ไลฟ์สไตล์

จากของเหลือใช้สู่ "ปุ๋ย" ชั้นดี
"ข้าวโพดอินทรีย์" น้ำกากส่า

จากของเหลือใช้สู่ "ปุ๋ย" ชั้นดี "ข้าวโพดอินทรีย์" น้ำกากส่า

25 มี.ค. 2553

ของเหลือทิ้งอย่าง "น้ำกากส่า" จากโรงงานผลิตเอทานอลต้นแบบของโครงการ "ชุมชนต้นแบบผลิตเอทานอลด้วยพลังงานแสงอาทิตย์" ระยะที่ 3 ภายใต้ความร่วมมือระหว่างมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าธนบุรี (มทธ.) และสำนักงานคณะกรรมการวิจัยแห่งชาติ (วช.) กลายเป็นปุ๋ยอินทรีย์ชั

    "จริงๆ แล้ว อาชีพหลักของชาวบ้านที่นี่จะปลูกข้าวโพดและทำไร่มันสำปะหลัง ต้นทุนส่วนใหญ่หมดไปกับค่าปุ๋ยเคมี ค่ายา แต่หลังจากน้ำกากส่าจากโรงงานผลิตเอทานอลมาทดลองใช้ดูปรากฏว่าได้ผลดีมาก เมล็ดข้าวโพดเต็มฝัก โรคแมลงศัตรูพืชไม่มี คุณภาพดีขึ้นอย่างเห็นได้ชัด ที่สำคัญไม่มีต้นทุนในเรื่องค่าปุ๋ย ค่ายาเหมือนเมื่อก่อน เพราะใส่ตอนเตรียมดินครั้งเดียวก็รอจนเก็บเกี่ยวผลผลิตได้เลย"

 คุณสมบัติของน้ำกากส่าที่ "ธีรเชษฐ์ สินศิริวัฒนสุข" ผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้านวังศิลา ต.วังหมี อ.วังน้ำเขียว จ.นครราชสีมา เกษตรกรเจ้าของไร่ข้าวโพดนำมาทดลองใช้แทนปุ๋ยเคมี จนได้รับผลตอบสนองที่ดีได้อย่างน่าทึ่ง เพราะนอกจากไม่ต้องกังวลสารเคมีตกค้าง ลดปัญหามลพิษด้านสิ่งแวดล้อมและเป็นผลดีต่อสุขภาพของเกษตรกรแล้ว ยังสามารถนำของเหลือใช้จากโรงงานมาประยุกต์ให้เกิดประโยชน์แก่คนในชุมชนอีกด้วย

 "น้ำกากส่าใช้ได้กับพืชที่เป็นหัวเช่น ฟักทอง ฟักเขียว ขนุน หรือเป็นฝักอย่างข้าวโพดจะได้ผลดีมาก รสชาติจะหวานกว่าปกติ แต่ไม่เหมาะกับพืชใบหรือสมุนไพรต่างๆ  อย่าง ผักกาด ผักชี โหระพา ฯลฯ อย่างข้าวโพดรสชาติก็จะหวานมากขึ้น เพราะผมทดลองนำมาใส่กับพืชผักและผลไม้ที่ปลูกไว้บริเวณบ้านมาแล้ว"

 ธีรเชษฐ์ อธิบายรายละเอียดในการเตรียมแปลงดินปลูกข้าวโพดหวานว่า เริ่มด้วยการไถกลบวัชพืช ตากดินประมาณ 7-15 วันก่อนปลูกข้าวโพด ซึ่งขี้นอยู่กับสภาพดิน จากนั้นผสมน้ำกากส่าจำนวน 10 ตัน หรือ 1 หมื่นกิโลกรัมต่อไร่ คลุกผสมเข้ากับดินแปลงที่เตรียมไว้ แล้วไถดินที่คลุกไว้ครั้งสุดท้ายแล้วตากดินไว้อย่างน้อย 10-14 วันก่อนปลูกข้าวโพดเพื่อลดความเป็นกรดของน้ำส่าปุ๋ยในดิน ถ้าสภาพดินแห้งมากให้รดน้ำสัปดาห์ละ 1 ครั้ง ก่อนหยอดเมล็ดพันธุ์ข้าวโพดที่ต้องการลงไป

 "การนำน้ำกากส่ามาคลุกกับดินที่ต้องการปลูกพืช เช่น ข้าวโพด ต้องใช้น้ำส่า 1 หมื่นกิโลกรัมต่อพื้นที่ปลูก 1 ไร่ แต่ถ้าเป็นกากส่าหรือปุ๋ยก้อนจากโรงหมักก็ให้นำมาผสมน้ำก่อนในอัตราส่วน 1 ต่อ 5 ก่อนนำไปคลุกกับดินและใช้ในสัดส่วนปกติเหมือนกรณีเป็นน้ำกากส่า"

 เกษตรกรเจ้าของไร่ข้าวโพดหวานรายเดิมระบุด้วยว่า สำหรับการปลูกข้าวโพดนั้นจะใช้วิธีการปลูกแบบแถวเดี่ยวระยะระหว่างแถว 75 เซนติเมตร ระยะระหว่างต้น 25 เซนติเมตร หยอดหลุมละ 34 เม็ด เมื่องอกแล้วถอนออกให้เหลือ 1 ต้นต่อหลุมตอนงอก หลังจากหยอดข้าวโพดแล้วให้รดน้ำทุกวันในช่วง 7 วันแรกที่หยอดเป็นช่วงสำคัญของการปลูกข้าวโพด เพราะเป็นระยะงอก ถ้าขาดน้ำจะได้ผลผลิตต่ำและการงอกน้อย ส่วนระยะออกดอกเป็นระยะสำคัญอีกระยะหนึ่งคือต้องให้น้ำทุกวัน ช่วงออกดอกจะให้ผลผลิตสูง สำหรับการดูแลให้น้ำข้าวโพดหลังงอกและออกดอกแล้วสามารถให้น้ำน้อยลงได้เช่น ทุก 3 วัน ถ้าแล้งฝนไม่ตกหรืออาทิตย์ละครั้งก็ได้ ทั้งนี้ขึ้นกับสภาพอากาศด้วย

 "จากที่ผมได้ทดลองตามคำแนะนำของอาจารย์จากพระจอมเกล้าธนบุรี ที่มาติดตามผล พบว่าน้ำกากส่าหรือกากส่า หรือปุ๋ยก้อน จากการหมักแอลกอฮอล์สามารถใช้ทดแทนการใส่ปุ๋ยเคมีสูตร 15-15-15 จำนวน 50 กิโลกรัมต่อไร่ ร่วมกับปุ๋ยยูเรีย สูตร 46-0-0 จำนวน 25 กิโลกรัมต่อไร่ในการปลูกข้าวโพดได้ดีและสามารถใช้ผสมร่วมกับปุ๋ยเคมี โดยลดจำนวนปุ๋ยเคมีลงครึ่งหนึ่งจากสูตรปกติ " ธีรเชษฐ์ กล่าวทิ้งท้าย

 การปลูกข้าวโพดหวานด้วยปุ๋ยอินทรีย์จากน้ำกากส่า นับเป็นการประยุกต์ของเหลือใช้จากโรงงานผลิตเอทานอลต้นแบบของเกษตรกรผู้ปลูกข้าวโพดแห่งชุมชนบ้านวังศิลาได้อย่างน่าทึ่ง
 
"สุรัตน์ อัตตะ"