
หลบลมร้อนเข้าถนนสายชะอม-บ้านบึงไม้อาณาจักรไม้ขุดล้อมใหญ่ที่สุดในไทย
หากใครขับรถผ่านถนนสายบ้านนา-แก่งคอย ผ่าน ต.ชะอม อ.แก่งคอย จ.สระบุรี จะแลเห็นทั้งสองฟากฝั่งถนน จะมีต้นไม้ขุดล้อมเรียงรายตลอดแนวยาวนับสิบๆ กิโลเมตร เห็นจนสุดลูกตา โดยเฉพาะถนนเชื่อมสายชะอม-บ้านบึงไม้ ต.ชะอม อ.แก่งคอย จ.สระบุรี
จะมีมากที่สุด สอบถามชาวบ้านทราบว่า เมื่อ 36 ปีก่อน หรือประมาณปี 2517 มีบริษัทจากต่างประเทศบริษัทหนึ่ง เข้ามาแนะนำให้ชาวบ้านใน ต.ชะอม ปลูกต้นไม้แบบไม้ขุดล้อม พร้อมส่งเจ้าหน้าที่มาสอนชาวบ้านถึงวิธีการและขั้นตอนการปลูกเพื่อต้องการนำต้นไม้ที่ส่งเสริมให้ปลูกส่งขายให้บริษัทดังกล่าว เพื่อนำไปปลูกที่บริษัทของตนเอง
ต่อมาก็มีหลายหน่วยงานของรัฐและอีกหลายบริษัท รวมถึงคนทั่วไปต้องการซื้อไม้ขุดล้อมไปปลูกเช่นกัน ซึ่งช่วงแรกชาวบ้านจะไปขุดต้นไม้ป่า พอมาตอนหลังความต้องการมีมากขึ้น ชาวบ้านส่วนหนึ่งจึงหันมาปลูกไม้ขุดล้อมเนื่องจากเห็นว่ามีรายได้ดี ซึ่งภายหลังเริ่มมีลูกค้าติดต่อขอซื้อมากขึ้น ชาวบ้านก็เริ่มขยายทำไม้ขุดล้อมกันมากขึ้นจนเป็นอาชีพ สร้างรายได้เป็นอย่างดีแก่ชาวบ้านในละแวกนั้นจนถึงทุกวันนี้
ไม้ขุดล้อมเป็นต้นไม้พันธุ์ที่มีลำต้นเดี่ยวๆ มีตั้งแต่ต้นขนาดเส้นรอบวงของลำต้น 1 นิ้น จนถึง 50 นิ้ว ขายตั้งแต่ราคาต้นละ 50 บาท จนถึงต้นละหลักแสนบาท อาทิ ต้นพญาสัตบรรณ ประดู่ ตีนเป็ดน้ำ เหลืองปรีดียาธร ปีบขาว ปีบทอง อินทนิล ตะแบก ราชพฤกษ์ นนทรี เหลืองสิรินธร คูน ประดู่ หางนกยูง ฯลฯ เป็นต้นที่เหมาะสำหรับนำไปปลูกตกแต่งสวน หรือสถานที่ต่างๆ ให้สวยงามร่มรื่น โดยเฉพาะไม้ที่แพงที่สุดจะเป็นไม้มงคลอย่าง ต้นอินจัน ราคาต้นละหลักแสนบาท
ที่จริง ต.ชะอม อ.แก่งคอย แยกมาจาก ต.ชำผักแพว อ.แก่งคอย จ.สระบุรี เมื่อปี 2513 มีเนื้อที่ประมาณ 181.824 ตารางกิโลเมตร หรือประมาณ 72,657 ไร่ มี 17 หมู่บ้าน มี 2,021 หลังคาเรือน มีประชากรกว่า 6,000 คน พื้นที่ส่วนใหญ่เป็นพื้นที่ราบสูง มีป่าปกคลุมจำนวนมาก พื้นที่บางส่วนอยู่ในเขตอุทยานแห่งชาติเขาใหญ่ สภาพดินเป็นดินร่วน มีความอุดมสมบูรณ์ เหมาะแก่การปลูกพืชไร่ พืชสวน ประชากรมีอาชีพทำไร่ ทำสวน เลี้ยงสัตว์ และรับจ้างทั่วไป แต่ปัจจุบันกว่า 90% หันมายึดอาชีพปลูกต้นไม้ขุดล้อมขาย เนื่องจากมีรายได้กว่าการปลูกพืชไร่เสียอีก อย่าง นายสุริยะ อุดมพร ก็เป็นอีกคนหนึ่งที่เปลี่ยนอาชีพจากการทำนาหันมาปลูกต้นไม้ขุดล้อม จนปัจจุบันเป็นยอมรับในหมู่ประกอบอาชีพด้านนี้ให้ดำรงตำแหน่งประธานกลุ่มไม้ขุดล้อม ต.ชะอม อ.แก่งคอย จ.สระบุรี
