Lifestyle

'ชา' แต่ละชนิด มีคุณสมบัติเหมือนอย่างไร ดื่มชนิดไหนช่วยเรื่องอะไรได้บ้าง

เกาะติดข่าวสาร >> คมชัดลึก ออนไลน์
logoline

'ชา' ที่วางขายอยู่ตามร้านทั่วไปมีหลากหลายประเภทให้เลือก แล้วคุณรู้หรือไม่ว่าชาแต่ละชนิดนั้นมีความแตกต่างกันอย่างไร แล้วดื่ม 'ชา' ชนิดไหนช่วยเรื่องอะไรได้บ้าง

พญ.ธนพร ศรีศุภชัยยา ให้ความรู้ว่า 'ชา' ที่วางขายอยู่ตามร้านทั่วไปนั้นมีทั้งชาขาว ชาเขียว และชาดำ สำหรับความแตกต่างอยู่ตรงจำนวนวันที่ใช้ในการหมักชา

 

  • ชาขาว คือ การที่เราเก็บใบชามาแล้วทำการอบแห้งเลย
  • ชาเขียว คือ การเก็บใบชาหมักประมาณ 3-4 วัน ก่อนจะนำมาทำเป็นใบชา
  • ชาดำ จะใช้เวลาหมักนานขึ้น อาจจะเป็นอาทิตย์หรือเป็นเดือนก่อนจะนำมาทำเป็นใบชา

 

การที่ชาดำมีจำนวนการหมักที่เยอะกว่าทำให้มีกลิ่นหอมกว่าชาเขียว ส่วนชาขาวแทบไม่มีการหมักเลยทำให้กลิ่นหอมของชาน้อยกว่า แต่การที่ชาเขียวกับชาขาวมีจำนวนวันหมักน้อยกว่าทำให้สารต้านอนุมูลอิสระในใบชายังเหลืออยู่เยอะ ดังนั้นชาเขียวกับชาขาวจึงมีคุณสมบัติในการต้านอนุมูลอิสระสูงมาก ถ้าใครอยากจะให้ร่างกายแข็งแรงหรือมีการอักเสบน้อยแนะนำให้ดื่มชาขาวหรือชาเขียว หรือถ้าใครอยากลดน้ำหนัก น้ำหนักเกิดจากไขมันใต้ผิวหนังซึ่งเป็นสารอักเสบอย่างหนึ่ง ชาเขียวหรือชาขาวที่เป็นสารต้านอักเสบจะช่วยเรื่องการลดน้ำหนักได้ดีกว่าชาดำ

 

ในขณะที่ชาดำมีวันหมักเยอะสารต้านอนุมูลอิสระลดลงแต่ว่าได้สารอื่นมาแทน คือ สารกระตุ้นการเผาผลาญไขมัน ดังนั้นใครมีปัญหาสุขภาพทางด้านไขมันในเส้นเลือดแนะนำให้ดื่มชาดำ

 

นอกจากนี้ยังมีชาอีกประเภทหนึ่งที่ปัจจุบันคนนิยมกันมากๆ คือ ชาผลไม้ หรือ ชาดอกไม้ อาทิ ชาคาโมมายล์ ชาแอปเปิ้ล ชาส้ม ชาเหล่านี้มีคุณสมบัติพิเศษ คือ ไม่มีคาเฟอีน จึงสามารถดื่มก่อนนอนได้ เพราะการดื่มก่อนนอนจะช่วยให้ได้รับน้ำมันหอมระเหย จากดอกไม้ หรือผลไม้ ช่วยให้เกิดความผ่อนคลายและนอนหลับได้ง่ายขึ้นนั่นเอง

 

ชาดอกไม้นอกจากมีฤทธิ์ทางด้านการช่วยนอน และไม่มีคาเฟอีนแล้ว ชาบางอย่างจะช่วยเรื่องการขับถ่ายด้วย ซึ่งถ้าเราดื่มชาทั่วไปจะทำให้ท้องผูก แต่ถ้าดื่มชาดอกไม้โดยเฉพาะชาดอก แดนดิไลออน (dandelion) จะช่วยทำให้การขับถ่ายดีขึ้น อาจจะทำให้คนที่เป็นท้องผูกอาการดีขึ้นได้

 

นอกจากนี้ยังมีชาทางเลือกอื่นๆ เช่น ชาใบหม่อน หรือ ชามัลเบอรี่ เป็นชาสมุนไพรมีคุณสมบัติในการกระตุ้นเซลล์ให้เกิดการซ่อมแซมตัวเองได้ดี ดังนั้นถ้าใครที่รู้สึกว่าร่างกายไม่แข็งแรงหรือเพิ่งหายป่วย แนะนำให้ดื่มชาชนิดนี้ และชาที่โด่งดังมากแต่คนมักจะลืมคือ เก๊กฮวย ตัวเก๊กฮวยเป็นดอกไม้อบแห้งเมื่อเรานำมาใส่น้ำร้อน ก็คือชาดอกไม้ชนิดหนึ่ง แต่ว่าเก๊กฮวยที่ซื้อตามท้องตลาดจะใส่น้ำตาล ซึ่งจะทำให้คุณสมบัติที่ดีของเก๊กฮวยหายไปถ้าเราอยากได้คุณสมบัติที่ดีของเก๊กฮวย แนะนำให้ดื่มแบบไม่ผสมน้ำตาล

 

เก๊กฮวยมีการวิจัยออกมาว่าช่วยลดการอักเสบของหลอดเลือดหัวใจได้ ในคนไข้ที่เป็นโรคหัวใจ หรือ โรความดันแนะนำให้ดื่มน้ำดอกเก๊กฮวยอย่างน้อยวันละ 1 แก้วสามารถจะผสมดอกกระเจี๊ยบแห้งก็ได้ จะทำให้คุณสมบัติด้านโรคหัวใจดีขึ้น

 

logoline

ข่าวที่น่าสนใจ