับลวดลายปูนสลักด้วยสีทองทั้งหลัง เป็นที่สะดุดตาแก่ผู้พบเห็น

 พระครูพิธานนพกิจ เจ้าอาวาสวัดพระธาตุลำปางหลวง บอกว่า ก่อนหน้านี้ พระศรีศากยะมุณีมีตัวองค์พระสีขาว กระทั่ง พ.ศ.๒๕๕๐ มีการบูรณะครั้งใหญ่ ช่างที่บูรณะนอกจากจะลงทองเพื่อให้เกิดความสวยงามคงทนแล้ว ยังแต้มสีแดงที่โอษฐ์ (ปาก) ของพระพุทธรูป ด้วยจินตนาการให้มีสีสันสวยงาม ตัดกับสีทองอร่ามของตัวองค์พระ จนเป็นที่แปลกตาของผู้พบเห็น และกลายเป็นที่กล่าวขานจนถึงวันนี้

 แม้จะไม่ปรากฏความเชื่อในเชิงอภินิหารทางใดทางหนึ่ง เช่นเดียวกับ หลวงพ่อปากแดง พระพุทธรูปศักดิ์สิทธิ์ของชาว จ.นครนายก แต่ความแปลกตากลับทำให้บรรดาพุทธศาสนิกชนหลั่งไหลกันไปกราบไหว้ขอพรไม่น้อยไปกว่าพระเจ้าทันใจ ภายในวัดเดียวกัน โดยเชื่อกันว่าพระพุทธรูปปากแดงจะบันดาลพรให้สมหวังดังใจ พร้อมๆ กับเรื่องราวของพระพุทธรูปปากแดงที่ถูกเผยแพร่จนเป็นที่รู้จักไปทั่วประเทศ จนหลายคนต่างพากันเดินทางมาสักการะ หวังขอพรให้สมความตั้งใจ    
 
  หลังจากบูรณะจนสวยงามแล้ว จึงได้เปิดให้นักท่องเที่ยวเข้าชม พ.ศ. ๒๕๕๐ ซึ่งตั้งแต่บรรพาชาเป็นสามเณร กระทั่งเป็นเจ้าอาวาสยังไม่ปรากฏเป็นปาฏิหาริย์ใดให้เห็น ส่วนการกราบไหว้บูชาพระพุทธรูป ซึ่งเป็นตัวแทนองค์สัมมาสัมพุทธเจ้า เป็นเรื่องปกติของชาวพุทธ แต่แท้จริงแล้วพุทธศาสนาไม่เคยสอนให้งมงายในเรื่องของอภินิหาร แต่สอนให้ทำความดีละเว้นความชั่ว ทำจิตใจให้บริสุทธิ์ผ่องใส สิ่งที่จะบันดาลพรให้สมดังใจหวังคือ บุญวาสนาที่ได้ก่อไว้แต่ชาติปางก่อน ซึ่งเป็นความต่างของแต่ละบุคคล

 "พุทธศาสนิกชนหลั่งไหลกันไปกราบไหว้ขอพร โดยเชื่อกันว่าพระพุทธรูปปากแดงจะบันดาลพรให้สมหวังดังใจ จนหลายคนต่างพากันเดินทางมาสักการะ หวังขอพรให้สมความตั้งใจ"    

เรื่อง - ภาพ... "เอกพงศ์ ประดิษฐ์พงษ์"