นายสุริยะบอกว่า เริ่มปลูกเมื่อปี 2530 จากเดิมเคยยึดอาชีพทำนา ตอนหลังเห็นบริษัท มีโร่ วอลโว่ จำกัด ของนายมีชัย วีระไวทยะ ไปรับต้นไม้เพื่อไปปลูกเพื่อส่งเสริมสิ่งแแวดล้อม จึงใช้พื้นที่ทำนา หันมาปลูกต้นไม้ เนื่องจากไม่จำเป็นต้องรอน้ำเหมือนทำนา ปลูกต้นไม้หลายสิบชนิด ซึ่งในแต่ละวัน นายสุริยะบอกว่ามีรายได้บางวันเป็นหลักแสน แต่บางวันขายไม่ได้เลย โดยเฉพาะในช่วงฤดูร้อน เนื่องจากต้นไม้ที่ลูกค้าซื้อไปจะปลูกยาก เพราะช่วงปลูกใหม่ต้องรดน้ำตลอด แต่ขณะเดียวกันหากเป็นฤดูฝนจะขายดีมาก บางเดือนอาจถึงหลักล้านบาท
"พูดถึงไม้ขุดล้อมใน ต.ชะอม ถือเป็นแหล่งใหญ่ของประเทศก็ว่าได้ เพราะชาวบ้านกว่า 90% หันมาปลูกต้นไม้ขุดล้อมกัน และไม่เฉพาะแต่ใน ต.ชะอมเท่านั้น หากแต่ขยายพื้นที่อื่นอีกหลายตำบล นับร้อยๆ รายมีพื้นที่ปลูกต้นไม้เพื่อขุดล้อมนับหมื่นๆ ไร่ มีเงินสะพัดในแต่วันหลายล้านบาท" นายสุริยะ กล่าว
ไม้ขุดล้อมคือ ต้นไม้พันธุ์ที่มีลำต้นเดี่ยวๆ ไม่ได้พึ่งพิงต้นไม้อื่นๆ ทั้งต้นใหญ่ ต้นเล็ก ชาวบ้าน ต.ชะอม ทำไม้ขุดล้อม อาทิ ต้นพญาสัตบรรณ ประดู่ ตีนเป็ดน้ำ เหลืองปรีดียาธร ปีบขาว ปีบทอง อินทนิล ตะแบก ราชพฤกษ์ นนทรี เหลืองสิรินธร คูน ประดู่ หางนกยูง ฯลฯ เหมาะสำหรับนำไปปลูกตบแต่งสวน หรือสถานที่ต่างๆ ให้สวยงามร่มรื่น เมื่อนำไม้ขุดล้อมมาลงในหลุมที่เตรียมไว้แล้ว ต้องมีไม้ค้ำยัน เพื่อยึดไม่ให้ต้นไม้ขยับเขยื้อนได้ ดูแลรดน้ำพอสมควรจนกว่ารากจะเจาะเข้าในเนื้อดินยืนต้นได้เอง เมื่อเห็นว่าทรงอยู่ได้จึงนำไม้ค้ำยันออก ก็จะได้ต้นไม้ยืนต้นที่สวยงามตามปรารถนา เร็วทันใจ ไม่ต้องเริ่มปลูกตั้งแต่ต้นเล็กๆ และรอให้เติบใหญ่ เสียเวลา
ด้าน นายชโลธร ผาโคตร รองผู้ว่าราชการจังหวัดสระบุรี กล่าวระหว่างไปเป็นประธานในการจัดเวทีประชาคมแลกเปลี่ยนเรียนรู้ของกลุ่มเกษตรกรที่ประกอบอาชีพปลูกไม้ขุดล้อมจำหน่าย ในเขตพื้นที่ ต.ชะอม อ.แก่งคอย จ.สระบุรี ที่ห้องประชุมโรงเรียนวัดบำรุงธรรม ต.ชะอม เมื่อเร็วๆ นี้ บอกว่า ปัจจุบันมีเกษตรกรที่ปลูกไม้ขุดล้อม ไม้ดอก ไม้ประดับจำหน่าย ที่ขึ้นทะเบียนไว้แล้วมีจำนวน 401 รายมีพื้นที่ปลูกจำนวน 5,143 ไร่ และมีแผงวางขายจำนวน 166 แผง นอกจากนี้ที่ยังไม่ขึ้นทะเบียนอีกจำนวนมาก แต่ช่วงนี้ต้องยอมรับเกษตรกรที่ยึดอาชีพนี้กำลังประสบปัญหาการขาดแคลนแหล่งน้ำที่จะนำมารดต้นไม้ และประสบปัญหาราคาจำหน่ายตกต่ำ ต้องการให้ทางราชการเข้ามาช่วยเหลือแนะนำ
"เดิมทีเกษตรกรเคยรวมกลุ่มจัดตั้งเป็นสหกรณ์แต่ภายหลังต้องล่มสลายไป เพราะระบบการบริหารไม่รัดกุม พอสหกรณ์ล่มการจำหน่ายไม้ขุดล้อมเป็นไปในลักษณะต่างคนต่างขาย ขายตัดราคากัน ส่งผลกระทบด้านการตลาดทำให้พ่อค้าคนกลางเอารัดเอาเปรียบ ซื้อราคาถูกและนำไปขายราคาสูงกว่าต้นทุนมาก ทั้งที่ในความเป็นจริงความต้องการของลูกค้าก็ยังสามารถขายได้อย่างสม่ำเสมอ ไม้ที่ขายดีเน้นการปลูกพันธุ์ไม้ที่มีใบสวย และดอกสวย และอีกปัญหาหนึ่งที่พบบ่อยคือเรื่องการขนย้ายไม้ขุดล้อมไปจำหน่าย จะถูกเจ้าหน้าที่จับปรับ ทั้งๆ ที่พันธุ์ไม้เป็นไม้ที่เกษตรกรปลูกขึ้นมาเอง ไม่ได้นำมาจากภูเขาหรือป่าไม้ธรรมชาติแต่อย่างใด ตรงนี้เกษตรกรอยากให้ทางราชการช่วยเหลือทำความเข้าใจต่อเจ้าหน้าที่ด้วย" นายชโลธร กล่าว
กระนั้น นายชโลธร บอกว่า อาชีพการขุดไม้ล้อมใน ต.ชะอม แนวทางที่ทางราชการให้คำแนะนำคือการจัดตั้งศูนย์เรียนรู้เพื่อเป็นศูนย์กลางข้อมูลข่าวสาร ให้ผู้สนใจหรือลูกค้าเข้ามาติดต่อซื้อขายได้อย่างสะดวก และเป็นศูนย์เรียนรู้สำหรับเกษตรกรในเรื่องการปลูก การตลาด การจำหน่าย และการประชาสัมพันธ์ โดยจะต้องทำประชาคมกลุ่มย่อยและนำแนวคิดมาเสนอในเวทีประชาคมครั้งต่อไปเพื่อกำหนดทิศทางการดำเนินงาน ทั้งนี้โดยวางเป้าหมายให้ ต.ชะอม เป็นแหล่งจำหน่ายไม้ขุดล้อมที่ใหญ่ที่สุดในประเทศไทยต่อไป
อย่างไรก็ตาม ปัญหาต่างๆ ที่เกิดขึ้นในส่วนของเกษตรกรนั้น นายสุริยะ อุดมพร ในฐานะประธานกลุ่มไม้ขุดล้อม ต.ชะอม พยายามที่จะรวมกลุ่มเกษตรกรเพื่อกำหนดทิศทางราคาและการดำเนินไปในทางเดียว แต่กระนั้น นายสุริยะ เองยอมรับว่า เป็นเรื่องยากที่จะรวมคนนับร้อยๆ คนมาร่วมกัน เนื่องจากต่างคนต่างมีความคิดเห็นที่แตกต่างกันอยู่
กมลรัฐ สุพรรณ์นอก